Iced Matcha Latte มัทฉะลาเต้เย็น

เปลี่ยนชาเขียวเย็นให้กลายเป็นพรีเมียมมัทฉะลาเต้ เมนูยอดฮิตของร้านที่อร่อยจนต้องบอกต่อ!!

ผงมัทฉะคุณภาพดีจะให้สีเขียวที่สวยงาม เมื่อเทราดลงบนนมสดจะเห็นเป็นชั้นสีเขียวมรกต ค่อยๆซึมลงมาด้านล่างซึ่งวิธีทำก็ไม่ยาก ยิ่งถ้ามีอุปกรณ์ช่วยจะใช้เวลาชงไม่นานเลย เราไปดูวัตถุดิบและวิธีชงกันเลยดีกว่าครับ ^^

อุปกรณ์ช่วยละลาย

วัตถุดิบสำหรับแก้ว 16 Oz.

  1. ผงมัทฉะ MATCHAZUKI เกรด Excellent           3  กรัม (~1.5 ช้อนชา)
  2. น้ำอุ่น                                                40   ml
  3. นมสด                                              150   ml
  4. น้ำเชื่อม                                              10   ml (~2 ช้อนชา)
  5. น้ำแข็ง

ขั้นตอนการชง

1. ละลายผงมัทฉะให้เข้ากับน้ำอุ่น โดยการร่อนผงมัทฉะผ่านกระชอนใส่ถ้วยหรือชาม แล้วค่อยเทน้ำอุ่นตามลงไปแล้วใช้ Chasen หรือเครื่องตีฟองนม ตีให้ผงชาละลายเข้ากับน้ำ แล้วพักเอาไว้

2. เติมน้ำแข็งใส่แก้วอีกใบ

3. เติมน้ำเชื่อมตามความหวานที่ต้องการ

4. เทนมสดลงไป คนให้เข้ากับน้ำเชื่อม

5. ราดมัทฉะที่ละลายน้ำไว้แล้วลงบนนมสดอีกที

หรือสามารถดู VDO วิธีชงได้ที่นี่ครับ ^^

*** ถ้าไม่มีอุปกรณ์ช่วยละลายให้ลองใช้วิธีนี้ดูนะครับ

1. ใส่ผงชาเขียวมัทฉะกับน้ำตาลทรายลงไปในถ้วย
2. เอียงถ้วยแล้วใช้ช้อนบดส่วนผสมให้เกร็ดน้ำตาลไปบดผงชาเขียวมัทฉะ จนแตกตัวไม่จับเป็นก้อน
3. ค่อยๆเติมน้ำอุ่นลงไป เอียงถ้วยแล้วใช้ช้อนบดผงชาเขียวมัทฉะกับข้างถ้วย คนจนละลายหมด

———————————-

MATCHAZUKI – Crafted for matcha lover
“เพราะเราเลือกมัทฉะ อย่างคนที่รักมัทฉะ”⠀⠀
マッチャラブユー

เพิ่มสีสันให้เมนูชา รับเทศกาลคริสมาสต์

ใกล้ช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลากหลายร้านเริ่มออกเมนูใหม่ต้อนรับเทศกาลความสุข ทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะสร้างสรรค์เมนูยังไง Matchazui ได้รวบรวมไอเดียและสูตรเครื่องดื่มและขนมชาเขียว ให้คอชาเขียวได้ลองปรับเปลี่ยนเมนูที่ร้านให้สนุกขึ้น

เริ่มจากมัทฉะลาเต้ร้อน เมนูแนะนำของหลายๆร้าน ที่เพิ่มสีสันรับเทศกาล คริสมาสต์ง่ายๆเพียงใส่มาชแมลโลว์ snowman น่ารักๆลงไปทานคู่กัน วิธีทำไม่ยากมากเพราะเริ่มจากทำมาร์ชแมลโลว์ทรงสี่เหลี่ยมตามสูตรมาชแมลโลว์ที่ร้านชื่นชอบ ให้มีขนาดใหญ่พอที่จะตัดเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ  ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมด้านใดด้านหนึ่งหักออกแล้วจุ่มไม้จิ้มฟันลงในไวท์ช็อคโกแลตสีส้มที่ละลายแล้วและวาดจมูกลงบนมาร์ชแมลโลว์ ส่วนตาใส่ดาร์กช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันมะพร้าว 1/4 ช้อนชาลงในจานเล็ก ๆ และไมโครเวฟทีละ 20 วินาทีกวนทีละน้อยจนดาร์กช็อกโกแลตละลายอย่างสมบูรณ์และเนียน ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมจุ่มลงในดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายแล้วตบที่ตาและปากของ snowman แล้วปล่อยให้ช็อคโกแลตหน้ามนุษย์หิมะตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนเสิร์ฟคู่มัทฉะลาเต้ร้อนแก้วโปรด

เมนูชาเขียว

ต่อด้วย Matcha Cookie Christmas Tree เริ่มจากตีเนยจืด 1 ถ้วย ผงมัทฉะ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาล  1 ½  ถ้วยจนฟู ใส่ไข่แดง 1 ฟอง และวานิลลา 1 ช้อนชาลงไปแล้วผสมจนเข้ากัน แล้วร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกันพักไว้อีกชาม ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในชามแล้วผสมให้เข้ากัน ปิดฝาแป้งและแช่เย็น 30 นาที เปิดเตาอบที่ 180 องศา วางกระดาษรองอบลงในถาดอบ

หั่นแป้งเป็นครึ่ง ๆ หรือสี่ส่วนแล้วรีดให้มีความหนาประมาณ 1/6 – 1/4 นิ้ว ใช้พิมพ์ต้นคริสมาสต์ตัดลงไปแล้ววางบนกระดาษรองอบที่เตรียมไว้ อบแต่ละชุดเป็นเวลา 7-9 นาที  ตกแต่งลวดลายด้วยไวท์ช็อคโกแลตที่ละลายด้วยไมโครเวฟ 20 วินาที หรือผสมสีแดงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ลวดลายที่แตกต่างไป

ความเข้มอ่อนขอสีต้นคริสมาต์ขึ้นอยู่กับปริมาณผงมัทฉะที่ใส่ลงไป เพิ่มความน่ารักด้วยการผูกโบว์ หรือแพ็คใส่ถุงแก้วใสๆเพื่อโชว์ลวดลายคุ้กกี้ก็ได้

เทคนิคเพิ่มความน่ารักให้คุ้กก้คริสมาสต์คือ ตอนกดแป้งเป็นรูปต้นคริสต์มาสต์ สามารถกดเป็นรูปดาว หลายๆขนาดได้ เพื่อหลังจากอบเสร็จ มาวางเรียงสลับชั้นกัน โดยแต่ละชั้นเชื่อมด้วยไวท์ช็อคโกแลตเล็กน้อย ปักดาวด้านบนด้วยเมล็ดอัลมอนด์ แล้วโรยไอซิ่งเล็กน้อย ก็ได้เมนูคุ้กกี้ชาเขียวรับเทศกาลคริสมาต์นี้แล้ว

เมนูชาเขียว

อีกเมนูที่แค่เห็นก็นึกถึงต้นคริสมาต์เลย คือ Matcha Mont Blanc สามารถใช้สูตรมองบลังค์ปกติที่ทำได้เลยเพียงแต่เปลี่ยนส่วนผสมครีมเกาลัดที่บีบด้านบนเป็นครีมชาเขียว แล้วประดับตกแต่งด้วยคุ้กกี้ไอซิ่งสีสันสดใส ก็กลายเป็นมองบลังค์ชาเขียวที่ใครได้ทานต้องประทับใจ

นอกจากเมนูชาด้านบนที่เป็นตัวอย่างให้ร้านชาของคุณได้เห็นไอเดียเบื้องต้นสำหรับดัดแปลงเมนูแล้ว ยังมีเมนูชาเขียวอีกหลายหลายเมนูที่สามารถทำขายช่วงคริสมาสต์ได้ เช่น Matcha Hot Chocolate หรือ Matcha Macaron หรือจะเป็น Matcha Cake ที่เน้นการเติมสีแดงด้วยสตอเบอรี่ 

เมนูชาเขียว เมนูชาเขียว  

แต่ถ้าใครไม่ถนัดทำขนมที่ต้องใช้เทคนิคเยอะๆ ลองเอาเมนูขนมชาเขียวแบบไม่อบ ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/dpDS7 ) มาปรับให้เป็นสไตล์คริสมาต์ดูก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจ ยิ่งถ้ามีเมนูใหม่ๆออกมาพร้อมกับจัดแคมเปญส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นหรือกิจกรรมที่น่าสนใจ ยิ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาที่ร้านได้มากขึ้น ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/ceqKP ) เพราะไม่จำเป็นว่าช่วงเทศกาลแบบนี้ทุกร้านจะต้องมีเมนูใหม่ๆออกมา มันอาจจะเป็นการยากไปสำหรับบางร้านที่ต้องคิดเมนูใหม่ๆตลอด เพราะตามควมเชื่อของคนญี่ปุ่นนั้น แค่ซื้อชาเขียวมอบให้กันในเทศกาลต่างๆ ก็ถือว่าเป็นการอวยพรให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/bcCHK )

