ตามปกติแล้วชาเขียวที่ใช้ทำเบเกอรี่นั้น ใช้ได้ทั้งชาเขียวแบบใบและแบบผง ถ้าใช้แบบใบต้องนำไปชงในน้ำร้อนแล้วกรองใบชาออกก่อนใช้ เราจึงนิยมใช้แบบผงมากกว่าเพราะใช้งานได้กว้างกว่า สามารถใช้ได้ทั้งแบบแห้งหรือนำไปชงแล้วใช้แบบน้ำได้ด้วย ซึ่งหลายคนที่เลือกใช้แบบผงมาทำขนมแล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหากับการแต่งหน้าขนมที่ไม่เป็นตามที่คิดไว้
การโรยผงมัทฉะลงไปที่ขนมแล้วซึมลงไปในเนื้อเค้กนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เพราะผงชามันจะดูดความชื้นเข้ามาจนเปียกเมื่อทิ้งไว้นานๆ นั้นเอง สีจึงอาจจะไม่เรียบเนียน
ทริคเล็กๆน้อยๆสำหรับการแต่งหน้าขนม คือ ให้โรยตอนที่จะเสิร์ฟ หรือใกล้ๆช่วงเวลาที่จะทานเพื่อให้สีเขียวเรียบเสมอกัน และแนะนำให้ก่อนโรยผงมัทฉะ พักหน้าเค้กไว้ในตู้เย็นไม่ต้องเอาอะไรคลุม ให้หน้าเค้กแห้งขึ้น สัก 2 ชม. จะทำให้ผงมัทฉะติดง่ายขึ้นไม่ละลายซึมลงไป หรือในกรณีที่ต้องการตกแต่งหน้าขนมเป็นลวดลาย หลังจากนำเค้กออกจากตู้เย็น วางกระดาษทาบไปบนหน้าเค้ก ไม่ต้องกด แล้วโรยผงมัทฉะด้วยกระชอนตาถี่ๆให้ทั่วตามรอยที่บุไว้ (ขั้นตอนนี้ต้องทำให้รวดเร็ว)
อย่างไรก็ตามบางคนก็นำผงมัทฉะผสมน้ำตาลไอซิ่งเล็กน้อย จะช่วยได้พอประมาณ เพราะในน้ำตาลไอซิ่งมีแป้งข้าวโพดจะช่วยกันความชื้นระดับหนึ่ง หรือใช้ผงมัทฉะเฉพาะสำหรับโรยหน้าขนม แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าผงมัทฉะปกติ มีขายตามร้านทำขนมที่ญี่ปุ่น
ส่วนใครที่ไม่มีน้ำตาลไอซิ่ง สามารถน้ำตาลไปป่นจนละเลียดและผสมแป้งข้าวโพดเข้าไปประมาณ 3% ก็จะมีลักษณะที่เป็นเหมือนน้ำตาลไอซิ่ง ใช้แทนกันได้
อีกข้อควรระวังในการโรยผงมัทฉะลงบนขนม คือ เรื่องสี รสชาติ และกลิ่น กล่าวคือ สีของผงมัทฉะ ยิ่งเขียวสดเข้ม จะยิ่งมีความขมน้อยมากๆเป็นมัทฉะที่ได้รับการดูแลอย่างดี สายพันธุ์ดี แต่ถ้าสีเขียวอ่อน คือผลิตจากใบชาที่เกรดรองลงมา ผลิตจากใบชาเขียวใบโตที่ได้รับแสงแดดมานาน ใครที่เป็นขั้นเทพเรื่องชาเขียวพอเห็นหน้าตาขนมเลยจะรู้ได้เลยว่าใช้ชาเขียวเกรดไหนในการทำขนม แต่วิธีเพิ่ม value ให้ขนมได้อีกทาง คือ การเขียนText สั้นๆ ว่าที่ร้านใช้ผงมัทฉะเกรดพรี่เมี่ยมจากที่ไหน ก็จะทำใ้ขนมมีมูลค่ามากขึ้น เพราะ บางคนไม่รู้ว่าสีเขียวเข้มๆที่เห็นเป็ฯผงชาเขียวแท้ๆ หรือเป็ฯการผสมสีผสมอาหารนั่นเอง
นอกจากนั้นรสของชาปกติจะมีความหวานในตัวนิดๆ ขมหน่อยๆ ฝาดพอรู้สึกได้ แต่ถ้าชาเกรดรองๆลงมา จะยิ่งขมและฝาดมากขึ้น เพราะฉะนั้น การเลือกผงชาเขียวที่ใช้โรยหน้าขนมก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
ที่มา
Tastykitchen.com
http://cookingwithjapanesegreentea.blogspot.com/
https://www.justonecookbook.com/
http://www.landsandflavors.com/vegan-matcha-mousse-cake/
บทความจาก : Fuwafuwa