Matcha Latte Art ศิลปะบนชาเขียว

Latte Art ที่คุ้นชินกันบนเมนูกาแฟ แรกเริ่มเดิมทีแล้วถูกสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีความโด่งดังในเรื่องการชงกาแฟเป็นอย่างมาก ศิลปะบนแก้วกาแฟนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก จนเริ่มถูกแพร่หลายมาบนเมนูมัทฉะลาเต้ แม้จะยังไม่เป็นที่นิมมากนัก แต่ลาเต้อาร์ต นับเป็นศิลปะที่น่าสนใจอย่างมาก ที่ช่วยช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ชาเขียวถ้วยโปรดของคุณน่าหลงใหลยิ่งขึ้นอีกด้วย

Matcha Latte Art

ความสวยงามของลาเต้อาร์ต ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟองนมที่ตีจนแตกฟองสวย เนื้อละเอียด หรือที่เรียกกันว่าไมโครโฟม-microfoam โดยลาเต้อาร์ตที่ดีต้องมีความคมชัด, ความบาลานซ์ และรูปแบบการดีไซน์ที่พลิ้วไหวสร้างสรรค์ ซึ่งการทำลาเต้อาร์ตออกมาสวยงามในแต่ละแก้ว สะท้อนความใส่ใจและความทุ่มเทของคนทำ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน

การลาเต้อาร์ตทำได้อยู่ 3 วิธีหลักๆ คือ

1. Free Hand คือ การราดฟองนมลงไปบนชาเขียว แล้วขยับถ้วยให้เป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งลวดลายนั้นเกิดจากการแทรกตัวระหว่างโฟมนมกับน้ำกาแฟ กำหนดน้ำหนักและทิศทางของฟองนมให้เลื่อนไหลไป โดยมากแล้ววิธีนี้จะทำให้ได้รูปที่เป็นหัวใจ รูปแอปเปิ้ล และรูปใบไม้ บางคนยังสามารถทำเป็นรูปใบไม้คู่ รูปปลา รูปหงส์ หรือดอกไม้ไฟได้ด้วย ถ้าเทโฟมนมในปริมาณที่แตกต่างกัน อัตราความช้า-เร็วในการเทต่างกัน การขยับหรือเอียงถ้วยกาแฟในลักษณะที่ต่างกันก็ล้วนทำให้ภาพที่ออกมาแตกต่างกันทั้งสิ้น เช่น ถ้าจะทำรูปหัวใจจะต้องใช้ปริมาณฟองนมที่มากกว่าการทำลายใบไม้ เพราะลายหัวใจจะมีโครงสร้างที่กว้างและมน ขณะที่ลายใบจะมีโครงสร้างที่เล็กเรียว ถ้าทำลายใบไม้แต่ฟองนมมากเกินไปลายของใบก็จะไม่คมและฟองนมอาจจะไปกลบลายริ้วของกลีบใบ

Matcha Latte Art

2. Draggingเป็นการทำลาเต้ อาร์ตโดยใช้ช้อนตักโฟมนมลงไปบนน้ำกาแฟเอสเปรสโซซึ่งถูกราดทับด้วยน้ำนมประมาณ 3 ใน 4 ของถ้วย โดยโฟมนมด้านบนอยู่ในระดับที่เสมอกับขอบถ้วย จากนั้นจึงหยอดซอสที่ใช้ในการแต่งหน้า เช่น ช็อกโกแลตซอส คาราเมลซอส ราสเบอรี่ซอส ให้เป็นลายเรขาคณิตต่างๆ เช่น เป็นวงแบบก้นหอย , ลากเส้นแบ่งวงกลมเป็น 8 ส่วน แล้วใช้วัสดุปลายแหลมลากระหว่างโฟมนมกับซอสเพื่อให้เกิดเป็นลวดลาย ซึ่งลายที่นิยมได้แก่ ลายดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกเบญจมาศ ดอกเฟื่องฟ้า ดอกกุหลาบ ลายปลาดาว และลายอมยิ้ม

Matcha Latte Art

3. ส่วนเทคนิคผสมระหว่าง Free Hand Pour และ Draggingนั้นนิยมใช้กับการทำรูปสัตว์หรือการ์ตูนต่างๆ โดยจะใช้วิธีเทโฟมนมลงบนชาเขียวให้โฟมนมเป็นวงขนาดใหญ่ตรงกลางถ้วยและเหลือแนวรอบถ้วยประมาณ 2 เซนติเมตร จากนั้นใช้ช้อนขนาดเล็กตักโฟมนมหยอดลงไปเพื่อสร้างโครงของรูปที่ทำ เช่น หู เขา หรือมือของสัตว์ แล้วใช้ก้านไม้จุ่มชาเขียวซึ่งอยู่รอบนอกมาแต้มเป็นหน้าตา จมูก ปาก หรือลายละเอียดต่างๆ เช่น หนวด เส้นขน นิ้วมือ

