ออกแบบโลโก้ร้านชา ให้ลูกค้าจำได้ง่าย

Logo ถือเป็นส่วนสำคัญที่เปรียบเสมือนหน้าตาของร้าน มีผลต่อการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีร้านของหวานเครื่องดื่มออกใหม่มากมาย โลโก้ที่ติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์อาหารถ้ายิ่งจดจำได้ง่าย มีเอกลักษณ์ ก็จะยิ่งช่วยให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อได้ง่ายขึ้นด้วย หลักการในการออกแบบโลโก้ที่ดี ให้จดจำง่ายไม่ซ้ำร้านอื่นมีเทคนิคอะไรบ้าง มาดูกัน

เริ่มจากต้องมีเอกลักษณ์ของร้านเพราะโลโก้ของร้านควรจะสื่อสารถึงตัวตนของร้าน สไตล์อาหารที่ขาย มองแล้วรับรู้ทันทีว่านี่คือร้านอาหารอะไร มีลักษณะที่สัมพันธ์กับการตั้งชื่อร้าน ถ้าไม่ไปซ้ำซ้อนกับร้านอื่นๆได้จะยิ่งดีเพราะป้องกันความสับสนของลูกค้า อย่างร้านที่ขายชาเขียวแท้ๆจากญี่ปุ่น ก็อาจจะมีการใช้ภาษาญี่ปุ่น เพื่อสื่อถึงที่มาของวัตถุดิบพระเอกของร้าน หรือใช้ดีไซน์ที่เป็นเหมือนอินตัง ( ตรายาง ) ของคนญี่ปุ่น เพื่อดึงเอกลักษณ์ดีไซน์ความเป็นญี่ปุ่นออกมาสื่อถึงที่มาของวัตถุดิบแท้ๆ

logo logo logo

โลโก้ที่ดีควรสื่อความหมายเพราะโลโก้ที่ดีจะต้องสามารถสื่อความหมายได้มากกว่าแค่บอกชื่อร้าน อย่างเช่นการใช้รูปใบชา ถ้วยชงชา หรือฉะเซ็นที่เป็นอุปกรณ์ชงชา เพื่อบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในรสชาติของชาที่้ร้าน รูปที่อยู่ในโลโก้ควรจะผ่านการคิดว่ามีความหมายอย่างไร เห็นเข้าใจและจดจำได้ง่าย เพื่อสื่อสารไปให้ถึงลูกค้าได้ตรงประเด็น ซึ่งนอกจากรูปภาพ ที่ใช้ในการสื่อความหมายแล้ว สีของโลโก้ ก็ยังเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้นึกถึงสินค้าในแบรนด์ได้ง่ายขึ้น  อย่างเช่นการใช้สีเขียวในโลโก้ ทำให้นึกถึงชาเขียวได้ง่ายขึ้น สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งจากสารสังเคราะห์

ให้โลโก้สื่ออารมณ์ของร้าน  ต้องรู้ก่อนว่าอยากให้ภาพออกมามีอารมณ์แบบไหน สอดคล้องกับร้านของเราอย่างไร เช่น ร้านขายชา ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิง ไม่ได้เน้นชาที่เข้มข้น แต่เน้นการปรับสูตรไปให้หลากหลาย ผู้หญิงทานง่ายขึ้นและมีขนมอื่นๆที่ทำจากชา จะต้องใช้โลโก้ที่มีโทนสีชมพูปนเข้ามา เพื่อดึงดูดสายตาผู้หญิงที่มีความอ่อนหวาน หรือปรับเป็นโลโก้ที่เรียบๆนิ่งๆ แต่เน้นแพคเกจจิ้งสีหวานเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง

logo logo

ไม่ใช้สีสันที่มากจนเกินไปจำนวนสีที่ใช้บนโลโก้ควรอยู่ที่ 1 – 3 สี จึงจะพอเหมาะ และไม่ทำให้เกิดความสับสนนอกจากนี้ อารมณ์ของสีที่ใช้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น สีเขียว ที่สื่อถึงธรรมชาติ สุขภาพ ความสดใหม่ และการเจริญเติบโต นอกจากนั้นยังให้อารมณ์สดชื่น ผ่อนคลายอีกด้วย

logo logo logo

อย่าลืมที่จะเช็คคู่แข่งบ้างการเข้าไปดูเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของแบรนด์อื่นๆ ช่วยให้เราฝึกการคิดวิเคราะห์ได้ ว่าโลโก้นั้นดูดี สื่อความหมาย มีเอกลักษณ์เพียงพอรึยัง เพื่อเอามาปรับที่ร้านให้ดีขึ้น เป็นการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง ของแบรนด์ก็ว่าได้ และอย่าลืมติดตามเทรนด์ของการดีไซน์อยู่เสมอ เช่น ใช้สีแห่งปีอย่างสีม่วงอัลตราไวโอเลต หรือจะใช้การไล่เฉดสีและลูกเล่นในการพิมพ์ก็จะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับโลโก้ของคุณได้

แต่ก็จะเห็นได้ว่าโลโก้มีหลายแบบ ทั้งที่เป็นตัวอักษรปกติ รูปภาพ ลายกราฟฟิค หรือมาสคอต แต่ละแบบก็สื่อความหมายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แตกต่างกัน เช่น แบรนด์ที่มีรูปการ์ตูน โลโก้ประเภทนี้จะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าเด็กและครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการกระตุ้นให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย หรือสำหรับการใช้แค่เพียงสัญลักษณ์บางอย่าง อย่าง ใบชา ช้อนตักชา หรือฉะเซย ก้เพียงพอที่จะสื่อความหมายได้แล้วว่าร้านนี้เน้นขายชา

logo

หากลองครีเอทมาแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าควรใช้จริงมั้ย ทดลองเทสต์บนหน้าเว็บไซต์หรือทำเป็นโปรไฟล์ดูก่อน หรือบางทีอาจจะทำโพลขึ้นมาให้คนเข้ามาให้ฟีดแบค เช่น ถามว่ามันดูสวยพอหรือยัง อยากแก้ตรงไหนไหม ดูเข้ากันกับเว็บไซต์หรือเปล่า เผื่อที่จะปรับแก้บางจุดเพื่อให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายขึ้นก่อนผลิตสื่อต่างๆจริง