ที่มา 

https://encha.com/pages/matcha-recipes

https://www.stephaniesuen.com/2018/12/08/mini-matcha-christmas-tree-sugar-cookies/

https://steemit.com/food/@alwayssmile/elegant-noble-french-dessert-mont-blanc

https://hostthetoast.com/matcha-cookie-christmas-tree-stacks/

ผงมัทฉะ กับ 3 ท้อปปิ้งขนมญี่ปุ่นยอดนิยม

“โยคัง วาราบิโมจิ ดังโงะโมจิ” ขนมญี่ปุ่น 3 ชนิดนี้ เห็นได้ทั่วไปในร้านขนมญี่ปุ่น บางร้านก็เสิร์ฟแบบเดี่ยวๆ บางร้านก็เสิร์ฟคู่ชาเขียวร้อนๆ ตามร้านคาเฟ่ จะถูกนำมาเป็นท้อปปิ้งบนพาร์เฟต์ ไอศครีม หรือน้ำแข็งใส เพื่อให้ขนมจานนั้นได้กลิ่นอายและสัมผัสรสชาติความเป็นญี่ปุ่น

ในปัจจุบันได้มีการดัดแปลงปรับสูตรให้รสชาติของขนมทั้ง 3 ชนิดนี้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และมีวิธีจัดเสิร์ฟแบบทันสมัยแต่ได้กลิ่นอายความเป็นวากาชิ หรือขนมญี่ปุ่น หลากหลายไอเดียและวิธีทำขนมแบบง่ายๆให้คนรักมัทฉะเอาไปปรับสูตรทำเองที่ร้านได้

Matcha YokanMatcha Yokan

เริ่มจาก “โยคัง”(羊羹) โยคังเป็นวุ้นถั่วแดงกวน ปกติจะมีรูปทรงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีน้ำตาลแดงจากถั่วรสชาติหวานจัด ส่วนใหญ่จะทานคู่กับชาเขียวร้อนในพิธีชงชารสชาติจะตัดกัน เดิมทีมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นขนมที่ทำด้วยเจลาตินจากเนื้อแกะ ในยุคคามาคุระมีนักบวชศาสนาพุทธนิกายเซน เป็นผู้นำขนมโยคังเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น แต่เนื่องจากศาสนาพุทธห้ามการฆ่าสัตว์ จึงมีการเปลี่ยนจากเจลาตินจากสัตว์ มาเป็นแป้ง ถั่วแดง และวุ้น และมีการใช้วุ้นเข้ามาผสมในภายหลัง จนกลายมาเป็นโยคังในปัจจุบัน

โยคังเป็นวุ้นญี่ปุ่นซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน มีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลแดงโดยทำจากถั่วแดงกวน (Anko) ถ้าเป็นโยคังสีเขียวก็ทำจากชาเขียว ที่มีวิธีทำแสนง่าย

  1. นำถั่วแดงบดเนื้อเนียน 225 กรัมและน้ำตาลทรายขาว 70 กรัมผสมลงในหม้อ นำไปต้มด้วยไฟกลาง คอยคนตลอดด้วยไม้พายเพื่อไม่ให้ไหม้
  2. ต้มไปซักพัก แล้วลองลากไม้พายลงไปตรงกลางแล้วยังเหลือเป็นรอยลาก คือถั่วแดงไม่ไหลกลับมากลบรอยก็ถือว่าโอเค จากนั้นตักออกมาแผ่บนถาดเพื่อให้เย็นลง
  3. ในหม้อต้มอีกใบผสมน้ำ 180 มล. + ผงชาเขียว 5 กรัม กับผงวุ้นหรือผงคันเทน 2 กรัม  ต้มจนเดือดแล้วจึงลดเป็นไฟเบา ต้มต่ออีก 2 นาทีแล้วจึงปิดไฟ
  4. ผสมน้ำตาลทรายแดง  20 กรัม และ (2) ลงไปใน (3) ผสมจนเข้ากัน นำไปต้มจนเดือดแล้วจึงลดเป็นไฟเบา ต้มต่ออีก 2 นาที
  5. เทใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่เย็น 30 นาที เอาออกมาหั่นเสิร์ฟเป็นชิ้นๆ อาจเสิร์ฟคู่กับถั่วแดงเชื่อมด้านบน

คุณสมบัติอีกอย่างที่คาดไม่ถึงของขนมโยคัง คือ เก็บไว้ได้นาน อย่างเช่นมากถึง 5 ปี 6 เดือน เพื่อสามารถเก็บเป็นอาหารยามฉุกเฉินเวลามีเหตุภัยพิบัติธรรมชาติ นอกจากนี้ร่างกายยังดูดซึมสารอาหารได้ง่าย และเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติได้แม้ไม่ได้นำเข้าตู้เย็น

Warabi MochiWarabi Mochi

ส่วน” วาราบิโมจิชาเขียว “เป็นขนมญี่ปุ่นที่ทำด้วยแป้งจากต้นวาราบิ เนื้อแป้งหนึบ ๆ คล้ายกับแป้งโมจิ นิยมนำไปคลุกกับ คินาโกะ (Kinako) ซึ่งเป็นผงถั่วเหลืองได้กลิ่นหอม ๆ แบบถั่วคั่ว หรือทานคู่ซอสน้ำตาลทรายแดง เรียกว่า คุโรมิสึ (Kuromitsu) หรือโรยผงชาเขียว ก็เป็นขนมที่ได้รับความนิยมมากๆ ในช่วงหน้าร้อน ตามร้านคาเฟ่จะมีวาราบิโมจิเป็นท้อปปิ้งบนพาร์เฟต์ ไอศครีม วิธีทำก็ไม่ยาก เริ่มจาก

  1. ผสมแป้งวาราบิโมจิเขียว100 กรัม นํ้าตาล 50 กรัม ผงมัทฉะ  1 ช้อนชา นํ้าเปล่า 500 มล. ในอ่างผสม
  2. เอาหม้อใส่นํ้าต้มให้เดือด วางอ่างผสมลงไปด้านบน กวนไปเรื่อยๆ พอแป้งเริ่มสุก ก็ยกลงกวนต่อจนแป้งสุกและใสทั่ว เป็นเนื้อเดียวกัน โรยผงถั่วบนถาดหรือภาชนะที่จะใช้ใส่วาราบิโมจิ เสร็จแล้ววางในอ่างที่ใส่นํ้าแข็ง ทิ้งไว้ให้เย็นและเซ็ตตัว ประมาณ 20 นาที
  3. เทออกมาหั่น สังเกตจากแป้ง แป้งจะนุ่ม ใส และไม่คงรูป หั่นแล้วไม่เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเป็นเพราะแป้งนุ่มมากๆ ทำเสร็จแล้วรีบทานให้หมด
  4. หากใครอยากทานกับน้ำตาลคุโรมิทสึ ให้เอาน้ำตาลดำ หรือน้ำตาลทรายแดงบ้านเรา 50 กรัม ต้มละลายกับน้ำ 200 มล.  ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับความหวานที่ต้องการ เพียงเท่านี้ก็เหมือนได้ไปคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นเลย

Warabi Mochi

ขนมตัวสุดท้าย “ดังโงะโมจิชาเขียว” ขนมที่ทำจากแป้งโมจิ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ รสชาติเค็มๆ แต่ก็มีบางสูตรอาจเติมเนื้อเต้าหู้เข้าไปผสมด้วย แล้วนำไปนึ่ง หรือ ต้มในน้ำเดือดจนสุกก่อน ย่างบนเตาถ่าน ก่อนจะราดด้วยสารพัด หน้าต่างๆ เช่น โชยุ มิโสะ ถั่วแดงกวน มันเทศหวาน งาดำบด หรือ ซอสชาเขียว ด้วยรสสัมผัสนุ่ม หนุบหนับ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ แม้วิธีการเสิร์ฟจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ขนมดังโงะก็ยังถือได้ว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงขนบธรรมเนียมและประเพณีอันเก่าแก่ในอดีตของญี่ปุ่นมานับร้อยๆปี มาลงมือทำดังโงะตามสไตล์คนรักชาเขียวกันดีกว่า โดยสามารถผสมผงชาเขียวลงไปในแป้งเลยก้ได้เพื่อให้ได้แป้งสีเขียว หรือที่เห็นกันทั่วไปจะทำเป็นลูกสีขาวธรรมดา แต่ตกแต่งด้วยท้อปปิ้ง หรือซอสแบบต่างๆ

DangoDango

  1. เริ่มจากผสมแป้งข้าวเหนียว 100 g. แป้งข้าวจ้าว 100 g. และน้ำตาล 2 ช้อนชา เข้าด้วยกัน
  2. เติมน้ำ ⅔ ส่วน ในส่วนผสม ค่อยๆนวดจน เป็นเนื้อเนียน แล้วปั้นแป้งเป็นก้อนๆ เล็กใหญ่ตามต้องการ
  3. ค่อยๆย่อนลงต้มในน้ำเดือด ประมาณ 1 นาที หรือจนตัวดังโงะลอยขึ้น จากนั้นตักขึ้นแล้วนำมาน็อคด้วยน้ำเย็นจัด
  4. ปล่อยให้สะเด็ดน้ำแล้วนำมาเสียบไม้ แล้วนำไปย่าง ประมาณ 4 นาทีแล้วเอาขึ้น
  5. ส่วนน้ำซอสหรือท้อปปิ้งที่ใช้ราดดังโงะ สามารถดัดแปลงได้ตั้งแต่ใช้ถั่วขาวผสมผงชาเขียว หรือราดด้วยซอสมิทาราชิ ที่ทำจากน้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ + ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ + มิริน 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ + แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวจนเข้ากัน หรือจะทานคู่กับไอศรีมชาเขียวก็เป็นมื้ออร่อยของเด็กๆอย่างแน่นอน

