บทความทั้งหมด
รอบรู้มัทฉะ
เรื่องเล็กๆ ที่ทำให้รสชาติชาไม่คงที่
12 ต.ค. 19

เวลาไปที่ร้านชาและกาแฟ หลายคนมักจะสั่งมัทฉะลาเต้เป็นเมนูโปรด ดื่มบ่อย ๆ ก็อาจเริ่มสังเกตเห็นว่ารสชาติและกลิ่นของมัทฉะนั้นไม่คงที่ บางครั้งหอมเข้มข้น บางครั้งก็ออกฝาด ทั้งที่ใช้มัทฉะตัวเดิม แล้วเคยสงสัยไหมว่าเพราะอะไร? หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือฝีมือการชงของบาริสต้า หากไม่วัดปริมาณหรือควบคุมอุณหภูมิความร้อนของน้ำอย่างแม่นยำ รสชาติของมัทฉะที่ได้ก็อาจเปลี่ยนไป

การเก็บผงมัทฉะ

หลายคนอาจเลือกเก็บมัทฉะไว้ในห้องครัวเพราะสะดวก สามารถใช้ทำเมนูอาหารและชงชาได้ แต่ความจริงแล้ว ห้องครัวไม่ใช่ที่ที่เหมาะสำหรับเก็บชาเลยค่ะ เนื่องจากมีทั้งความร้อนจากเตา กลิ่นอาหาร และความชื้น ซึ่งล้วนทำให้มัทฉะเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น สีซีดและกลิ่นหอมจางลงได้ง่ายๆ

 

หรือบางคนที่ทำร้านเครื่องดื่มอาจวางมัทฉะไว้บนเคาน์เตอร์เพื่อความสะดวก ถ้าใช้หมดเร็วก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามัทฉะเหลือค้างสต๊อก โดยเฉพาะถ้าเคาน์เตอร์อยู่ใกล้ประตูหรือหน้าต่าง ควรเก็บมัทฉะในตู้เย็นจะดีกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจากแดดหรือฝนอาจทำให้มัทฉะเสื่อมเร็วขึ้น

 

สำหรับการเก็บในตู้เย็น แม้จะยืดอายุมัทฉะได้ แต่ก็ต้องระวัง 2 เรื่อง คือ

  1. กลิ่นอาหารในตู้เย็นที่อาจมาติดมัทฉะ
  2. ความชื้นที่เกิดขึ้นเมื่อนำออกจากตู้เย็น

 

วิธีแก้คือใส่มัทฉะในถุงซิปล็อกให้แน่นหนา และปล่อยให้หายเย็นก่อนนำมาใช้สักครึ่งวันเพื่อรักษาคุณภาพ

ภาชนะเก็บมัทฉะ

การเลือกภาชนะเก็บมัทฉะอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีสิ่งสำคัญที่ควรระวัง หนึ่งในนั้นคือการใช้กระปุกใส แม้ว่าการโชว์สีสันสดของมัทฉะในร้านจะดูดึงดูด แต่การให้แสงมาต้องชาตรง ๆ จะทำให้สีซีดลง และอาจทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หากต้องการใช้กระปุกใสจริง ๆ แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ที่ไม่มีแสง เช่น ห้องมืด หรือมั่นใจว่าชาจะถูกใช้หมดภายในวันเดียว

อีกประเด็นคือ ขนาดของกระปุก หากใช้กระปุกใหญ่ที่ต้องเปิดบ่อย ๆ มัทฉะจะสัมผัสกับอากาศมากขึ้น กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์จะค่อย ๆ จางหายไป แนะนำให้แบ่งเก็บในกระปุกเล็ก ๆ ที่สามารถใช้ได้หมดในไม่กี่วัน จะช่วยรักษาคุณภาพของชาไว้ได้นานกว่าการเก็บในปริมาณมาก

 

ภาชนะที่ใช้เสิร์ฟชา

ภาชนะที่เราเลือกใช้ในการดื่มเครื่องดื่ม ไม่เพียงแต่มีผลต่อการเสิร์ฟ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์และความรู้สึกของผู้ดื่มด้วย ดีไซน์และลักษณะของภาชนะสามารถกำหนดบรรยากาศของเมนูได้ หากต้องการบรรยากาศหรูหรา ภาชนะที่ดูบอบบางมีความประณีตย่อมเสริมสร้างบรรยากาศนั้น แต่ถ้าต้องการความเรียบง่ายสบาย ๆ ภาชนะก็ต้องสะท้อนความรู้สึกนั้นเช่นกัน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องนามธรรม หากมองให้ลึกจะพบว่ามีเหตุผลที่ชัดเจนเชิงรูปธรรมเกี่ยวกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการใช้ภาชนะต่าง ๆ

 

การใช้หลอดกับแก้ว หลอดนั้นสะดวกในการพกพา แต่ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านหลอดเข้าปากนั้นถูกจำกัด ทำให้เสียความรู้สึกของการดื่มน้ำอย่างเต็มที่ ต่างจากการดื่มจากแก้วที่ให้สัมผัสน้ำได้เต็มปากและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า

 

ขนาดของขอบแก้ว ถ้าขอบบางจะทำให้น้ำไหลเข้าปากได้ตรงและชัดเจน เหมาะสำหรับการลิ้มรสที่ซับซ้อน ขณะที่ขอบหนาช่วยให้น้ำไหลช้าลง สร้างสัมผัสที่นุ่มนวลกว่า โดยเฉพาะเมื่อดื่มนมหรือเครื่องดื่มที่มีฟอง

 

ความหนาของภาชนะ ภาชนะเนื้อบางมักให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ไม่เก็บอุณหภูมิได้ดี ทำให้อาหารหรือเครื่องดื่มเย็นหรือร้อนเร็วเกินไป ในขณะที่ภาชนะเนื้อหนาจะรักษาอุณหภูมิได้ดี แต่ต้องอุ่นหรือทำให้เย็นภาชนะก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับเครื่องดื่มที่เสิร์ฟ

 

ขนาดปากแก้วยังเป็นตัวกำหนดปริมาณน้ำที่เข้าปากในแต่ละคำ หากต้องการให้ค่อย ๆ ดื่มก็ควรเลือกแก้วปากเล็ก แต่หากต้องการความสดชื่น รวดเร็ว ควรใช้แก้วปากกว้าง และหากแก้วมีปากบานออก น้ำจะไหลเข้าได้สะดวกกว่าปากแก้วแบบตรงหรือโค้งเข้า

 

วัสดุของภาชนะก็ส่งผลต่อสัมผัสและประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นดินเผา เซรามิก หรือโลหะ แต่ละชนิดมีพื้นผิวและความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ต่างกัน เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างคอนเซปต์เมนูที่สมบูรณ์และส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ดื่ม

ทั้งหมดที่นำเสนอมาเป็นแนวคิดพื้นฐานเพื่อจัดการเรื่องชาเท่านั้น ในความเป็นจริงยังมีที่ว่างมากมายสำหรับไอเดียใหม่ ๆ จะนำมาปรับใช้ได้ นี่ไม่ใช่กฎเหล็กที่ต้องรักษา แต่เป็นพื้นฐานที่ต่อยอดได้ หวังว่าทุกท่านจะเกิดความคิดต่อยอดจากบทความนี้นะคะ

บทความจาก : Vachi

ชอบบทความนี้ ?
โปรดแชร์ให้เพื่อนๆ