พอจะได้ไอเดียกันแล้วมั้ยคะ สำหรับท่านที่จะลองเปิดกิจการเป็นของตัวเอง ที่นี่ก็เริ่มลงมือออกแบบ โลโก้แบบที่ชอบ แล้วเอาไปต่อยอดลงนามบัตรร้าน แพคเกจสินค้า ในรูปแบบเดียวกันเพื่อให้เป็นภาพจำกับลูกค้า แล้วเกิดความรู้สึกอยากบอกต่อ ได้ง่ายขึ้น

logo logo logo

ที่มา

https://www.freepik.com

https://gdc.jp/archives/category/works/food

https://www.packagingoftheworld.com/2012/07/kotoha-with-yuica.html

https://www.behance.net

บทความจาก : Fuwafuwa

ทำความรู้จักใบชา สำหรับคั่วชาโฮจิฉะ

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าชาโฮจิฉะ คือ ชาเขียวคั่วด้วยอุณหภูมิที่สูงจนมีกลิ่นหอม เป็นชาที่ทิ้งรสชาติและความหอมให้ยังคงหลงเหลือในปากหลังดื่ม จึงทำให้ชาชนิดนี้นิยมดื่มหลังอาหาร หรือระหว่างมื้ออาหาร ด้วยวิธีการคั่วนี้เองจึงทำให้สารคาเทชินซึ่งเป็นสารที่ทำให้มีรสฝาดและคาเฟอีนน้อยลง ชาประเภทนี้จึงอ่อนโยนต่อร่างกาย สามารถดื่มได้ทั้งเด็ก คนท้อง และผู้ใหญ่ทั่วไป และยังสามารถดื่มก่อนนอนได้อีกด้วยเพราะมีปริมาณคาเฟอีนในชาที่ต่ำมาก โดยใบชาที่นิยมนำมาคั่วเป็นโฮจิฉะมี 3 ชนิด ได้แก่ เซนฉะ (煎茶) บังฉะ (番茶) และคุคิฉะหรือชาที่ทำจากก้านชา (茎茶) แต่ละชนิดที่นำมาคั่วก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน หากใครอยากลองที่จะคั่วชาเขียวให้เป็นชาโฮจิฉะ มาทำความรู้จัก ชาทั้ง 3 ชนิดนี้ก่อนว่าแตกต่างกันยังไง

ชาโฮจิฉะ ชาโฮจิฉะ

เริ่มที่ เซนฉะ (煎茶) ชาเขียวที่ชาวญี่ปุ่นดื่มในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องเลี้ยงในร่ม สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี เป็นชาที่ผลิตเยอะที่สุดในญี่ปุ่น เพราะ เก็บใบชาได้ปีละ 4 ครั้ง โดยเริ่มเก็บตั้งแต่ เดือนพฤษภาคมโดยเก็บยอดอ่อน 3 ใบแรก และใช้กรรไกรตัด เซนฉะจะถูกแบ่งเกรด 3 ระดับ คือ เกรดสูง เกรดกลาง และ เกรดธรรมดา หลังจากเก็บใบชาจะนำมาเป่าให้แห้ง และปั่นใบชาให้เป็นเกลียว และม้วนภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อหยุดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของเอนไซม์ เพราะจะทำให้คงสภาพสีและกลิ่นของของชาเอาไว้ได้ รสชาติออกไปทางรสฝาด แต่เป็นชาที่มีความหอมอยู่แล้ว เลยทำให้เวลานำมาคั่ว จะทำให้มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น

ชาเซนฉะ

แต่ถ้านำใบชาเซนฉะไปอบนานขึ้น ประมาณ 2-3 เท่า ทำให้ได้สีและรสชาติที่เข้มกว่าเซนฉะ จะเรียกว่า ฟุคะมุชิฉะ (深蒸し茶) นั่นเอง

ชาเซนฉะ ชาเซนฉะ

ส่วน บังฉะ (番茶) คุณภาพรองลงมาจากชาเซนฉะ เพราะเก็บเกี่ยวในช่วงที่สามหรือสี่ของปี เป็นใบชาที่เหลืออยู่ที่ยอดชาหลังเก็บใบชาเซนฉะไปแล้ว ใบชาบังฉะจะมีขนาดใหญ่กว่าที่นำไปผลิตเป็นชาเซนฉะ หลังจากนั้นก็นำมานวดเล็กน้อย รสชาติจะอ่อนๆ ใช้ดื่มทั่วไป เป็นใบชาที่เหลือจากยอดต้น มีรสชาติอ่อน แต่มีกลิ่นหอมที่ชัดเจน ฝาดเล็กน้อย ส่วนใหญ่ใบชาประเภทนี้เป็นใบแข็ง ไม่ค่อยสมบูรณ์ มีสีน้ำตาลอ่อนออกเหลือง และมีรสชาติขมกว่าเกียวคุโระและเซนฉะ

บังฉะ (番茶)

เมื่อนำบังฉะไปอบด้วยความร้อนในอุณหภูมิที่พอเหมาะ แล้วนวดให้แห้ง จะได้ใบชาหอม สีน้ำตาลแดง เรียกว่า “โฮจิฉะ” นั่นเอง ซึ่งชาบังฉะนี้  มีสารแทนนิน (tannin) มาก แต่มีคาเฟอีนน้อย  อีกเอกลักษณ์โดดเด่นของบังฉะ คือ ดื่มแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นในปาก เทคนิคการดื่มก็คือการชงด้วยน้ำร้อนแบบเร็วๆ ให้รสชาติที่ค่อนข้างขมและฝาด เหมาะกับการดื่มเพื่อล้างปากหลังอาหาร ให้ความรู้สึกสดชื่นได้ นอกจากนั้นยังมีฟลูโอไรด์อยู่มากจึงมีผลในการลดแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยบรรเทากลิ่นปากด้วย

มาถึงชาประเภทสุดท้าย  คุคิฉะหรือชาที่ทำจากก้านชา (茎茶) มีอีกชื่อหนึ่งว่า Boucha (棒茶) เป็นชาที่เป็นผลพลอยได้มาจากลำต้นและก้านของ ชาเซนฉะ หรือ ชามัทฉะ มีใบชาผสมน้อยมาก มีรสชาติหวานนวลกว่าชาชนิดอื่นๆ เพราะมีสาร L-theanineสูง ซึ่งสารนี้จะพบในลำต้น หรือรากของต้นชานั่นเอง ชาคุคิฉะสามารถชงซ้ำได้หลายครั้ง  และยังสามารถนำไปผสมกับน้ำผลไม้สำหรับเด็กๆ ได้ด้วย ชงในอุณหภูมิน้ำที่ 70-80 องศา จะได้รสชาติที่ดีที่สุด ชาชนิดนี้มีกลิ่นที่หอมมากเมื่อเทียบกับชาชนิดอื่นๆ เมื่อนำไปอบรมควันจึงจะได้ชาโฮจิฉะที่มีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์

Boucha (棒茶)

เพียงแค่ชาเปลี่ยนกรรมวิธีในการผลิตและเก็บเกี่ยว ก็สามารถกลายเป็นชารูปแบบต่างๆ ให้คนเลิฟชาได้ลิ้มรสทั้งกลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกัน

ที่มา

https://en.wikipedia.org/wiki/H%C5%8Djicha

https://subsc.jp/notes/534

http://www.amazon.com/gp/product/

บทความจาก : Fuwafuwa

ดื่มชาเขียวร้อนดีกว่าชาเขียวเย็นจริงมั้ย ?