Matcha DangoMatcha DangoMatcha Dango

ที่มา

teanobi.com

8days.sg

http://kyotofoodie.com/kyoto-cafe-jouvencelle-gion/

recetasgratis.net

https://www.flickr.com/photos/bananagranola/2529983071

บทความจากFuwafuwa

ชงชาเขียวด้วยไมโครเวฟได้มั้ยนะ??

make matcha by using microwave

วัฒนธรรม ประเพณีการชงชาเขียวแบบญี่ปุ่นนะ จะใช้ฉะเซ็นในการตีผงชาให้ละลาย ซึ่งอุปกรณ์และเทคโนโลยีทุกวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างมาก บางคนอาจจะเคยอ่านบทความเจอว่า ไม่ต้องใช้ฉะเซ็น แต่ใช้เครื่องตีฟองนม หรือเครื่องปั่นก็สามารถตีผงชาให้ละลายได้แล้ว แล้ว “ไมโครเวฟ” เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แสนสะดวกสบาย จะสามารถละลายผงชาได้หรือไม่ ความร้อนของไมโครเวฟร้อนเกินไปจนทำให้คุณค่าทางสารอาหารเสียไปหรือไม่เพียงพอต่อการทำละลายผงชามั้ย มาไขข้อข้องใจกัน

เชื่อว่าอาจจะเคยได้ยินกันมาว่า การนำน้ำเปล่าเข้าไมโครเวฟ ไม่ควรทำ เพราะน้ำจะปะทุขึ้นมาเมื่อถึงจุดเดือดจนกระจายเต็มไมโครเวฟ ถ้าต้องการใช้น้ำร้อนจริง ๆ แนะนำให้ใช้วิธีอื่น เช่น กระติกต้มน้ำร้อนหรือใช้หม้อต้มบนเตาดีกว่า แต่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่องานวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ออสเตรเลีย พบว่า ชาเขียวที่ใช้ไมโครเวฟจะสกัดสารอาหารและคาเฟอีนที่เป็นประโยชน์ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการสกัดอื่นๆ เช่นการให้ความร้อนแบบเดิม

การดื่มชาร้อนเกินไป จะทำให้สารสำคัญที่มีประโยชน์ อย่าง”คาเทชิน” ถูกความร้อนทำลายไปเกือบหมด จนเหลือแต่รสชาติและความหอม แต่ถ้าต้องการให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากการดื่มชาแบบร้อนๆ ก็ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้นมากขึ้น เพราะความเข้มข้นของใบชาที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ปริมาณของสารคาเทชินเพิ่มขึ้นไปด้วย แม้ว่าสารเหล่านี้จะสลายตัวไปบางส่วนเมื่อถูกความร้อนก็ตาม แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่หลงเหลือพอที่จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้บ้าง ยังมีข้อมูลจาก ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ได้ระบุว่า การดื่มชาร้อนนั้นมีผลการวิจัยที่ระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระในชาจะหายไปประมาณ 20% หากโดนความร้อนนานๆ และให้เคล็ดลับการชงชาเขียวเพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระยังคงอยู่ ด้วยการบีบน้ำมะนาวลงไปในระหว่างการชงชานั่นเอง


make matcha by using microwave

make matcha by using microwave

มีการศึกษาทดลองชงชาเขียวด้วยไมโครเวฟ 1 นาที ความร้อน 400 วัตต์ เพื่อแยกคาเทชินออกจากชาเขียว เทียบกับการชงด้วยการให้ความร้อนจากกาต้มน้ำแบบเดิม ที่ทำให้ชาเขียวมีอุณหภูมิอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30 นาที พบว่าชาเขียวในไมโครเวฟมีคาเทชินในระดับที่สูงกว่าการให้ความร้อนแบบใช้กาต้มน้ำแบบเดิม

ในการศึกษาทดลอง ยังพบอีกว่าการใช้ไมโครเวฟ จะสามารถรสกัดคาเทชินและโพลีฟีนอลได้ในในระดับที่สูงขึ้น ทำให้ชาเขียวมีรสชาติหวานกว่ามีสีสันกว่า และยังสามารถสกัดคาเทชินได้ประมาณ 80% และคาเฟอีน 92% อีกด้วย

ดังนั้นวิธีชงชาเขียวด้วยไมโครเวฟที่แนะนำ คือทำโดยการใส่ใบชาเขียวลงในถ้วยที่ใช้กับไมโครเวฟแล้วเติมน้ำ นำเข้าไมโครเวฟให้ความร้อนที่ 400W ถึง 500W ประมาณ 1 นาที นำกากใบชาออก เป็นอันเรียบร้อย

การชงชาทั้งชาใบและผงชาเขียว จึงสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความชอบ และจุดประสงค์ในการดื่มชาของแต่ละคน บางคนดื่มเพื่อความสุนทรียะ จะนิยมชงด้วยกาต้มน้ำ หรือ ชงด้วยฉะเซ็น แต่ถ้าคนที่ต้องการความสะดวก เร่งรีบ แน่นอนว่าการใช้ไมโครเวฟเป็นทางเลือกที่ดี

make matcha by using microwave

ที่มา

https://www.japanesegreenteain.com/blogs/green-tea-and-health/is-using-the-microwave-good-for-green-tea

บทความจากFuwafuwa

การเขียน SOP ของเมนูชาที่ร้านสำคัญไฉน

SOP หรือที่เรียกว่า (Standard Operation Procedure) เป็นขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นเปิดร้านจนสิ้นสุดกระบวนการทำงาน หรือพูดง่าย ๆ คือคู่มือในการทำงานนั้นเอง หลายร้านไม่ได้ทำตัวนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่าไม่จำเป็น จนพบเจอปัญหาตามมาทีหลัง เช่น รสชาติชาแต่ละแก้วไม่เหมือนกัน การจัดตกแต่งแก้วพร้อมเสิร์ฟหน้าตาไม่เหมือนกัน รวมไปถึงปัญหาที่เกิดจากการเก็บรักษาอุปกรณ์ไม่ดี ดังนั้น SOP จึงเป็นสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานที่ใครที่จะเปิดร้านไม่ว่าจะขนาดเล็ก หรือเป็นคาเฟ่ ควรมีไว้ที่ร้าน เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนพนักงานไปกี่คน สูตรและวิธีการเสิร์ฟเครื่องดื่มของที่ร้านจะเป็นในรูปแบบเดียวกัน ซึ่ง SOP ที่ร้านขายชาควรเขียนไม่ได้มีแค่เพียงสูตรวิธีการชงชาเท่านั้น มาเช็คลิสต์กันว่า SOP ที่ดีควรประกอบด้วยอะไรบ้าง

SOP Matcha

เนื้อหาที่ดีควรประกอบไปด้วย ข้อกำหนดพนักงานร้านในการเข้างานก่อนการปฏิบัติงาน ขั้นตอนหน้าร้านที่ไม่ซับซ้อนมากนับตั้งแต่การเตรียมเปิดร้าน การจัดเตรียมวัตถุดิบ การปรุงตกแต่งเมนู ซึ่งในสูตรของการชงเครื่องดื่ม หรือการทำขนมทุกครั้ง อย่าลืมที่จะระบุหน่วยของวัตถุดิบอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดความเข้าใจผิดได้

SOP Matcha

อย่างการชงมัทฉะ นอกจากจะระบุส่วนผสมแล้ว การบอกลำดับการใส่ส่วนผสมแต่ละชนิดก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน รวมไปถึงขั้นตอนการเทลงแก้วเพราะจะส่งผลต่อหน้าตาของเนูเครื่องดื่มนั้นๆการเทนมก่อนหรือหลัง ก็ทำใ้สีของเครื่องดื่มแก้วนั้นหน้าตาต่างกันไป รวมไปถึงการใส่น้ำแข็งก่อนหรือหลังเทชาเขียวลงไปก็ส่งผลต่อปริมาณที่ไม่เท่ากัน

SOP Matcha

นอกจากเรื่องขั้นตอนการชงที่ควรระบุให้ละเอียดแล้ว การระบุถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการชงอย่างเช่นตีฟองนม ด้วยเครื่องตีฟองนม หรือตีผงชาด้วยฉะเซน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ก็อาจจะมีคนที่ไม่มีพื้นความรู้ด้านการชงเครื่องดื่มมาก่อนเข้าใจผิดได้ ดังนั้นการมี SOP ติดร้านไว้จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการที่จะทำให้เกิดมาตรฐานเดียวกันกับพนักงานทุกคน และช่วยประหยัดเวลาในการเทรนด์พนักงานได้

SOP MatchaSOP MatchaSOP Matcha

อีกหัวข้อที่ไม่ควรพลาดในการใส่ลงไปใน SOP คือ การดูแลรักษาความสะอาดและการจัดเก็บอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆภายในร้าน ว่าผงชาควรเก็บอย่างไร ฉะเซ็นใช้แล้วต้องทำอย่างไร รวมไปถึงการปิดร้านว่ามีขั้นตอนการสรุปยอดขายอย่างไร เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นถึงขนาดที่ต้องทำเป็นคู่มือขึ้นมา แต่หากมีติดร้านไว้ได้ก็จะเป็นประโยชน์กับทุกๆฝ่าย

ซึ่งวิธีการเขียน SOP สามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่ Flow Chart หรือมีภาพจริงประกอบ หรือเป็น Text ก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าแบบไหนจะทำให้ทีมงานอ่านแล้วเข้าใจง่ายที่สุด เพราะการเขียน SOP มีไว้เพื่อให้เป็นมีมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ นอกจากนี้ SOP ยังช่วยรักษาความปลอดภัยในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและธุรกิจได้อีกด้วย