การทำลาเต้อาร์ตที่สวยงามต้องอาศัยความเร็วด้วย เมื่อได้ชาเขียวอุ่นๆมาแล้ว ต้องเตรียมสตรีมนมให้พร้อมกัน หากปล่อยทิ้งไว้ โฟมจะลอยตัวและเสียทรง ซึ่งสีของชาเขียวก็มีผลต่อลาย และสีบนลาเต้อาร์ตเช่นกัน นอกจากนั้นเวลาขึ้นลาย ให้เทนมอย่างต่อเนื่องจนจบลาย ถ้าหกก็เทต่อ อย่าหยุดพร้อมกับค่อยๆ พลิกข้อมือขึ้นลงช้าๆ ให้ลายในแก้วเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งเวลาเท แนะนำให้เอียง Pitcher รับกับตัวแก้วประมาณ 45 องศา ยก Pitcher ให้สูงขึ้น วนนมให้เข้ากับชาเขียว ระวังไม่ให้นมที่เทลงไปโดนขอบแก้ว

ส่วนการสตรีมนม ก็คือ  การใช้เครื่องตีน้ำนมให้เกิดฟอง ซึ่งการสตรีมที่สมบูรณ์นั้นจะทำให้ได้ฟองนมที่เนียนนุ่ม โดยความร้อนที่ใช้ในการสตรีมนมควรอยู่ที่ 60-70 องศาเซลเซียส และจังหวะและน้ำหนักในการตีน้ำนมต้องเหมาะสม เคล็ดลับเพิ่มความอร่อยนี้คือการใช้ฟองนมที่เป็นนมโคแท้ๆ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีปริมาณไขมันและโปรตีนสูง จึงให้รสชาติหอมมันมากกว่านมผสม เมื่อนำมาสตรีมจะให้เนื้อที่มีความเนียนละเอียด ไม่หยาบกระด้างเป็นฟองขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด แต่ถ้าใครเคยได้ยินว่าชาเขียวใส่นมดื่มแล้วไม่ดี ควรดื่มแต่ชาเขียวเพียวๆ ลองศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ เรื่องชาเขียว กับนม ดูเพื่อความสบายใจในการดื่มชาเขียวแก้วโปรดของคุณ ^^

Matcha Latte Art Matcha Latte Art

นอกจากการทำลาเต้อาร์ตแบบปกติแล้ว จะเห็นว่าตามร้านคาเฟ่ช่วงหลังๆมานี้ ก็มีไอเดียน่ารักๆ สร้างสรรค์ฟองนมขึ้นมาแบบลาเต้อาร์ต 3 มิติ คือ การสร้างสรรค์ฟองนมให้เป็นรูปร่างที่นูนขึ้นเป็นมุมมอง 3 ด้าน หรือสูงเกินปากแก้วขึ้นมา เทคนิคในการทำอยู่ที่การทำฟองนมให้เนียนและมีความคงตัว สามารถตักมาปั้นและเขียนหน้าตาให้เป็นรูปแบบที่ต้องการ ไม่มีแบบตายตัว แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้ทำ สัดส่วนในการทำเหมือนลาเต้อาร์ต แต่ใช้ฟองนมที่มากกว่านั้นเอง

ส่วนร้านไหนที่ยังไม่สามารถทำลาเต้อาร์ตบนชาเขียวได้เอง แนะนำให้เพิ่มความสวยงามบนเมนูชาเขียวด้วยกาใส่ฟองนมธรรมดาแล้วโรยผงชาเขียวแต่งหน้าเบาๆอีกที ก็ทำให้ชาเขียวลาเต้มีมิติขึ้น

Matcha Latte Art

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/452330356316089320/

weheartit.com

https://www.shutterstock.com/blog/instagram-worthy-photos-cafes

บทความจาก : Fuwafuwa

3 เหตุผลที่การดื่มชาเขียวทำให้คุณดู smart

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าชาเขียวอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ และยังมีส่วนช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ แม้จะมีหลายกระแสของการดื่มชาเขียว ทั้งเรื่องเวลาที่ควรดื่มชา หรือ การดื่มชาร้อนหรือเย็น แบบไหนได้ประโยชน์กว่ากัน ก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามชาเขียวก็ยังมีประโยชน์มากกว่าโทษอยู่ดี ซึ่ง 3 เหตุผลที่การดื่มชาเขียวทำให้คุณดู smart นั้นมาจาก