ชาเขียว เครื่องดื่มที่อุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น แต่ในทางกลับกันการดื่มชาเขียวอาจไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรต่อร่างกายเลยหากดื่มไม่ถูกวิธี ซึ่งที่ทุกคนทราบกันอย่างแน่ชัด คือ การดื่มน้ำชาไม่ว่าจะชาร้อนหรือชาแช่เย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยน้ำตาล หรือ นมทุกชนิด ไม่ว่าจะนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา และทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงควรดื่มน้ำชาล้วนๆไม่ปรุงแต่ง

Hot Matcha Cold Matcha

อย่างไรก็ตาม แม้จะดื่มชาเขียวเพียวๆ แต่ก็มีคนเข้าใจว่าการดื่มชาเขียวเย็นไม่เกิดประโยชน์แล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย เพราะชาเขียวเย็น ก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันในร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา เช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานการวิจัยยืนยันอย่างชัดเจนว่าชาเขียวเย็นส่งผลเสียแบบนั้นจริงมั้ย

บางกระแสก็บอกว่า หากดื่มแบบเย็นที่มีน้ำแข็งผสม ความเย็นจากน้ำแข็งจะทำให้ประสิทธิภาพของชาเขียวเจือจางไปพร้อมน้ำแข็ง แทนที่จะได้รับประโยชน์แบบเต็มที่ก็ทำให้ได้รับคุณประโยชน์น้อยกว่า แต่สำหรับใครที่อยากดื่มชาเขียวแบบเย็นก็สามารถทำได้ เพียงให้ดื่มชาที่ชงด้วยตัวเองแล้วนำไปแช่เย็นไว้ แค่ไม่ใส่น้ำแข็งไปผสมเพิ่มก็พอ และเพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระจากในชาเขียวยังคงมีอยู่

ในทางกลับกัน มีสมมติฐานที่ยังคงเป็นที่ถกเกียงกันว่าการดื่มชาเขียวร้อนที่ว่ากันว่าช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งได้ เพราะยอดใบชาจะมีสารต้านอนุมูลอิสร แต่ก็ยังไม่ได้มีวิจัยที่ชัดเจน และบางคนก็เชื่อว่าการดื่มชาเขียวร้อน ยิ่งเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่คนเลิฟชาเขียวก็ควรดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ และดื่มอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้คุณค่าทางสารอาหารมากที่สุด

สำหรับผู้ที่นิยมดื่มน้ำชาร้อนๆ สารสำคัญที่เป็นประโยชน์ คือ คาเทคชินส์ (Catechins) จะถูกความร้อนทำลายไปเกือบหมด คงเหลือแต่ความหอมและรสชาติ ถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแต่ยังนิยมชาร้อนๆ ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้น เช่นเดียวกับคนจีนแต้จิ๋ว ที่นิยมชงชาจีนรสเข้มข้นในถ้วยชาใบจิ๋วคล้ายกับการดื่มกาแฟเอ็กซ์เพรซโซ่ ความเข้มข้นของใบชาจะทำให้มีปริมาณสารคาเทคชินส์ที่เข้มข้น และแม้ว่าสารเหล่านี้จะสลายตัวไปบางส่วนเมื่อโดนความร้อนจากน้ำร้อน แต่จะยังคงมีบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ ที่พอจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

Hot Matcha

นอกจากนี้ยังมีวิจัยที่ว่า การดื่มชาร้อนช่วงอากาศร้อนๆๆ ช่วยให้รู้สึกเย็นมากกว่าชาเย็น เพราะเหงื่อจะออกเยอะ เป็นการช่วยระบายความร้อนได้อีกทาง ถ้าดื่มชาเขียวเย็นในช่วงที่อากาศร้อนชาเย็นที่เราดื่มเข้าไปจะสูญเสียความเย็นเมื่อไหลผ่านอวัยวะต่างๆ ถ้าดื่มในปริมาณที่มากเกินๆ

แม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนรองรับการดื่มชาเขียวเย็น หรือชาเขียวร้อนว่าการดื่มประเภทไหนจะเกิดผลร้ายต่อร่างกายมากกว่ากัน เพียงแค่โดยหลักการแล้วเราจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดตอนดื่มชาร้อน โดยเฉพาะชาที่ต้มในอุณหภูมิ 70-78 องศาเป็นเวลา 2-4 นาที แล้วสารต้านอนุมูลอิสระจะหายไปประมาณ 20% หากโดนความร้อนนานๆนั่นเอง และปริมาณที่บริโภคในแต่ละวันก็ไม่ควรมากเกินไปเพราะอาจจะเกิดอาการท้องผูกได้ และกินหลังมื้ออาหาร เพื่อให้คาเฟอีนในชาไม่ไปทำให้เกิดกรดในกระเพาะนั่นเอง

ที่มา

shorturl.at/jtwDM

https://www.dotfit.com/content-35820.html

DIY Beauty and Natural Skincare Recipes, Essential Oils, Non-Toxic Lifestyle & More

บทความจาก : Fuwafuwa

เมนูสุดฮิต Matcha Croissants

ครัวซองค์เบเกอรี่ที่หลายคนชื่นชอบ มีหลายร้านที่ทำครัวซองค์ออกมาขายในรสชาติยอดนิยม อย่างครัวซองค์อัลมอนด์ , ครัวซองค์เนย, ครัวซองช็อคโกแลต ซึ่งถ้าใครชื่นชอบชาเขียวเป็นพิเศษ ก็อาจจะรู้สึกว่าครัวซองค์ชาเขียวเป็นอะไรที่หากินยาก รอบนี้เลยเอาใจร้านที่มีเมนูครัวซองค์อยู่ในร้านแล้ว แต่อยากต่อยอดให้มีรสชาติแปลกใหม่อย่างชาเขียว ว่ามีเทคนิคอะไรบ้างที่จะทำให้ครัวซองค์ที่ร้าน แต่ต่างจากร้านอื่นๆ

มาเอาใจคนเลิฟมัทฉะครัวซองค์แบบแรกด้วยไอเดียแสนง่ายเพียงเติมผงมัทฉะลงไปในแป้งที่มาทำเป็นโดว์ครัวซองค์  และเวลาอบออกมาแป้งจะได้สีเขียวสวยแตกต่างจากครัวซองค์เนยทั่วไป