ดังนั้นก่อนเริ่มเขียน SOP งานในแต่ละส่วน จึงควรลิสต์ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง  ใครเป็นผู้เกี่ยวข้อง ณ หน้างานนั้น ๆ บ้าง จากนั้นกำหนดขอบเขตเพื่อลงรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนให้รัดกุม และอย่าลืมที่จะเอามาพัฒนาปรับปรุงให้ทันสมัยเสมอ

ประโยชน์ของการมี SOP ในร้านอาหารของคุณ

  1. ลดระยะเวลาการเรียนรู้และฝึกอบรมสำหรับพนักงานใหม่
  2. มั่นใจในความต่อเนื่องของธุรกิจ
  3. กระบวนการที่ได้มาตรฐาน
  4. มั่นใจได้ว่าลูกค้าของคุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ดังนั้นการมี SOP เอกสารที่ไม่ใช่แค่ร้านอาารที่ควรมี แต่ร้านชา ร้านขนม ก็ควรทำไว้เพื่อให้การให้บริการลูกค้าเป็นไปในระดับมาตรฐานเดียวกัน

ที่มา https://www.etsy.com/listing/866889191/unique-glass-matcha-bowl-set-with-spout

บทความจากFuwafuwa

5 ข้อผิดพลาดในการชงมัทฉะที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด

ผงมัทฉะเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างพิถีพิถัน ตั้งแต่กระบวนการผลิตตลอดจนการใช้และเก็บรักษา เพราะหากปล่อยให้โดนแสง หรือ อากาศนานเกินไปมันจะเกิดการออกซิไดซ์และเสียรสชาติ หรือตอนชงใช้อุณหภูมิของน้ำที่ไม่ถูกต้องอาจจะทำให้เกิดรสขมได้ มาดูกันว่า “5 ข้อผิดพลาดในการชงมัทฉะที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด” มีอะไรบ้าง

matcha

  1. ใช้อุณหภูมิของน้ำที่ไม่ถูกต้องสำหรับมัทฉะ คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้น้ำเดือดเพื่อชงชา เพราะกลัวว่าผงมัทฉะจะไม่ละลาย แต่นี่คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะน้ำเดือดจะทำให้มัทฉะมีรสขม เพราะในชาเขียวเป็นชาที่มีปริมาณกรดอะมิโนสูง อุณหภูมิของน้ำที่ดีที่สุดสำหรับมัทฉะคือ ใช้น้ำ 80-85 องศาเซลเซียส หากชงด้วยน้ำเดือด 100 องศา ชาจะขับสารแคทิซีนออกมาเป็นจำนวนมากส่งผลให้ชามีรสขม และประเภทน้ำที่ใช้ในการชงชา ควรเป็นน้ำที่มีค่าเป็นกลาง (PH7) ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำแร่แต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติมเรื่องประเภทของน้ำและอุณหภูมิที่เหมาะกับการชงน้ำชาที่ shorturl.at/vyMW7 และ shorturl.at/bBL38

tea utensils

  1. ใส่ผงมัทฉะมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ที่ญี่ปุ่นเราจะใช้ช้อนไม้ไผ่ หรือที่เรียกว่า chashuku ในการตกผงมัทฉะ เป็นอุปกรณ์ในพิธีชงชาแบบเก่าแก่ แต่ช่วยให้ได้ปริมาตรที่เหมาะสม โดย chashaku 1 ช้อนเท่ากับค่าเสิร์ฟตามมาตรฐานที่ครึ่งช้อนชา ตามมาตรฐานการชงชา จะใช้ 2 chashuku ซึ่งเท่ากับ 1 ช้อนชา ถึงแม้ว่าปริมาณ 1 ช้อนชาจะดูเป็นปริมาณที่น้อยมาก บางคนจะคิดว่าต้องได้รสชาติที่ไม่เข้มข้น จึงตักเพิ่มไปอีก แต่จริงๆแล้วการชงมัทฉะด้วยปริมาณ 1 ช้อนชาลงในน้ำน้อยกว่า 6 ออนซ์จะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นทีเดียว อย่างไรก็ตามหากเป็นคนที่ไม่ชอบความเข้มข้นมากนัก แนะนำให้ชงแบบ USUCHA ของญี่ปุ่นแทน (ชาบาง ๆ )

matcha powder

  1. ใช้มัทฉะผิดประเภท คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการจัดประเภทผงมัทฉะ 2 อย่างคือ เกรด “Ceremonial” และเกรด “สำหรับชงเครื่องดื่มและทำอาหารทั่วไป” ซึ่งแท้จริงแล้วผงชายังมีการแบ่งเกรดได้มากกว่านั้น โดยเราควรเลือกก่อนว่าเราควรใช้ผงมัทฉะชนิดนั้นๆสำหรับทำอะไร เครื่องดื่มหรือขนมที่เราทำนั้นต้องการให้ออกมาเป็นแบบไหนมากกว่า อย่างผงมัทฉะเกรด Ceremonial เกรดที่ใช้สำหรับพิธีชงชา ที่เกิดจากการคัดเลือกเฉพาะยอดชา 3 ใบแรก ในฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ดีที่สุด จากแหล่งปลูกชาชั้นเยี่ยมในเขต Uji, Kyoto (宇治市) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกชาชั้นดี คุณภาพสูง ผ่านประสบการณ์การปลูกชามายาวนานกว่า 800 ปี และนำใบชามาบดละเอียดด้วยโม่หินเพื่อให้ได้ผงมัทฉะเนื้อเนียนละเอียด สีเขียวสว่างมรกต และรสชาติเข้มข้นกลมกล่อม จะเหมาะสำหรับการชงแบบบาง (Usucha) มากกว่านำไปทำขนม หากต้องการ รสชาติหอม กลมกล่อม ได้สีเขียวอ่อน ติดรสขมนิดๆ เกรดนี้เหมาะสำหรับการนำมาผสมเครื่องดื่มอื่นๆเช่น มัทฉะลาเต้ หรือ นำไปทำขนม เป็นต้น หากไม่แน่ใจว่าเมนูที่ร้านควรใช้ผงมัทฉะแบบไหน ควรปรึกษาผู้ขายผงมัทฉะก่อนจะดีที่สุด

matcha green tea

  1. ผสมมัทฉะผิดวิธี ด้วยความที่ผงมัทฉะไม่สามารถละลายน้ำได้ง่ายๆด้วยการเทน้ำร้อนใส่แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ละลายเอง แต่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยอย่างฉะเซ็น แปรงไม้ไผ่ที่ต้องตีผงมัทฉะจนละลายไปกับน้ำก่อน ถึงจะเอาไปเทผสมกับนม หรือส่วนผสมอื่นได้ ดังนั้นหากใส่นม หรือไซรัปลงไปในผงมัทฉะแล้วคนให้ละลายพร้อมกันเลย จะทำให้การทำละลายทำได้ยากขึ้น ดังนั้นหากต้องการชงเครื่องดื่มจากผงมัทฉะ จึงควรทำละลายผงมัทฉะกับน้ำร้อนก่อน แม้ไม่มีฉะเซ็น ก็สามารถทำได้โดยผสมมัทฉะกับน้ำในขวดน้ำ หรอื shaker ปิดขวดและเขย่าขวดแรงๆสักครู่จนเข้ากัน หรือใช้เครื่องตีฟองแทนก็ได้เช่นกัน

tea plantation

  1. การจัดเก็บมัทฉะผิดวิธี ผงมัทฉะค่อนข้างบอบบางและสามารถเกิดการออกซิไดซ์ได้อย่างรวดเร็วหากทิ้งไว้ในที่โล่งซึ่งจะทำให้มัทฉะเสียรสและกลิ่น รวมถึงสีที่ซีดลง ดังนั้นเพื่อรักษารสชาติที่ละเอียดอ่อน และคงคุณภาพของสีที่เขียวตามธรรมชาตินั้น อย่าลืมให้ความสำคัญกับผงมัทฉะมากขึ้น โดยเก็บมัทฉะของคุณให้ห่างจากความร้อน ห่างจากอากาศที่มีความชื้นและแสงแดด ควรเก็บมัทฉะไว้ในตู้เย็น ช่วยให้มัทฉะสดใหม่ได้นานถึง 6 เดือน หรือดูเพิ่มเติมถึงวิธีการเก็บได้ที่ shorturl.at/bzIO8

ที่มา

https://tea-ceremony-kyoto.com/tea-ceremony-blog/

https://naokimatcha.com/articles/5-common-matcha-errors/

บทความจาก : Fuwafuwa

คุณค่าทางสารอาหาร “เซนฉะ vs มัทฉะ”

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง แต่อย่างไรก็ตามชาเขียวก็มีหลายแบบ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า ผงมัทฉะ เป็นชาประเภทที่คุณประโยชน์น้อยมาก หากดื่มชา จึงมักจะเลือกดื่มที่เป็นชาใบมากกว่าผงชา แต่ในความเป็นจริงแล้วผงมัทฉะ ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้กัน เพราะผงมัทฉะ เป็นยอดชาที่ถูกนำเข้าสู่โรงอบไอน้ำโดยเร็วที่สุดเพื่อหยุดกระบวนการออกซิเดชั่น เป็นการรักษาปริมาณสารคาเทซินในใบชาให้คงอยู่ไว้มากที่สุด แล้วนำใบชาแห้งจากการอบ เข้าสู่กระบวนการร่อนเพื่อคัดกิ่งและก้านออกจนหมด ก่อนจะนำไปบดด้วยเครื่องโม่ที่ทำจากหินชนิดพิเศษที่ทำเพื่อการบดมัทฉะโดยเฉพาะนั่นเอง