1. EGCG  สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว

EGCG เป็นคำย่อของโพลีฟีนอลที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate ซึ่งมีความสำคัญในชาเขียว เพราะมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และช่วยต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านริ้วรอย เนื่องจาก EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถทำลายอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดความชราและโรคภายในสมองของคุณได้ เนื่องจากสมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่อุดมไปด้วยออกซิเจน การรักษาความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นให้น้อยที่สุดจึงมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง ซึ่ง EGCG นอกจากจะช่วยเพิ่มความจำของคุณแล้ว ยังช่วยเรื่องของการรับรู้ ทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายมากขึ้น กล่าวคือ เมื่ออนุมูลอิสระโจมตีสมองอาจทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อในสมองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรค EGCG ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบก็จะหยุดกระบวนการทำลายล้างภายในสมองเพื่อให้สมองของคุณแข็งแรงและทำงานได้ดีที่สุดนั่นเอง

smart

2.  L.Thenine (แอลธีอะนีน) มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองโดยรวม เมื่อดื่มชาเขียว L.Thenine จะทำให้คุณทำงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น เพิ่มโดปามีนและเซโรโทนินและช่วยเพิ่มความจำ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยจังหวัดชิกะ ยังแสดงให้เห็นว่า L.Thenine ยังเพิ่มความสามารถในการให้ความสนใจของบุคคลด้วยการเพิ่มการทำงานของคลื่นอัลฟาในสมองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการตายของเซลล์สมองลดความวิตกกังวลและความเครียดและช่วยป้องกันภาวะเสื่อมเช่นพาร์คินสันและอัลไซเมอร์ เมื่อดื่มชาเขียว L.Thenine จะช่วยปกป้องสมองของคุณจากอันตรายและปรับเปลี่ยนคลื่นสมองเพื่อให้สมองของคุณตื่นตัวและมีสมาธิ แต่ไม่เครียด เพราะการทำงานของสมองที่ไม่ดีอย่างมากเกิดจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือจากโภชนาการที่ไม่ดีและการเครียดและวิตกกังวลมากเกินไป L.Thenine ในชาเขียวช่วยควบคุมสมองเพื่อให้มีเวลาเติมพลังในการนอนหลับอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการนอนหลับพักผ่อนและช่วยลดความเครียดหรือความวิตกกังวลลงได้อย่างรวดเร็วทำให้จิตใจผ่อนคลายและสงบ เมื่อสมองของคุณสงบ แต่มีสมาธิคุณจะรับมือกับความท้าทายได้มากขึ้นและคิดได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่รู้สึกหนักใจ

smart

3. สารต้านอนุมูลอิสระหลายร้อยชนิดอยู่ในชาเขียว จากการศึกษาเกี่ยวกับชาเขียวแสดงให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว ช่วยส่งเสริมการซ่อมแซมเซลล์ซึ่งช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายร้อยชนิดในชาเขียวนอกเหนือจาก EGCG ซึ่งช่วยเพิ่มระดับโดพามีนในสมองและป้องกันสารพิษต่อระบบประสาท ยังมีการวิจัยทั่วโลกเพื่อจำแนกและทำการศึกษาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของสารต้านอนุมูลอิสระแต่ละชนิด อย่าวโพลีฟีนอลในชาเขียวช่วยควบคุมระดับกลูโคสในสมองซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แทนนินในชาเขียวช่วยในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ นอกเหนือจากการป้องกันการตายของเซลล์ประสาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง และเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว จึงควรเลือกชาที่มีคุณภาพสูงและคำนึงถึงขั้นตอนการชงที่ผ่านกรรมวิธีในระดับที่สูงกว่าชาอื่น ๆ นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีเปรียบเทียบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในชาเย็นกับชาร้อนและพบว่าจริงๆแล้วชาเย็นมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าโดยสรุปว่าอุณหภูมิที่ร้อนจะทำลายคาเทชินบางส่วนในชา

smart

เคล็ดลับในการใช้ประโยชน์จากชาให้มากที่สุดสำหรับสมองคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงในการดื่มชาเขียว กล่าวคือ การเลือกชาที่มีคุณภาพสูงสุด ชาที่มีคุณภาพสูงกว่าจะเก็บสารต้านอนุมูลอิสระไว้ได้มากกว่าให้รสชาติดีขึ้นและควรปราศจากสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง พยายามดื่มชาเขียวอย่างน้อยทุกวันเพื่อให้สมองได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีค่า ถ้าเป็นไปได้คุณควรหลีกเลี่ยงการบริโภคชาเขียวที่มีน้ำตาลเนื่องจากน้ำตาลจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ชาเขียวมีสารประกอบตามธรรมชาติซึ่งจะช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัวตลอดระยะเวลาที่ยาวนานและผ่อนคลายมากกว่าการเติมพลังให้สมองของคุณด้วยการเร่งน้ำตาลนั่นเอง

smart

ที่มา

shorturl.at/dkKQT

https://www.pinterest.com/pin/407435097543999856/

บทความจาก : Fuwafuwa