Matcha Croissants Matcha Croissants

ไอเดียต่อมาที่ทำง่ายและสีสวยน่ารับประทานคือการบีบครีมสดชาเขียวนุ่มละมุนลงครัวซองค์ การบีบก็ทำได้หลายวิธีและมีหลายหัวบีบที่ทำให้ครัวซองค์แต่ละร้านมีหน้าตาต่างกันออกไป การนำเทคนิคแบบการทำมองค์บลังค์มาบีบครีมสด ก็เป็นอีกไอเดียที่ทำให้ครัวซองค์น่าทานมากขึ้น ซึ่งครีมที่บีบตรงนี้อาจจะผสมถั่วขาวเข้าไปตามสไตล์ขนมญี่ปุ่นก็ช่วยตัดเลียนได้เช่นกัน

Matcha Croissants

นอกจากครีมสดแล้วอีกวิธีที่เห็นได้ทั่วไป คือครัวซองค์เคลือบช็อคโกแลตชาเขียว ตัวนี้เคลือบได้หลายวิธีเลย ทั้งการเคลือบทั้งชิ้น หรือเคลือบแค่ส่วนเดียวแล้วโรยท้อปปิ้งด้วยช็อคโกแลต หรือผงครัมเบิ้ล อัลมอนด์าไลด์ตามชอบ หรือเพิ่มความเข้มข้นให้ถูกใจคนรักชาเขียวด้วยดิปซอสชาเขียว ยิ่งทำให้ขนมน่าทานและเกิดการถ่ายภาพแชร์ต่อกันในโซเชียลได้

Matcha Croissants Matcha Croissants

Matcha Croissants Matcha Croissants Matcha Croissants

ส่วนตัวไส้ครัวซองค์ที่นิยมทานคู่ชาเขียว คงหนีไม่พ้น ถั่วแดงและครีมสด ขนมสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นฝรั่ง

ครัวซองต์ชาเขียว

ส่วนครัวซองที่เป็นชิ้นเล็กๆที่เหลือจากการหั่นครัวซองค์เพื่อขึ้นรูป แนะนำให้หาพิมพ์ CUBE มาแล้วเอาเศษที่เหลือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่เข้าไป ก็จะได้ครัซองค์หน้าตาแบบใหม่ที่ต่างจากร้านอื่นแน่นอน หรือถ้าหากใครอยากได้ลวดลายครัวซองค์ CUBE ที่สวยงาม แทนที่จะขึ้นรูปครัวซองค์ปกติ สามารถขึ้นโดว์ด้วยการม้วนแล้วให้ขึ้นฟูในแม่พิมพ์ก็ได้ พออบออกมาจะได้ลายก้นหอยที่สวยงาม และสามารถใส่ไส้ครีมสดชาเขียว โรยหน้าตกแต่งด้วยไอซิ่ง หรือถั่วพิตาชิโอ้ ยิ่งทำให้น่ารับประทานมากขึ้น

Cube Cube Cube

ถัดจากขนมอีกส่วนที่เป็นหน้าตาของร้านพอกันคือ แพคเกจ ร้านส่วนใหญ่นิยมใช้มักเป็นกระดาษห่อปกติ หรือใส่รวมกันในกล่อง หากอยากสร้างความแตกต่างให้ครัวซองค์ชาเขียว สามารถทำแพคเกจที่แตกต่างออกมาได้ นอกจากจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้ที่ร้านแล้วยังช่วยให้ครัวซองค์แต่ละชิ้นถูกเก็บในกล่องแยกชิ้นกันอย่างดี ไม่เสียหาย

สร้างสรรค์เมนูเดิมๆให้เป็นเมนูใหม่ๆตามแบบฉบับคนรักชาเขียว จะช่วยสร้างมูลค่าให้ขนมที่ร้านน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

ที่มา

https://www.packagingoftheworld.com/2019/10/sweet-home.html?m=1

https://www.pinterest.com/pin/33706697196821794/

IG : @koidb

IG : @tini.artisanbakehouse

บทความจาก : Fuwafuwa

Matcha Breakfast Dish เมนู Matcha Yogurt

หลายคนอาจคิดว่าการได้จิบชาอุ่นๆ ในตอนเช้านั้นเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็กต์ แต่ความจริงแล้วตอนเช้าเป็นช่วงที่ท้องกำลังว่าง หากเราดื่มชาเขียวเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร จนอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะได้ แถมคาเฟอีนที่อยู่ในชาเขียวยังจะกระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำออกมา อาจทำให้เรารู้สึกขาดน้ำ สมองช้า ไม่สดชื่นอีกด้วย ทางที่ดีควรกินอาหารเช้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยตามด้วยชาเขียวสัก 1 แก้ว หรือถ้าอยากทานชาเขียวจริงๆ ลองเอาไปผสมในซุป โยเกิร์ต หรือเมนูอื่นๆที่เหมาะกับการเป็นมื้อเช้า ทำให้ได้มื้อเช้าแสนอร่อยสไตล์คนเลิฟมัทฉะ และยังเป็นการเพิ่มเมนูมื้อเช้าให้ร้านคาเฟ่ของคุณได้อีกด้วย

เริ่มกันที่เมนูเบาๆง่ายๆไม่หนักท้องและดีต่อสุขภาพ อย่าง Matcha Yogurtเมนูที่หลายคนลืมนึกไปว่าชาเขียวก็ทานคู่กับโยเกิร์ตได้

Matcha Yogurt

เพียงแค่นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 300 กรัม มาผสมกับผงมัทฉะ 1 ช้อนโต๊ะ เมเปิ้ลไซรัป 2 ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วท้อปปิ้งด้วย กีวี ลูกพีช บลูเบอรี่ แอปเปิ้ล หรือผลไม้อื่นๆตามที่ชอบ

แต่ถ้าใครไม่ชอบทานโยเกิร์ แนะนำเป็น Matcha Breakfast Bowl ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ด้วยการนำเมล็ดเจีย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนมอัลมอนด์ หรือนมแมคคาดีเมีย หรือนมวัวแล้วแต่ชอบในปริมาณ 1 ถ้วย และผงมัทฉะ 2 ช้อนชา ปั่นรวมเข้ากัน สามารถเติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวานได้ตามชอบ หรือถ้าใครอยากเพิ่ม texture สามารถนำอะโวคาโดไปปั่นรวมได้ หลังปั่นแล้วสามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 1 วีค  ตกแต่งท้อปปิ้งด้วยสตอเบอรี่สด อัลมอนด์สไลด์ตามชอบ