เดิมทีแล้วมัทฉะเป็นเครื่องดื่มล้ำค่าและมีคุณค่าสูง ซึ่งในอดีตมัทฉะจะถูกสงวนไว้เฉพาะสมเด็จพระจักรพรรดิ ราชวงศ์ และขุนนางชั้นสูงเท่านั้น แม้ในปัจจุบันการดื่มมัทฉะจะแพร่หลายไปทั้งประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก ความพิถีพิถันทุกขั้นตอนก็ยังคงอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย การเก็บมัทฉะเก็บเกี่ยวได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยคัดเลือกจากแปลงชาที่สมบูรณ์ที่สุด เมื่อใบชาเริ่มแตกยอด ก่อนจะเก็บเกี่ยว 1 เดือน จะต้องใช้ผ้าสีดำคลุมไว้ทั้งแปลง เพื่อให้สารอาหารที่รากถูกดูดซึมขึ้นมาเก็บกักไว้ที่ใบอ่อน 3 ใบแรก จากนั้นกระบวนการเก็บยอดชา ต้องเก็บด้วยมือโดยผู้ชำนาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น และเลือกเฉพาะยอดอ่อนที่สมบูรณ์ 3 ใบแรก ต้องไม่ปนเปื้อนกับส่วนอื่นการเก็บเกี่ยวต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนแสงแรกแห่งอรุณรุ่งจะมาเยือน

Matcha

เซนฉะแม้จะเกิดจากต้นชาชนิดเดียวกับมัทฉะ แตกต่างกันที่เซนฉะจะปลูกกลางแจ้งตลอดปี ไม่มีการคลุมด้วยผ้าสีดำ เซนฉะจะเก็บเกี่ยวได้ปีละ 4 ครั้ง โดยใช้กรรไกรตัดยอดต้นชา จากนั้นนำมาเป่าให้แห้ง สลับกับปั่นใบชาให้เป็นเกลียว จนได้ใบชาที่แห้งพอเหมาะพอดี ที่ให้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมกำลังดี ซึ่งการดื่มเซนฉะ จะนำใบชาแห้งใส่น้ำร้อน รอสักครู่จนน้ำชามีสีเข้มตามต้องการ จึงรินน้ำชามาดื่ม คุณค่าสารอาหารที่ได้จากเซนฉะจึงมาจากการที่ใบชาละลายในน้ำ ต่างจากมัทฉะที่เป็นการดื่มชาจากผงที่บดทั้งใบ ชาชนิดนี้จะมีลักษณะพิเศษ คือ มีสารคาเทชิน (catechin) หรือสารต้านอนุมูลอิสระหลงเหลืออยู่มาก ซึ่งสารคาเทชินที่มีในเซนฉะจะช่วยลดระดับการดูดซึมไขมันและเป็นส่วนประกอบที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ร่างกาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เซนฉะนั้นเป็นหนึ่งในชาที่นิยมดื่มกันในหมู่ผู้รักสุขภาพนั่นเอง

Gencha

ว่าด้วยเรื่องปริมาณคาเฟอีนของชาเขียวมัทฉะและเซนฉะ

เนื่องจากวิธีการปลูกของชาแต่ละชนิดแตกต่างกันจึงมีคาเฟอีนในระดับที่แตกต่างกัน ชามัทฉะที่ปลูกในสภาพที่ร่มรื่นจะมีคาเฟอีนมากกว่า แต่มัทฉะปกติหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีนประมาณ 70 มก. ซึ่งต่ำกว่ากาแฟขนาดเดียวกันเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่ใช้) ส่วนชาเซนฉะ มีคาเฟอีนระหว่าง 20-30 มก. ต่อถ้วยขึ้นอยู่กับคุณภาพของใบชาและระยะเวลาที่อนุญาตให้ชง หากใครที่ต้องการลดปริมาณคาเฟอีนในร่างกาย ชาเซนฉะจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากมีคาเฟอีนน้อยกว่ามัทฉะประมาณ 40 มก.

Matcha

ชาเขียวมัทฉะและเซนฉะ สารต้านอนุมูลอิสระตัวไหนสูงกว่ากัน?

โดยทั่วไปชาเขียวถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ควรบริโภค ซึ่งทั้ง2 ชนิด อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่

โพลีฟีนอล :สารอาหารขนาดเล็กที่เชื่อว่าช่วยเรื่องการย่อยอาหารช่วยในการควบคุมน้ำหนักและช่วยปรับปรุงสภาวะต่างๆรวมถึงโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือด

Catechins:เป็นโพลีฟีนอลชนิดหนึ่งและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่งที่สุดที่พบในชาเขียวซึ่งสามารถช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ งานวิจัยบางชิ้นรายงานว่าคาเทชินมีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็ง

L-theanine: กรดอะมิโนที่ช่วยในการผ่อนคลาย ช่วยลดระดับความวิตกกังวลได้

แม้ว่าชาเซนฉะ ขึ้นชื่อว่าเป็นชาที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างมาก มีประโยชน์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลสูงและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต แต่ก็ยังถือว่ามีปริมาณที่น้อยกว่าผงมัทฉะ เนื่องจากการดื่มชาจากผงมัทฉะ คือ การที่บริโภคทั้งใบจึงได้รับสารอาหารมากที่สุด การดื่มเซนฉะในรูปแบบผงจะทำให้คุณได้รับสารอาหารมากขึ้นจากรูปใบเช่นกัน

นอกจากนี้เซนฉะยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเซนฉะยังมีปริมาณ vitamin C และ vitamin E ที่มากกว่าผงมัทฉะ

แต่ในทางกลับกัน ผงมัทฉะ มี vitamin B6 และ beta-carotene ที่มากกว่าชาเซนฉะ จะเห็นว่าทั้ง 2 ชนิดมีคุณค่าทางสารอาหารที่เหมือนกัน ต่างกันแค่ปริมาณที่ได้รับ ดังนั้นการดื่มชาชนิดใดก็ตามถือว่าดีต่อสุขภาพ

Matcha

ที่มา

http://inthemakingbybelen.com

http://www.skinnymetea.com.au

https://www.pinterest.com/pin/405605510171042632/

บทความจาก : Fuwafuwa

ไอเดีย Easy Matcha Snacks พกไว้ไม่มีหิว

ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ หลายคนคงออกเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดกัน แต่เวลาเดินทางแต่ละที ต้องฝ่ารถติด คนเยอะ บางทีถึงร้านอาหารแล้วก็ยังทานไม่ได้เพราะคิวเต็มก็มี เพื่อให้ท้องไม่ว่าง แนะนำให้พก snack สั่งชิ้นสองชิ้นติดกระเป๋าไว้ หิวเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาทนได้เลย ไม่ต้องหัวเสียหิวจนพาลหงุดหงิด หรือรอนานจนทริปหมดสนุก มาดูไอเดียสำหรับ Easy snacks สไตล์คนรักชาเขียวกันว่ามีเมนูอะไรน่าสนใจบ้าง เป็นไอเดียให้ทั้งคนที่รักการเข้าครัวทำเอง และเป็นไอเดียให้ร้านชา ร้านคาเฟ่ที่เน้นขายเมนูชาเขียว เพื่อให้มีขนมแบบ Grab&Go หยิบแล้วจ่ายเงินได้เลยไม่ต้องรอนาน

Matcha Granola Bars

เมนูแรกMatcha Granola Bars ขนมที่ได้คุณค่าทางสารอาหารแบบเต็มๆ ทำไม่ยากเพียงแค่นำ ข้าวโอ้ต 250 g. + อัลมอนด์สับ 80 g. +  เมล็ดฟักทอง 40 g + โกจิเบอรี่ 50 g แผ่ลงบนถาดอบ อบ 170°C 10 นาที

หลังจากอุ่นเมเปิ้ลไซรัป 180 g กับเนยอัลมอนด์ 180 g ในอุณหภูมิต่ำละลายเข้ากันนำไปคลุกกับผงมัทฉะ 1 ช้อนโต๊ะ และส่วนผสมที่เข้าเตาอบเมื่อสักครู่แล้วนำมาแผ่บนถาดนำเข้าตู้เย็นเพื่อให้เซ็ตตัวประมาณ 10 นาที แล้วนำออกมาหั่นเป็นชิ้นๆตามขนาดที่ต้องการ

Cranberry Almond Matcha Macaroons

มาดูตัวที่สองที่น่าทานไม่แพ้กันCranberry Almond Matcha Macaroons ที่พลิกโฉมความคลาสสิกของมาการูนมะพร้าวแบบดั้งเดิม ด้วยการปรุงแต่งด้วยผงมัทฉะ แครนเบอร์รี่อบแห้งและอัลมอนด์ รสชาติเข้ากันได้ดี เริ่มจากใส่มะพร้าวขูด ประมาณ 2 ¼ ถ้วย น้ำตาลทราย ¼  ถ้วย ผงมัทฉะ 2 ช้อนชา

