บทความทั้งหมด
รอบรู้มัทฉะ
กลิ่นหอมที่แตกต่างของ “เก็นไมฉะ”
27 มิ.ย. 20

เมื่อพูดถึงชาเขียวญี่ปุ่น หลายคนคงนึกถึง “มัทฉะ” เป็นอย่างแรก เพราะมัทฉะเป็นชาเขียวชั้นเลิศที่ใช้ในพิธีชงชาของชนชั้นสูงในญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยกระบวนการบดยอดอ่อนใบชาอย่างพิถีพิถัน จนได้รสชาติที่กลมกล่อม ส่วน “เซนฉะ” เป็นชาเขียวอีกประเภทที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยรสชาติสดชื่น ดื่มง่าย แต่ในปัจจุบันยังมีชาเขียวอีกประเภทที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง “เก็นไมฉะ” ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากข้าวคั่วที่แตกต่างจากชาเขียวอื่นๆ

 

genmaicha

 

เก็นไมฉะ (玄米茶: Genmaicha) เป็นชาเขียวที่มีคาเฟอีนต่ำมากเมื่อเทียบกับชาเขียวประเภทอื่นๆ ทำให้สามารถดื่มได้ทุกเวลาและเหมาะกับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังชงง่ายและราคาย่อมเยา

จุดเด่นของเก็นไมฉะคือกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างใบชาเขียวและข้าวคั่ว ทำให้ใบชาในเก็นไมฉะมีสีเหลืองทอง ไม่เขียวมากและไม่เป็นสีน้ำตาลแบบข้าวคั่ว ข้าวที่ใช้ในเก็นไมฉะต้องคัดสรรพันธุ์ดีของญี่ปุ่น ผ่านการคั่วด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมและผสมกับใบชาในสัดส่วน 1:1 กลายเป็นชาที่มีกลิ่นหอมโดดเด่น รสชาติฝาดเล็กน้อย หวานน้อย และสามารถจับคู่กับอาหารอื่นๆ ได้ดี

 

genmaicha

 

ความพิเศษของเก็นไมฉะยังอยู่ที่คุณภาพของข้าวคั่ว การคั่วข้าวต้องระวังไม่ให้แตกเหมือนป๊อปคอร์น เพราะถ้าแตกมากเกินไปจะลดคุณภาพของชาเมื่อนำไปผสมกับชาเขียว ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ เก็นไมฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลความดันโลหิต และลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจ

genmaicha

 

มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเก็นไมฉะ บางตำรากล่าวว่าเกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยพ่อค้าชาชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเสียดายข้าวที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จึงนำมาคั่วและผสมกับชาเขียว ในขณะที่อีกตำราหนึ่งเล่าว่าเก็นไมฉะเกิดขึ้นที่เกียวโต เมื่อพ่อค้าชาเขียวผู้เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ได้ทดลองผสมข้าวคั่วกับใบชาเขียว จนเกิดเป็นชาที่มีกลิ่นและรสชาติเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

 

genmaicha

 

เก็นไมฉะเป็นชาเขียวที่ผสมข้าวกล้องคั่ว ข้าวกล้องจะถูกนำไปนึ่งก่อนแล้วคั่วจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน จากนั้นนำมาผสมกับใบชาเขียวในสัดส่วน 1:1 ทำให้เมื่อดื่มเก็นไมฉะ จะได้กลิ่นหอมอันโดดเด่นที่แตกต่างจากชาเขียวทั่วไป แม้ว่าเก็นไมฉะจะเป็นชาราคาย่อมเยา แต่ก็มีวิธีการชงที่เฉพาะตัว การชงด้วยน้ำร้อน 100°C ในเวลาเพียง 30 วินาที จะช่วยคงรสชาติไม่ให้ขมเกินไป

 

สำหรับวิธีการชงที่แนะนำ ควรใช้น้ำที่อุณหภูมิ 80–85°C และแช่ชานาน 3-5 นาที เพื่อให้ได้รสชาติที่สมดุล หากชงนานเกินไป ชาจะมีรสฝาดมากขึ้น

ชอบบทความนี้ ?
โปรดแชร์ให้เพื่อนๆ