อีกเมนูมื้อเช้าเบาๆสไตล์คนยุโรปอย่างMatcha Pancakeด้วยสูตรแป้งกลูเตนฟรี เหมาะกับคนที่แพ้อาหารกลุ่มแป้งสาลีใช้เวลาทำเพียงแค่ 12 นาที เหมาะกับคนที่เร่งรีบยามเช้า เริ่มด้วยผสมไข่ 2 ฟอง กับนมอัลมอนด์ ⅔ ถ้วย + น้ำมันมะพร้าว ¼ ถ้วยที่ละลายแล้ว กับน้ำตาลอ้อยและกลิ่นวนิลา คนให้เข้ากัน ร่อนแป้งกลูเตนฟรี 1 ถ้วย + ผงมัทฉะ 2 ช้อนโต๊ะ + ผงฟู  1 ช้อนโต๊ะ และเกลือเล็กน้อย ลงไปคนให้เข้ากัน หลังจากนั้น ตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันมะพร้าวลงไป  พอกระทะร้อน ตั้งส่วนผสมที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ตามขนาดที่ต้องการ พอเริ่มสุกให้พลิกกลับอีกด้านจนเป็นสีเหลืองทอง สุกเท่ากันทั้ง 2 ด้าน เสิร์ฟคู่น้ำผึ้ง ผลไม้สด ตามชอบ มื้อเช้าแสนง่าย อิ่มอยู่ท้อง ^^

Matcha Pancake

เติมความหวานมื้อเช้าได้ง่ายๆกับอีกเมนูสำหรับคนเลิฟของหวานMatcha Sugar Toast ที่ใช้ส่วนผสมแค่ 3 อย่าง ทำเสร็จได้ง่ายๆภายใน 5 นาที ด้วยการนำ ผงชาเขียว ¼ ช้อนชา ผสมกับเนยเค็ม 2 ช้อนโต๊ะโดยเป็นเนยที่อยู่ในอุณหภูมิห้องและน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน ไปทาขนมปัง แล้วอบขนมปังในเตาให้กรอบสีสวยตามระดับความชอบ แนะนำที่อุณหภูมิ 175 องศา 2-5 นาที

Matcha Sugar Toast Matcha Sugar Toast

เพิ่มความอร่อยอีกระดับกับ Matcha cashew Butter on Toastเมนูวีแกน ที่ทำง่าย อิ่มอร่อยอยู่ท้องมื้อเช้า และสามารถนำไปทานคู่กับแพนเค้ก วาฟเฟิล หรือ สโคนก็อร่อยไปอีกแบบ เพียงแค่นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์สับที่อบแล้ว 2 ถ้วย ผสมกับผงมัทฉะ 3 ช้อนชา กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา เกลือเล็กน้อย เมเปิ้ลไซรัป 2 ช้อนชา และน้ำมันมะพร้าว 3 ช้อนชา ปั่นด้วยเครื่องปั่นอาหารให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทานคู่กับกล้วย โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์สับ และผงซินนาม่อนเล็กน้อย ยิ่งอร่อย

Matcha cashew Butter on Toast

ปิดท้ายด้วยMatcha Soup Tofu ซุปมัทฉะเต้าหู้เริ่มด้วยละลายเนยจืด ½ ถ้วย เปิดไฟกลางใส่่เห็ดหอมและต้นหอมหั่นละเอียดลงไป เติมผงมัทฉะ 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำสต็อกไก่ประมาณ 8 ถ้วย และครีม 1 ถ้วย พร้อมทั้งเกลือ พริกไทยเล็กน้อย และผักโขม 1 ถ้วย เคี่ยวให้เข้ากัน ตั้งไฟคนประมาณ 10 นาที เสิร์ฟคู่กับเต้าหู้ที่นำไปกริลในกระทะจนสุกแล้ว

Matcha Soup Tofu

หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอาหารเช้าทานเองได้ยังไง สามารถลองทำตามสูตรนี้ได้ ก็จะได้เมนูมื้อเช้าอร่อยๆ เหมือนไปทานที่ร้าน 

ที่มา

https://veggiekinsblog.com/2020/01/10/matcha-cashew-butter/

https://www.bbcgoodfood.com/recipes/matcha-breakfast-bowl

https://www.menshealth.com/nutrition/g22552078/best-keto-breakfast-ideas/

https://teasquirrel.com/home/2019/9/25/the-only-matcha-pancakes-recipe-you-will-ever-need?format=amp

บทความจาก : Fuwafuwa

ยืดอายุวัตถุดิบในร้าน ด้วยการทำ Matcha Chocolate

เคยสงสัยกันมั้ยว่า ช็อคโกแลตมีวันหมดอายุมั้ย ทำไมถึงเก็บได้นานกว่าขนมชนิดอื่นๆ???

ช็อคโกแลต เป็นของหวานที่อยู่ได้นาน เพราะทำมาจาก เนยโกโก้ถูกนำมาใช้เพื่อให้ขนมหวานสีน้ำตาลนี้อยู่ได้นานเป็นปี เพียงแค่แช่ตู้เย็นรักษาอุณหภูมิเอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้น เนยโกโก้ยังถูกนำมาใช้กับโลชันทาผิวและทาหน้า เพื่อให้มันสามารถอยู่ได้นานเป็นปีอีกด้วย เนยโกโก้ไม่ได้มีดีเพียงเท่านั้น มันยังมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิพอเหมาะ และละลายได้เมื่ออยู่ในอุณหภูมิร่างกายประมาณ 34 องศาขึ้นไป นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ช็อกโกแลตละลายในปากนั่นเอง

ด้วยความที่เก็บรักษาได้ยาวนาน จึงทำให้บางครั้งมีคราบขาวๆบริเวณผิวช็อคโกแลตได้ แต่นั่นเป็นเพียงไขมันที่ละลายแล้วขึ้นไปเกาะที่ผิวหน้าช็อกโกแลต ไม่ใช่เชื้อราแต่อย่างใด

ด้วยลักษณะพิเศษของช็อคโกแลตที่เก็บได้นานจึงเป็นขนมที่เหมาะสำหรับการใช้ช่วยแปรสภาพวัตถุดิบในร้านที่อาจจะซื้อมาสต็อกไว้มากเกินไป จนระบายไม่ทัน และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบที่มีอยู่ให้เป็นขนมรูปแบบใหม่ที่น่าทานมากกว่าเดิม ด้วยการทำช็อคโกแลตชาเขียวนั่นเอง

Two - tone Matcha Chocolate

Two – tone Matcha Chocolate เมนูช็อคโกแลตชาเขียวแสนง่าย 2 สี ขนาดพอดีคำ

  1. ละลายเนยโกโก้ 100 กรัม ค่อยๆเติมน้ำผึ้งลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ในขณะที่ช็อคโกแลตยังอุ่นอยู่
  2. ยกออกจากเตา แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเติมผงมัทฉะ 1 ช้อนชา เกลือเล็กน้อย และกลิ่นวนิลา คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  3. เทใส่พิมพ์ตามขนาดและรูปร่างที่ต้องการ เข้าช่องฟรีซ 10 นาที
  4. ส่วนช็อคโกแลตที่แบ่งทิ้งไว้อีกส่วนให้เติมผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วเทใส่พิมพ์ในข้อ 3 ที่เซ็ตตัวแล้ว แล้วนำเข้าช่องฟรีซอีกครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