และเกลือป่น ⅛ ช้อนชา ลงในชามผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ไข่ขาวและกลิ่นอัลมอนด์ คนให้เข้ากันจนส่วนผสมเข้ากันดี เติมแครนเบอร์รี่อบแห้งสับ ½ ถ้วย และอัลมอนด์สับ ¼ ถ้วยลงไป แล้วใช้ที่ตักไอศครีมตักส่วนผสมออกมาเป็นสกู๊ป วางบนถาดอบ เว้นระยะระหว่างชิ้นเล็กน้อยเพื่อให้เวลาอบไม่ติดกัน นำเข้าอบ 160 องศา 24-30 นาที หรือจนขอบด้านล่างและด้านบนของมาการูนเป็นสีน้ำตาลทอง นำออกจากเตาอบและปล่อยให้เย็นบนแผ่นประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะย้ายไปที่ตะแกรงเพื่อให้เย็นสนิท เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

อีกเมนูแสนง่ายคือMatcha Energy Ball โดยใส่อัลมอนด์ 1 ถ้วย + อินทผาลัมสับ ½  ถ้วย + เมล็ดเจีย 2 ช้อนโต๊ะ + ผงมัทฉะ 1 ช้อนชา + กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา และเกลือหยิบมือ ลงในเครื่องปั่นความเร็วสูง ปั่นจนส่วนผสมจะเริ่มติดกัน ปั่นเป็นก้อนกลม ทิ้งไว้ในช่องแช่แข็งอย่างน้อย 30 นาที ก็จะได้เพลิดเพลินกับมัทฉะบอลได้ ซึ่งมัทฉะบอลนี้จะเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 1 สัปดาห์

Matcha Snack

อีกเมนูที่คนฝรั่งจะเรียกว่า Nougat ที่เกิดจากการนำ น้ำตาล  น้ำผึ้ง ถั่วต่างๆ และผลไม้แห้งหลากชนิดมาคั่วและกวนจนแห้ง เหนียวและแข็งคล้ายกับ “ตังเม” ในไทยนั้นเอง สามารถเติมผงมัทฉะลงไปเพื่อเพิ่มความขมตัดกับรสหวานและเพิ่มTexture ของการเคี้ยวด้วยงาดำ

Nougat Nougat

อีกเมนูที่เชื่อว่าหลายคนคิดไม่ถึงว่าป็อปคอร์นจะสามารถทำรสชาเขียวได้ อย่งป็อปคอร์นชาเขียวหรือเป็นพวกถั่วอัลมินด์ เม็ดมะม่วงหิมพาานต์คลุกกับผงมัทฉะ ที่ญี่ปุ่นก็เริ่มมีหลายร้นที่แพ็คถั่วรสชาติต่างๆขาย เป็นการต่อยอดเมนูเดิมๆให้ดูสร้างสรรค์ขึ้น แถมยังแบ่งบรรจุใส่แพ็คเล็กให้พกพาไปทานที่ไหนก็ได้

ที่มา

https://www.mysequinedlife.com/cranberry-almond-matcha-macaroons/

https://www.snixykitchen.com/matcha-black-sesame-nougat-chews/

https://foodaciously.com/recipe/matcha-granola-bars

บทความจาก : Fuwafuwa

3 เหตุผลที่การดื่มชาเขียวทำให้คุณดู smart

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าชาเขียวอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ และยังมีส่วนช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ แม้จะมีหลายกระแสของการดื่มชาเขียว ทั้งเรื่องเวลาที่ควรดื่มชา หรือ การดื่มชาร้อนหรือเย็น แบบไหนได้ประโยชน์กว่ากัน ก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามชาเขียวก็ยังมีประโยชน์มากกว่าโทษอยู่ดี ซึ่ง 3 เหตุผลที่การดื่มชาเขียวทำให้คุณดู smart นั้นมาจาก

1. EGCG  สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว

EGCG เป็นคำย่อของโพลีฟีนอลที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate ซึ่งมีความสำคัญในชาเขียว เพราะมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และช่วยต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านริ้วรอย เนื่องจาก EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถทำลายอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดความชราและโรคภายในสมองของคุณได้ เนื่องจากสมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่อุดมไปด้วยออกซิเจน การรักษาความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นให้น้อยที่สุดจึงมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง ซึ่ง EGCG นอกจากจะช่วยเพิ่มความจำของคุณแล้ว ยังช่วยเรื่องของการรับรู้ ทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายมากขึ้น กล่าวคือ เมื่ออนุมูลอิสระโจมตีสมองอาจทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อในสมองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรค EGCG ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบก็จะหยุดกระบวนการทำลายล้างภายในสมองเพื่อให้สมองของคุณแข็งแรงและทำงานได้ดีที่สุดนั่นเอง

smart

2.  L.Thenine (แอลธีอะนีน) มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองโดยรวม เมื่อดื่มชาเขียว L.Thenine จะทำให้คุณทำงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น เพิ่มโดปามีนและเซโรโทนินและช่วยเพิ่มความจำ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยจังหวัดชิกะ ยังแสดงให้เห็นว่า L.Thenine ยังเพิ่มความสามารถในการให้ความสนใจของบุคคลด้วยการเพิ่มการทำงานของคลื่นอัลฟาในสมองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการตายของเซลล์สมองลดความวิตกกังวลและความเครียดและช่วยป้องกันภาวะเสื่อมเช่นพาร์คินสันและอัลไซเมอร์ เมื่อดื่มชาเขียว L.Thenine จะช่วยปกป้องสมองของคุณจากอันตรายและปรับเปลี่ยนคลื่นสมองเพื่อให้สมองของคุณตื่นตัวและมีสมาธิ แต่ไม่เครียด เพราะการทำงานของสมองที่ไม่ดีอย่างมากเกิดจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือจากโภชนาการที่ไม่ดีและการเครียดและวิตกกังวลมากเกินไป L.Thenine ในชาเขียวช่วยควบคุมสมองเพื่อให้มีเวลาเติมพลังในการนอนหลับอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการนอนหลับพักผ่อนและช่วยลดความเครียดหรือความวิตกกังวลลงได้อย่างรวดเร็วทำให้จิตใจผ่อนคลายและสงบ เมื่อสมองของคุณสงบ แต่มีสมาธิคุณจะรับมือกับความท้าทายได้มากขึ้นและคิดได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่รู้สึกหนักใจ

smart

3. สารต้านอนุมูลอิสระหลายร้อยชนิดอยู่ในชาเขียว จากการศึกษาเกี่ยวกับชาเขียวแสดงให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว ช่วยส่งเสริมการซ่อมแซมเซลล์ซึ่งช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายร้อยชนิดในชาเขียวนอกเหนือจาก EGCG ซึ่งช่วยเพิ่มระดับโดพามีนในสมองและป้องกันสารพิษต่อระบบประสาท ยังมีการวิจัยทั่วโลกเพื่อจำแนกและทำการศึกษาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของสารต้านอนุมูลอิสระแต่ละชนิด อย่าวโพลีฟีนอลในชาเขียวช่วยควบคุมระดับกลูโคสในสมองซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แทนนินในชาเขียวช่วยในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ นอกเหนือจากการป้องกันการตายของเซลล์ประสาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง และเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว จึงควรเลือกชาที่มีคุณภาพสูงและคำนึงถึงขั้นตอนการชงที่ผ่านกรรมวิธีในระดับที่สูงกว่าชาอื่น ๆ นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีเปรียบเทียบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในชาเย็นกับชาร้อนและพบว่าจริงๆแล้วชาเย็นมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าโดยสรุปว่าอุณหภูมิที่ร้อนจะทำลายคาเทชินบางส่วนในชา

smart

เคล็ดลับในการใช้ประโยชน์จากชาให้มากที่สุดสำหรับสมองคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงในการดื่มชาเขียว กล่าวคือ การเลือกชาที่มีคุณภาพสูงสุด ชาที่มีคุณภาพสูงกว่าจะเก็บสารต้านอนุมูลอิสระไว้ได้มากกว่าให้รสชาติดีขึ้นและควรปราศจากสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง พยายามดื่มชาเขียวอย่างน้อยทุกวันเพื่อให้สมองได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีค่า ถ้าเป็นไปได้คุณควรหลีกเลี่ยงการบริโภคชาเขียวที่มีน้ำตาลเนื่องจากน้ำตาลจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ชาเขียวมีสารประกอบตามธรรมชาติซึ่งจะช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัวตลอดระยะเวลาที่ยาวนานและผ่อนคลายมากกว่าการเติมพลังให้สมองของคุณด้วยการเร่งน้ำตาลนั่นเอง

smart

ที่มา

shorturl.at/dkKQT

https://www.pinterest.com/pin/407435097543999856/

บทความจาก : Fuwafuwa

เริ่มวาง Tactical Plan ปีหน้าให้ร้านชาของคุณรึยัง?

