เวลาสั่งกาแฟ จะเห็นว่าในเมนูบางร้าน นอกจากเมนูกาแฟปกติ ก็จะมี option เพิ่ม Espresso shot อยู่ในนั้นด้วยเพื่อเอาใจคนชอบดื่มแบบเข้มๆ แต่ถ้าเป็นเมนูชา ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาโฮจิฉะ หรือชาไทย เราแทบจะไม่เห็นการเพิ่มช็อตชา เพื่อให้ชามีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจริงๆแล้ว ในต่างประเทศมี Option เพิ่มช็อตชา หรือแม้กระทั่งการขาย Matcha shot เหมือนการขาย Espresso shot ก็มีเช่นกัน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพพสมควรเลยทีเดียว แต่คนไทยจะไม่ค่อยคุ้นชินกับการดื่มชาเป็นช็อตแบบนี้
หากใครเป็นคนที่รักการดื่มชาเขียว จะพอทราบว่าการชงชาเขียวตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น จะมีการชงแบบ Usucha และ Koicha ( ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2RrD29N ) ซึ่งการทำ Matcha Shot ก็เป็นการดื่มที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้คนพยายามหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้ได้ลิ้มรสของชาเขียวเข้มข้น
ซึ่งความน่าสนใจของ Matcha shot คือ อัตราส่วนของน้ำต่อมัทฉะที่ใช้ในการชงนั้นใกล้เคียงกับ Usucha เพราะ Matcha shot ประกอบไปด้วยผงมัทฉะ กับน้ำร้อนเท่านั้น
ผงมัทฉะชนิดใดที่คุณควรใช้ในการทำ Matcha Shot ?
แนะนำเป็นเกรดพิธีการ ( Ceremonial Grade ) เพราะ Matcha shot มีจุดเด่น คือ รสชาติและสีของชา ซึ่งจะมาจากคุณภาพของผงมัทฉะล้วนๆ เพื่อให้ได้ Matcha shot ที่สีเขียวสดใส และ รสขมที่ชัดจากผงมัทฉะเพียวๆ การเสิร์ฟ Matcha shot ตามมาตรฐานคือ
ผงมัทฉะ 1 ช้อนชาหรือ 2 กรัม กับน้ำ 70 – 100 ม.ล. โดยน้ำมีอุณภูมิอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส หากเป็นน้ำที่เพิ่งต้มเดือดๆเลย แนะนำเป็นให้วางทิ้งไว้สัก 5 นาทีเพื่อให้อุณหภูมิน้ำลดลง
หลังจากเทน้ำผสมกับผงมัทฉะแล้วให้ปิดฝาขวดแล้วเขย่าประมาณ 30 วินาที หรือจนกว่าผงมัทฉะจะละลาย เสิร์ฟเป็น Matcha shot ได้เลย แต่ถ้าใครที่ถนัดกับการใช้ฉะเซ็นตี ก็สามารถทำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Matcha shot อาจจะไม่เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดดื่มชาเขียว เพราะ Matcha shot จะมีความเข้มข้นกว่ามากในช่วงแรกที่ดื่ม ( คล้ายกับดาร์กช็อกโกแลต 70% ) หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีความเข้มข้นนั้น จะเปลี่ยนเป็นรสอูมามิที่ค้างอยู่ในคอ และมีรสชาติชาขมๆค้างอยู่ในปาก หากเพิ่งเริ่มดื่มมัทฉะแนะนำให้ดื่มเป็นมัทฉะลาเต้ หรือเป็นมัทฉะเพียวแบบเย็นจะดื่มง่ายกว่า
หากถามว่าการดื่ม Matcha shot กับ Espresso shot แบบไหนได้คาเฟอีนที่มากกว่ากัน สังเกตได้จากปริมาณคาเฟอีนในมัทฉะขึ้นอยู่กับปริมาณผงมัทฉะที่คุณใช้ ผงมัทฉะ 1 ช้อนชาจะมีคาเฟอีนประมาณ 70 มก. ดังนั้น Matcha shot จะมีคาเฟอีนประมาณ 70 มก. หากเปรียบเทียบกับ Espresso shot ในปริมาณที่เท่ากัน Espresso shot จะมีคาเฟอีนอยู่ที่ประมาณ 80 มก.
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Espresso shot และ Matcha shot คือ คาเฟอีนใน Matcha shot จะถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆเนื่องจากมีแอล – ธีอะนีน นั่นหมายความว่า แม้ว่าเครื่องดื่ม 2 ชนิดจะมีคาเฟอีน แต่ Espresso จะมีคาเฟอีนอยู่ในร่างกายเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นหากใครที่อยากให้คาเฟอีนอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น เพื่อให้มีสมาธิ และช่วยให้สงบนิ่งมากขึ้น แนะนำเป็นให้ดื่ม Matcha shot แทนจะดีกว่า
Matcha shot เป็นเครื่องดื่มชาเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างสูง จึงแนะนำให้ดื่มทันทีที่ชงเสร็จ เพื่อความสดใหม่ และเพื่อเพิ่มพลังงานได้ในทันทีหลังจากดื่ม จึงเหมาะกับการดื่มในเช้าวันใหม่ หรือเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน หรือจากการนอนไม่เพียงพอ การดื่ม Matcha shot จะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น เพราะการทำ Matcha shot ถูกดัดแปลงวิธีการชงให้ชงง่ายรวดเร็ว และเพื่อให้ดื่มได้ง่ายๆเพื่อรีบูสความสดชื่นในร่างกาย ทำให้บางคนที่อยากได้คุณค่าทางสารอาหารเต็มๆ
มาเริ่มต้นเช้าวันใหม่ ด้วย Matcha shot อุ่นๆสักแก้ว ดีมั้ยคะ 🙂
ที่มา
https://naokimatcha.com/recipes/matcha-shot/
http://hungarianhousewife.com/afternoon-boost-matcha-shot
บทความจาก : Fuwafuwa