Matcha Nama Chocolate Matcha Nama Chocolate 1

อีกเมนูช็อคโกลต ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมทานกัน จะเป็นMatcha Nama Chocolate ด้วยการละลายไวท์ช็อคโกแลต 200 กรัม ให้ละลายเกือบหมด เติมผงมัทฉะ 12 กรัม ( และผงซากุระ  2 กรัม เพื่อให้ได้รสและกลิ่นของซากุระปนอยู่เล็กน้อย )  + เนยจืด 20 กรัม + วิปปิ้งครีม 70 กรัมคนให้เข้ากัน แล้วเทใส่พิมพ์ที่รองกระดาษรองอบไว้แล้ว นำไปแช่ตู้เย็น 4-5 ชั่วโมงจนเริ่มเซ็ตตัว เอาออกมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ โรยผงชาเขียวด้านบนเล็กน้อย และตกแต่งด้วยราสเบอรี่อบแห้งชิ้นเล็กๆ หรือแปะด้วยดอกซากุระด้านบนให้เข้ากับเทศกาลก้ได้

Strawberry Matcha Chocolate Bark  ช็อคโกแลตชาเขียวสีสันสดใสด้วยสตอเบอรี่อบแห้งและ ไวท์ช็อคโกแลต วิธีทำคือ

  1. ละลายไวท์ช็อคโกแลต 280 กรัม แล้วแบ่งออกมาใส่ถ้วยเล็ก ⅓ ของส่วนผสมที่ได้ แล้วเอาส่วนที่เหลือ ใส่ผงมัทฉะลงไป 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน พยายามรีบคนในขณะที่ช็อคโกแลตยังอุ่นๆเพื่อให้ผงมัทฉะละลายได้ง่ายขึ้น
  2. เทช็อคโกแลตลงไปบนกระดาษรองอบ ใช้ตะเกียบ หรือ สเครปเปอร์ เกลี่ยใ้ห้บางเท่ากันทั้งแผ่น
  3. เทไวท์ช็อคโกแลตที่แบ่งไว้ เป็นหย่อมๆลงบนช็อคโกแลตชาเขียวในข้อ 2 ใช้ไม้จิ้มฟันหมุนวนไปมาให้เกิดลายบนช็อคโกแลตตามภาพ
  4. โรยผลไม้อบแห้งเช่น สตอเอบรี่ ราสเบอรี่ลงไปให้ทั่วๆ โรยเกลือเล็กน้อยตัดรสชาติ แช่ฟรีซ 15 นาที
  5. หลังจากแข็งได้ที่เอาออกขากกระดาษไข หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมตามชอบ แพ็คใส่แพคเกจใสๆเพื่อให้เห็นลวดลาย สามารถตั้งขายเป็นสินค้า Grab & Go ที่แคชเชียร์หน้าร้านได้ด้วย

Matcha chocolate Bark Matcha chocolate Bark Matcha chocolate Bark

Matcha chocolate Bark 3 Matcha chocolate Bark 2

การทำ Matcha chocolate Bark ยังสามารถโรยแต่งหน้าด้วยงาดำ ถั่วพิตาชิโอ เกนไมฉะ หรือเปลี่ยนจากไวท์ช็อคโกแลต เป็นดาร์คช็อคโกแลตได้อีกด้วย เพียงแค่มีผงมัทฉะ และช็อคโกแลตเป็นส่วนผสมหลัก ก็สามารถดัดแปลงไปได้อีกหลากหลายเมนู

Matcha chocolate Bark 4 Matcha chocolate Bark 5

Matcha chocolate Bark 6 Matcha chocolate Bark 7

อีกเมนูที่จะช่วยให้เราจัดการกับวัตถุดิบที่เหลืออย่างพวกเค้กต่างๆได้ คือการเอามาทำMatcha Chocolate Ball โดยเอาเนื้อเค้กอาจจะเป็ฯบัตเตอร์เค้ก หรือเนื้อเค้กชิฟฟ่อนก็ได้ ที่เหลือจากการขายไม่หมด หรือส่วนเกินของขอบเค้กเวลาหั่นเนื้อเค้ก มาผสมรวมกันกับช็อคโกแลตที่ละลายแล้ว ปั่นให้กลายเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปจุ่มเคลือบด้วยช็อคโกแลตอีกครั้ง เสียบไม้ตั้งพักไว้ แล้วโรยหน้าตกแต่งด้วยผงมัทฉะเล็กน้อย เก็บแช่ตู้เย็นได้นานถึง 3 สัปดาห์ โดยไม่ต้องทิ้งเค้กส่วนเกินนั้นไป

หากใครที่ชอบความพิเศษ ก็สามารถผสมพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์สับ อัลมอนด์สับลงไปตอนปั้นเป็นก้อนกลมได้

Matcha Chocolate Ball

ต่อไปก็จะหมดปัญหาวัตถุดิบเหลือเยอะจนหมดอายุไปโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อเรารู้จักยืดอายุของวัตถุดิบด้วยการทำเป็นช็อคโกแลต และหากเรารู้จักวิธีการเก็บรักษาวัตถุดิบแต่ละอย่างให้ถูกวิธี ก็จะสามารถยืดอายุของอาหาร รวมถึงคงรสชาติให้เหมือนวันแรกที่ซื้อมาเลย

ที่มา

https://themerrymakersisters.com/matcha-chocolate-recipe/

https://www.ohhowcivilized.com

https://www.pinterest.com/pin/843158361476790634/

บทความจาก : Fuwafuwa

ตามเทรนด์ชีสเค้กสไตล์คนเลิฟมัทฉะ

ช่วงนี้หันไปทางไหนก็จะเจอเมนูชีสเเค้กแทบจะทุกร้าน ไม่ว่าจะเป็น Baked Cheesecakeชีสเค้กแบบอบ เพื่อทำให้น้ำจากเนื้อเค้กระเหยออกบางส่วน เค้กมีรสชาติเข้มข้นและสีออกน้ำตาลไหม้ ส่วนหน้าเค้กจะยุบลงพอสมควร หรือจะเป็น นิวยอร์กชีสเค้กชีสเค้กที่อบพร้อมกับด้วยน้ำร้อน  เพื่อทำให้เนื้อเค้กยังคงความชุ่มฉ่ำหนานุ่ม และมีรสเปรี้ยวจากซาวน์ครีมที่โดนเด่น  ส่วนหน้าเค้กมีสีน้ำตาลอ่อนกำลังสวย หรือชชีสเค้กอีกแบบที่เนื้อฟูเบา แถมลายได้ในปาก ชีสเค้กสไตล์นี้ เรียกว่า ซูเฟลชีสเค้กชีสเค้กที่มีส่วนผสมของเมอแรงเนื้อฟูเบา  เมื่อนำไปอบพร้อมกับถ้วยน้ำร้อน  จะได้เนื้อเค้กฟูสวย  และมีสีเหลืองอ่อนคล้ายไข่ไก่  ดูน่ารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นชีสเค้กแบบไหน