การวางแผนล่วงหน้าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ ยิ่งยุคสมัยนี้ที่ร้านเครื่องดื่ม ขนม คาเฟ่ผุดขึ้นเยอะมาก การวาง Tactical Plan แคมเปญตลอดปีหน้าไว้ ว่าแต่ละช่วงเทศกาล แต่ละเดือนจะทำอะไรบ้าง จะช่วยให้เตรียมการได้ทัน อย่างไรก็ตามการวางแผนนี้ไม่ใช่การโฟกัสแต่การออกเมนูใหม่รับเทศกาล แต่ต้องคำนึงถึง Target ลูกค้าที่ต้องการทำแคมเปญด้วย และ Budget รวมถึง Communication Channel ที่รวมถึงสื่อต่างๆ กิจกรรมการตลาดและการตกแต่งภายในร้านด้วย

จะเริ่มวาง Tactical Plan ให้ร้านชาได้ยังไง แนะนำให้เอา Sesonal ต่างๆมาเป็นจุดหลักของแพลน เพราะพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของคนไทย จะซื้อง่ายจ่ายคล่องขึ้นเมื่อมีเทศกาลอะไรบางอย่าง

เริ่มจากเดือนมกราคม เป็นช่วงปีใหม่ เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่สดใสขึ้นด้วยเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแพนเค้กชาเขียวแป้งโฮลวีต ท้อปปิ้งด้วยกล้วยหอมซินนาม่อน  ต่อด้วยวันเด็ก  เมนูที่ร้านจึงเหมาะกับการครีเอทให้น่ารัก ที่เด็กๆเห็นแล้วอยากทาน

เดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก เมนูหวานๆ รูปหัวใจ ที่ทำจากชาเขียวที่ร้านเป็นหลัก ทำให้วาเลนไทน์นี้พิเศษกว่าเดิม

เดือนมีนาคม เมษายน เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระเริ่มผลิบาน เมนูที่ทำจากซากุระ จึงเป็นที่นิยมมากที่ญี่ปุ่น ดังนั้น ร้านชาเขียวที่ใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นแท้ๆ ก็ไม่ควรพลาดที่จะอิงกระแสซากุระนี้ไปด้วย

ส่วนในวันแม่ วันพ่อที่ลูกๆหลายคนอยากจะทำขนมโฮมเมดให้ท่านเอง หรือเลือกหาขนมที่ดีต่อสุขภาพ หรือจะเป็น raw sweets ขนมสุขภาาพอีกแนว ก็น่าสนใจ

มัฟฟินชาเขียวแป้งโฮลวิต หรือ เค้กชาเขียวงาดำ รสชาติที่เหมาะกับผู้ใหญ่ ก็จะช่วยให้ร้านชาของคุณน่าแวะเวียนมาหาซื้อของขวัญในทุกเทศกาลอีกช่วงที่เหมาะกับการสร้างสรรค์ไอเดียให้เมนูชาเขียวคือฮาโลวีนแม้จะไม่เป็นที่นิยมมากนักสำหรับคนไทย แต่ก็มีหลายร้านที่ทำคุ้กกี้ชาเขียว หรือเค้กบอลชาเขียวลวดลายผีน่ารักๆ เสิร์ฟเป็นของแถมในวันที่ 31 ต.ค.

แล้วก็วนมาถึงสิ้นปี ช่วงเทศกาลแห่งความสุข คริสมาสต์ ปีใหม่ ที่เมนูน่ารักน่าทานลวดลายธีมคริสมาสต์ได้ออกมามากมาย เพื่อสร้างความสดใสและสนุกให้ที่ร้าน

จะเห็นว่า ตลอดทั้งปีจะมีช่วงเทศกาลที่ทำให้เราสามารถอิงกระแสเพื่อครีเอทเมนูใหม่ให้สอดคล้องกับช่วงนั้นๆได้ทำให้ลูกค้าสามารถแวะเวียนมาได้ทุกเทศกาล แต่ก่อนที่จะดูว่าจะออกเมนูอะไรใหม่ สิ่งที่ควรรู้คือ เราต้องเข้าใจต้องเข้าใจตลาดที่ตัวเองกำลังเล่นอย่างลึกซึ้งก่อน ทั้งฝั่งของร้านเราเองที่ต้องรู้จุดยืนของแบรนด์คุณ และรู้ความต้องการของลูกค้า พฤติกรรมของลูกค้าว่าเหมาะกับการทำสินค้าใหม่ตามเทศกาลจริงมั้ย รวมทั้งดูจุดอ่อน จุดแข็ง ของคู่แข่งแต่ละรายด้วยเพื่อที่จะได้มาอุดรอยรั่วของร้านเราเอง

หลังจากนั้น การวิเคราะห์เป้าหมายทางการตลาดจะต้องชัดเจนที่สุด ไม่คลุมเคลือ หรือ กว้างไป ต้องระบุว่าร้านอยากได้อะไรจากการวางแผนนี้ ช่วงระยะเวลาจัดแคมเปญที่ชัดเจน และการจะแคมเปญทุกครั้งที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วจะนำสู่การวัดผล ประเมินผลออกมาได้อย่างชัดเจน

หลังจากวิเคราะห์จุดประสงค์ เป้าหมายลูกค้าเรียบร้อยแล้ว การวางแผนจะต้องเอา Budget ทั้งปีมากางดูและแบ่งslot ไปก่อน เพื่อทำให้เจ้าของร้านรู้ได้ว่า ช่วงไหนควรลงทุนกับการจัดแคมเปญมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ Budget นั้นๆจะครอบคลุมถึงสื่อต่างๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การตกแต่งภายในร้าน ต้นทุนของ R&D ในการคิดค้นเมนูใหม่ๆให้สอดคล้องกับเทศกาล รวมถึงการหาแพคเกจให้สอดคล้องตามเทศกาลด้วยใหม่อื่นๆด้วย

วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ร้นชาของคุณเป็นรูปเป็นร่างไม่ทำการตลาดที่สะเปะสะปะระหว่างปี คือการเขียน Tactical Plan ตลอดทั้งปีเพื่อให้มีเวลาในการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ครบถ้วนนั่นเอง

วันนี้คุณเตรียมแผนปีหน้าให้ที่ร้านคุณรึยัง?

ที่มา

https://sweetrusticbakes.com/gluten-free-halloween-cookies/

http://www.huffingtonpost.com/ken-leung/to-us-matcha-goma-mousse-_b_3786543.html?utm_hp_ref=baking

http://lifeinthesouth.co/raw-matcha-lime-tarts/

บทความจาก : Fuwafuwa

เพิ่มสีสันให้เมนูชา รับเทศกาลคริสมาสต์

ใกล้ช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลากหลายร้านเริ่มออกเมนูใหม่ต้อนรับเทศกาลความสุข ทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะสร้างสรรค์เมนูยังไง MATCHAZUKI ได้รวบรวมไอเดียและสูตรเครื่องดื่มและขนมชาเขียว ให้คอชาเขียวได้ลองปรับเปลี่ยนเมนูที่ร้านให้สนุกขึ้น

คริสมาสต์

เริ่มจาก มัทฉะลาเต้ร้อน เมนูแนะนำของหลายๆร้านที่เพิ่มสีสันรับเทศกาล คริสมาสต์ง่ายๆเพียงใส่มาชแมลโลว์ snowman น่ารักๆลงไปทานคู่กัน วิธีทำไม่ยากมากเพราะเริ่มจากทำมาร์ชแมลโลว์ทรงสี่เหลี่ยมตามสูตรมาชแมลโลว์ที่ร้านชื่นชอบ ให้มีขนาดใหญ่พอที่จะตัดเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมด้านใดด้านหนึ่งหักออกแล้วจุ่มไม้จิ้มฟันลงในไวท์ช็อคโกแลตสีส้มที่ละลายแล้วและวาดจมูกลงบนมาร์ชแมลโลว์ ส่วนตาใส่ดาร์กช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันมะพร้าว 1/4 ช้อนชาลงในจานเล็ก ๆ และไมโครเวฟทีละ 20 วินาทีกวนทีละน้อยจนดาร์กช็อกโกแลตละลายอย่างสมบูรณ์และเนียน ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมจุ่มลงในดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายแล้วตบที่ตาและปากของ snowman แล้วปล่อยให้ช็อคโกแลตหน้ามนุษย์หิมะตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนเสิร์ฟคู่มัทฉะลาเต้ร้อนแก้วโปรด

Matcha Cookie Christmas Tree

ต่อด้วย Matcha Cookie Christmas Tree เริ่มจากตีเนยจืด 1 ถ้วย ผงมัทฉะ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาล  1 ½  ถ้วยจนฟู ใส่ไข่แดง 1 ฟอง และวานิลลา 1 ช้อนชาลงไปแล้วผสมจนเข้ากัน แล้วร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกันพักไว้อีกชาม ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในชามแล้วผสมให้เข้ากัน ปิดฝาแป้งและแช่เย็น 30 นาที เปิดเตาอบที่ 180 องศา วางกระดาษรองอบลงในถาดอบ

หั่นแป้งเป็นครึ่ง ๆ หรือสี่ส่วนแล้วรีดให้มีความหนาประมาณ 1/6 – 1/4 นิ้ว ใช้พิมพ์ต้นคริสมาสต์ตัดลงไปแล้ววางบนกระดาษรองอบที่เตรียมไว้ อบแต่ละชุดเป็นเวลา 7-9 นาที ตกแต่งลวดลายด้วยไวท์ช็อคโกแลตที่ละลายด้วยไมโครเวฟ 20 วินาที หรือผสมสีแดงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ลวดลายที่แตกต่างไป

ความเข้มอ่อนขอสีต้นคริสมาต์ขึ้นอยู่กับปริมาณผงมัทฉะที่ใส่ลงไป เพิ่มความน่ารักด้วยการผูกโบว์ หรือแพ็คใส่ถุงแก้วใสๆเพื่อโชว์ลวดลายคุ้กกี้ก็ได้