Matcha Basque Cheesecake

Matcha Basque Cheesecake ( ใช้แม่พิมพ์ 15 cm. ) ชีสเค้กหน้าไหม้ที่นิยมมากที่สุดในช่วงนี้ แต่น้อยคนมากๆที่จะทำชีสเค้กหน้าไหม้เป็นรสชาเขียว รอบนี้เลยเอาสูตรชีสเค้กชาเขียวหน้าไหม้มาให้คนรักขนมได้เปิดเตาลองทำกันดู

วัตถุดิบ

  1. ครีมชีส 200กรัม
  2. น้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลอ้อย 70 กรัม
  3. ไข่แดง 1 ฟอง
  4. ไข่ทั้งลูก 2 ฟอง
  5. ครีมสด 115 มล.
  6. แป้งเค้ก 5 กรัม
  7. ผงชาเขียว 4 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำครีมชีสกับน้ำตาลมาผสมกัน คลุกจนเป็นเนื้อเดียวกัน

2. ใส่เฉพาะไข่แดง 1 ฟองลงไปแล้วคนให้เข้ากัน

3. ตอกไข่อีก 2 ใบ ตีให้เข้ากันก่อน จากนั้นค่อยๆ เทใส่ลงไปในข้อ 2 และคนต่อให้เข้ากัน

4. ใส่ครีมสดคนไปสักพัก ใส่แป้งเค้ก ผงชาเขียวแล้วคนให้เข้ากัน

5. นำกระดาษไขมาปูแม่พิมพ์ หากมีเนยให้นำเนยหรือน้ำมันพืชมาทาระหว่างแม่พิมพ์กับกระดาษไข ตอนเอาออกจะได้ไม่ติด และถ้าอยากให้เนื้อเนียนให้กรองด้วยตะแกรงค่ะ

6. ใส่ในเตาที่ มีการ pre-heated 220 องศา 20-25 นาที โดยใส่ 220 องศา 20-25 นาที หรือเกือบ 1 ชม. จนกว่าหน้าจะไหม้

7. หลังนำออกมาแล้วรอจนเย็น ใส่ตู้เย็นข้ามคืน จะทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

8. สามารถตกแต่งด้วยการโรยไอซิ่งแล้วท้อปปิ้งด้วยผลไม้สดหลากสี

No Bake Chocolate Matcha Cheesecake No Bake Chocolate Matcha Cheesecake

No Bake Chocolate Matcha Cheesecake( หลังทำเสร็จแล้วแนะนำให้นำขนมเข้าตู้เย็นไว้ตลอดเวลา ) เมนูนี้สามารตกแต่งจัดเสิร์ฟได้หลายแบบตามความชอบและสไตล์ของที่ร้าน  เป็นชีสเค้กแบบไม่อบ ที่ง่ายและทำให้คนไม่มีเตาอบที่บ้านสามารถทานขนมอร่อยๆได้ด้วยฝีมือตัวเอง

1. ส่วนผสมฐานขนม

ข้าวโอ้ต 100 กรัม

อินทผาลัม ½ ถ้วย

ผงโกโก้ 40 กรัม

กลิ่นวนิลา ½ ช้อนชา

เกลือ เล็กน้อย

น้ำมันมะพร้าว ½ ถ้วย

**ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วกรุลงพิมพ์

—————

2. ส่วนด้านบน

เม็ดมะม่วงหิพานต์ และ แมคคาดีเมียอย่างละ 1 ถ้วย

อะกาเว่ไซรัป ⅔  ถ้วย

นม 1/4 ถ้วย

ผงชาเขียว 1  ช้อนชา

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ เล็กน้อย

น้ำมันมะพร้าว ¼  ถ้วย

**ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันด้วยเครื่องปั่นอาหารแล้วเททับฐานขนม เข้าตู้เย็น 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะเซ็ตตัว ตกแต่งหน้าขนมด้วยผลไม้ตามชอบ

หากใครชอบสไตล์เปรี้ยวสดชื่นสามารถเพิ่มปริมาณน้ำมะนาวลงไปได้ หรือดัดแปลงให้ทำด้วยพิมพ์ที่ขนาดเล็กลง เพื่อให้ไม่ซ้ำกับร้านอื่นก็น่ารกไปอีกแบบ

No Bake Chocolate Matcha Cheesecake

หรือหากจะเพิ่มความครีเอทให้กับชีสเค้กไปอีกแบบสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มชั้น layer ของขนมที่มีสีและรสชาติที่แตกต่างตัดกัน อย่างราสเบอรี่ ด้วยการใช้ราสเบอรี่แช่แข็ง  100 กรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 120 กรัม เมเปิ้ลไซรัป 60 ml. นมอัลมอนด์ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลม่อน 2 ช้อนชา เนยมะพร้าว 100 กรัม ปั่นรวมกัน เทลงไปก่อนเป็น 1 layer แล้วค่อยนำส่วน

No Bake Chocolate Matcha Cheesecake

ส่วนใครที่เป็นคนแพ้อาหารกลุ่ม นม ไข่ เนย หรือทานวีแกน หรืออยากทานขนมี่ไม่อ้วนจนเกินไป Vegan matcha cheesecakeเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนเลิฟมัทฉะจะต้องติดใจ

Vegan matcha cheesecake Vegan matcha cheesecake

วัตถุดิบส่วนฐานที่เป็นแป้งสีน้ำตาล

ข้าวโอ้ต 1 ถ้วย

มะพร้าวคั่วชิ้นเล็ก ¼ ถ้วย

แป้งอัลมอนด์ ¾ ถ้วย

ผงซินนาม่อน ½ ช้อนชา

เกลือ ¼ ช้อนชา

น้ำมันมะพร้าว ¼ ถ้วย

อะกาเว่ไซรัป 3 ช้อนโต๊ะ

** นำทั้งหมดผัดในกระทะไฟกลางจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปปั่นรวมกันให้เป็นนื้อเดียว แล้วตัดกระดาษไขรองอบเป็นวงกลมวางไปในพิมพ์ กรุส่วนลงพิมพ์ขนาด เส้นผ่านศก 7 นิ้ว ให้หน้าประมาณ ¼ นิ้ว อบไฟ 170 องศา 10 นาที หรือจนกระทั่งเป็นสีเหลืองทอง แล้วนำออกมาพักให้เย็น