เทคนิคเพิ่มความน่ารักให้คุ้กก้คริสมาสต์คือ ตอนกดแป้งเป็นรูปต้นคริสต์มาสต์ สามารถกดเป็นรูปดาว หลายๆขนาดได้ เพื่อหลังจากอบเสร็จ มาวางเรียงสลับชั้นกัน โดยแต่ละชั้นเชื่อมด้วยไวท์ช็อคโกแลตเล็กน้อย ปักดาวด้านบนด้วยเมล็ดอัลมอนด์ แล้วโรยไอซิ่งเล็กน้อย ก็ได้เมนูคุ้กกี้ชาเขียวรับเทศกาลคริสมาต์นี้แล้ว

Matcha Mont Blanc

อีกเมนูที่แค่เห็นก็นึกถึงต้นคริสมาต์เลย คือ Matcha Mont Blanc สามารถใช้สูตรมองบลังค์ปกติที่ทำได้เลยเพียงแต่เปลี่ยนส่วนผสมครีมเกาลัดที่บีบด้านบนเป็นครีมชาเขียว แล้วประดับตกแต่งด้วยคุ้กกี้ไอซิ่งสีสันสดใส ก็กลายเป็นมองบลังค์ชาเขียวที่ใครได้ทานต้องประทับใจ

Matcha Mont Blanc

นอกจากเมนูชาด้านบนที่เป็นตัวอย่างให้ร้านชาของคุณได้เห็นไอเดียเบื้องต้นสำหรับดัดแปลงเมนูแล้ว ยังมีเมนูชาเขียวอีกหลายหลายเมนูที่สามารถทำขายช่วงคริสมาสต์ได้ เช่น Matcha Hot Chocolate หรือ Matcha Macaron หรือจะเป็น Matcha Cake ที่เน้นการเติมสีแดงด้วยสตรอเบอร์รี่

Matcha Macaron Matcha Macaron

แต่ถ้าใครไม่ถนัดทำขนมที่ต้องใช้เทคนิคเยอะๆ ลองเอาเมนูขนมชาเขียวแบบไม่อบ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/dpDS7 ) มาปรับให้เป็นสไตล์คริสมาต์ดูก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจ ยิ่งถ้ามีเมนูใหม่ๆออกมาพร้อมกับจัดแคมเปญส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นหรือกิจกรรมที่น่าสนใจ ยิ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาที่ร้านได้มากขึ้น ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/ceqKP ) เพราะไม่จำเป็นว่าช่วงเทศกาลแบบนี้ทุกร้านจะต้องมีเมนูใหม่ๆออกมา มันอาจจะเป็นการยากไปสำหรับบางร้านที่ต้องคิดเมนูใหม่ๆตลอด เพราะตามควมเชื่อของคนญี่ปุ่นนั้น แค่ซื้อชาเขียวมอบให้กันในเทศกาลต่างๆก็ถือว่าเป็นการอวยพรให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/bcCHK )

ที่มา

https://encha.com/pages/matcha-recipes

https://www.stephaniesuen.com/2018/12/08/mini-matcha-christmas-tree-sugar-cookies/

https://steemit.com/food/@alwayssmile/elegant-noble-french-dessert-mont-blanc

https://hostthetoast.com/matcha-cookie-christmas-tree-stacks/

บทความจาก : Fuwafuwa

ชาเขียวใส่นม ดื่มแล้วไม่ดีต่อสุขภาพจริงมั้ย?

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าประโยชน์สูงสุดของการดื่มชาเขียว คือ ต้องดื่มแบบเพียวๆ ไม่ใส่นม น้ำตาล แต่ก็ใช่ว่าการใส่นมลงไป จะทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหารของชาไปทั้งหมด เพราะนมก็มีหลายประเภท ทั้งนมสด นมผง นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ แต่ละชนิดก็ให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป หากคุณต้องการได้รับประโยชน์สูงสุด การดื่มชาเขียวใส่นม จะทำให้คุณประโยชน์ของชาลดลงเท่านั้น แต่จะไม่สามารถขจัดประโยชน์ทั้งหมดได้

ประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาเขียว คือ ประโยชน์จากคาเทชินซึ่งดีต่อหัวใจการไหลเวียนของเลือด คาเทชินเป็นอาวุธสำคัญของธรรมชาติที่เข้าไปทำหน้าที่ป้องกันการเกิดอนุมูล อิสระ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในร่างกาย ชะลอความเสื่อมของร่างกายและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย ซึ่งในนมจะมีโปรตีนที่พบ เรียกว่า เคซีน ตัวนี้จะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับคาเทชินและลดประโยชน์ต่อสุขภาพ เพียงแค่ลดประโยชน์ที่ดีลง แต่ไม่ได้ผลิตสารเคมีที่ไม่ดีต่อร่างกาย

Soy Milk Soy Milk

ดังนั้น หากจะช่วยเพิ่มประโยชน์ในการดื่มชาเขียวลาเต้แก้วโปรดของคุณ มีทางเลือกอีกมากมายในการใส่นมลงไป เช่น การเลือกนมถั่วเหลืองแทนนมวัว นมถั่วเหลืองมีเลซิตินซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลที่แตกต่างจากเคซีนดังนั้นคุณจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากคาเทชิน เพียงแค่รสชาติจะแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น และยังเป็นทางเลือกสำหรับคนที่แพ้นมวัวอีกด้วย แต่ถ้าาใครไม่ชอบนมถั่วเหลือง ก็ยังมีนมถั่วพิตาชิโอ้ และนมอัลมอนด์ ที่มีคุณค่าทางสารอาหารไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตามสามารถเพลิดเพลินกับการดื่มชาเขียวได้เหมือนเดิม แทนนิน กรดแกลลิก และคาเฟอีน คุณประโยชน์ในชายังคงทำหน้าที่ได้ดีตามปกติเมื่อคุณดื่มชาเขียวใส่นม

Milk

ข้อควรระวังสำหรับการดื่มชาเขียวใส่นมโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่ขายเครื่องดื่มชาเขียวในราคาถูกมากๆ อาจจะมีการใช้นมผง แทนนมสด จริงๆแล้วนมผง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ๆที่เก็บรักษาง่ายเพราะเป็นผงไม่ต้องแช่เย็น แต่บางร้านไม่ได้ใช้นมผงแท้ๆ ราคาจึงถูกกว่านมผงทั่วไปก็มีพบได้ในตลาดทุกวันนี้

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการร้านเครื่องดื่มชา กาแฟ นอกจากการเลือกผงมัทฉะที่เป็นองค์ประกอบหลักในการชงเครื่องดื่มแล้ว อย่าลืมที่จะทำความรู้จักกับนม ที่เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญด้วย

อย่างนมสดพาสเจอร์ไรซ์ นิยมบรรจุในขวดพาสติก แบบขุ่น กล่องกระดาษ หรือถุงพลาสติก โดยวางจำหน่ายในตู้เย็น หรือ ตู้แช่ ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้นมเสีย เป็นนมที่มีคุณค่า ทางอาหารใกล้เคียงกับนมโคสดมากที่สุด นมประเภทนี้จึงเหมาะกับร้านขายเครื่องดื่มอย่างน้ำชา กาแฟมากที่สุด เพราะหาซื้อง่าย และสะดวก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีความหอม อร่อยที่ต่างกันออกไป และเป็นนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ข้อจำกัดของนมชนิดนี้คือ ต้องเก็บเเช่เย็นไว้ตลอดเวลา เมื่อเปิดแล้วต้องใช้ให้ หมดภายใน 2 วัน มิฉะนั้น นมอาจเสียได้

ดังนั้นบางร้านที่ไม่สะดวกใช้นมสด ก็อาจจะใช้นม UHT น้ำนมสดที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อนที่สูงมากแต่ใช้เวลาสั้นมากจึงทำให้น้ำนมยังมีกลิ่นและรสที่ดี ไม่มีกลิ่นเป็นนมต้ม (ไหม้) เหมือนนมสดสเตอร์ไรซ์ รสชาติ ความสด อร่อยน้อยกว่า เมื่อเทียบกับนมพาสเจอร์ไรซ์ แต่ก็ยังได้รสชาติที่ดีกว่านมผงนั่นเอง เพราาะนมผง เป็นกระบวนการถนอมรักษานมสด โดยการทำให้เป็นผงแห้ง การแปรรูปเป็นผงโดยการระเหยน้ำส่วนใหญ่ออกจากน้ำนมสด ทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งเป็นผง มีน้ำหนักเบา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและเก็บได้นาน

Milk

หากใครที่ไม่รู้จะเลือกใช้นมแบบไหนดี แนะนำให้คำนึงถึงก่อนว่า นมประเภทที่จะใช้ หาซื้อได้ง่ายไหม / สูตรการชงของร้านเป็นอย่างไร และราคา ต้นทุน เมื่อรวมกันแล้วได้กำไรต่อแก้วละเท่าไหร่

ไม่จำเป็นจะต้องสต็อกนมไว้มาก เพราะต้นทุนไม่สูง นอกจากนมที่ไว้ใส่ในชาแล้ว อย่าลืมคิดต้นทุนนมเผื่อนมที่ไว้ตีฟองนมทำเป็นท็อปปิ้งด้วย หากใช้นมประเภทเดียวกันได้ ก็ถือเป็นการประหยัดต้นทุนได้อีกทาง

ที่มา

https://www.japanesegreenteain.com

https://500px.com/photo/270154585/Iced-matcha-latte-with-milk-pouring-fron-pitcher-in-glass-by-Anna-Ivanova/

https://zibafoods.com/cold-pistachio-milk-with-cardamom-and-rosewater/

http://www.maki.vn/organic-vegan-milk

https://www.alphafoodie.com/simple-homemade-soy-milk-recipe/

บทความจาก : Fuwafuwa