ส่วนผสมที่เป็นไส้หน้าขนม

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ½ ถ้วย

นมมะพร้าว ½ ถ้วย

อะกาเว่ไซรัป ⅓ ถ้วย

โยเกิร์ตมะพร้าว ¼ ถ้วย

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

กลินวนืลา 1 ช้อนชาเกลือ ¼ ช้อนชา

ผงชาเขียว 4 ช้อนชา

**ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน หากใครที่ชอบชาเขียวเข้มข้น สามารถเพิ่มปริมาณผงชาเขียวได้อีก 1 ช้อนชา เทส่วนส่วนที่ปั้นลงในฐานชีสเค้กที่ทำเตรียมไว้ แล้วเข้าช่องฟรีซประมาณ 1-2 ชั่วโมงให้ขนมเซ็ตตัว แนะนำให้นำออกมาตั้งในอุณหภูมิห้อง 10-15 นาทีก่อนตัดเสิร์ฟ สามารถตกแต่งท้อปปิ้งด้านบนด้วยดอกไม้ ผลไม้ตามชอบได้

matcha cheesecake matcha cheesecake

ชีสเค้กยังสามารถดัดแปลงได้อีกหลายแบบ เพียงแค่เปลี่ยนพิมพ์จากกลมๆที่ทุกร้านชอบใช้เป็นพิมพ์สี่เหลี่ยมบ้าง หรือใช้ผลไม้ตัวอื่นนอกจาสตอเบอรี่ที่หลายร้านนิยมใช้กันมาทานคู่กัน และยังสามารถดัดแปลงเป็นชีสเค้กชาโฮจิฉะได้อีก คนเลิฟมัทฉะทั้งที ต้องลองเข้าครัวปรับสูตรชีสเค้กปกติที่เคยทำ ให้ใส่ผงมัทฉะลงไปตามเทรนด์ช่วงนี้กัน!!

ที่มา

https://www.nathaliesader.com/blog/2018/09/07/raw-matcha-chocolate-cheesecake

https://www.marumura.com/green-tea-basque-burnt-cheesecake/

https://www.twospoons.ca/vegan-matcha-cheesecake/

บทความจาก : Fuwafuwa

Matcha Cookie เมนูง่ายๆที่ไม่ธรรมดา

หากพูดถึงคุ้กกี้ ขนมเบเกอรี่พื้นฐานที่สุดที่ทำได้ง่าย เห็นได้จากสถานการณ์ช่วงนี้ที่หลายคนเริ่มเปิดเตาอบขนมขายกันจนลูกค้าเองก็เลือกไม่ถูกว่าจะทานขนมจากร้านไหนดี ดังนั้น เพื่อให้เรามีร้านขนมที่แตกต่างจากร้านอื่น การใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ลงไปจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในทุกๆขั้นตอน

เริ่มจากการทำคุ้กกี้เนยชาเขียวปกติที่สามารถสร้างความแตกต่างจากร้านอื่นได้ง่ายๆ เพียงเพิ่มลวดลายด้วยการเคลือบช็อคโกแลต หรือไวท์ช็อคโกแลต  โรยด้วยผงชาเขียวอีกเล็กน้อย หรือโรยช็อคโกแลตชิพ แต่งด้วยดอกไม้ที่รับประทานได้ เป็นการสร้างความแตกต่างที่ทำให้คุ้กกี้ชาเขียวเพลนๆดูมี Value มากขึ้น

matcha cookie

นอกจากการเพิ่มท้อปปิ้งบนคุ้กกี้ชาเขียวเพลนๆแล้ว การใส่ส่วนผสมเพิ่มความหลากสีให้คุ้กกี้ 1 ชิ้น ก็เป็นอีกไอเดียที่มือใหม่บางคนไม่กล้าทำ ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวรสชาติและสีที่ออกมาไม่สวยและอร่อย จึงเน้นทำแยกรสชาติไปเลย แต่ถ้าใครที่พอมีฝีมืออยู่แล้ว ก็แนะนำให้ผสมหลายๆรสชาติ ไว้ด้วยกัน จะยิ่งทำให้ขนมชิ้นนั้นมีมิติมากขึ้น

นอกจากนี้หากใครมีฝีมือในการปั้นก็ยังสามารถทำคุ้กกี้ชาเขียวเป็นรูปทรงต่างๆตามธรรมชาติ อย่างใบไม้ หรือรูปสัตว์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าแม่และเด็กมากขึ้น

matcha cookie matcha cookie matcha cookie

นอกจากการทำคุ้กกี้เป็นลวดลายต่างๆแล้ว อีกสไตล์การทำคุ้กกี้ที่น่าสนใจ คือ การทำ โมจิมัทฉะคุ้กกี้

คุ้กกี้ชาเขียวสอดไส้โมจินุ่มหนึ่บ เป็นคุ้กกี้สไตล์ญี่ปุ่น ที่ในไทยยังไม่มีร้านไหนทำ หากใครสนใจลองเปิดเตาทำเมนูนี้ มาดูสูตรไปพร้อมๆกันเลย……

เริ่มจากใช้แป้งข้าวเหนียว 80 กรัม ผสมกับน้ำตาล 80 กรัม และน้ำ 90 กรัม คนให้เข้ากัน แล้วเอาเข้าไมโครเวฟ 600 วัตต์ เป็นเวลา 1.20 นาที แล้วเอาออกมาคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำเข้าไมโครเวฟที่ 600 วัตต์ อีก 10 – 20 วินาที แล้วเอาออกมาคน ปั้นม้วนไว้เป็นทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว  ตัดแบ่งพักไว้ให้แต่ละชิ้นหนาประมาณ 1 ซม.

ขั้นต่อไป ทำคุ้กกี้ชาเขียวได้ตามสไตล์ที่ทางร้านชอบ เพียงแค่ช่วงที่ปั้นโดว์คุ้กกี้เอาโมจิที่ทำไว้แล้วใส่ไว้ตรงกลาง แล้วเข้าอบได้ตามปกติเลยเพราะแป้งโมจิสุกแล้ว ส่วนเทคนิคเพิ่มเติมที่แนะนำคือ คุ้กกี้ชาเขียวนี้ควรใช้น้ำตาลทรายแดงในการทำจะอร่อยยิ่งขึ้น

ส่วนใครที่อยากแตกต่างอีกวิธีคือการทำคุ้กกี้โอริโอ้แต่ใส่ไส้ครีมชาเขียวแทน ก็เป็นอีกเมนูที่น่าทานและทำไม่ยาก เพียงแค่ใช้สูตรคุ้กกิ้ที่ทางร้านทำอยู่แล้วมาดัดแปลงเพิ่มเล็กน้อย

moji matcha cookie คุ้กกี้โอริโอ้

นอกจากการให้ความสำคัญกับตัวสินค้าแล้ว แพคเกจในการใส่ขนมก็ควรแตกต่างและโดเด่นไม่ซ้ำใครเช่นกัน ร้านส่วนใหญ่นิยมใส่กระป๋องพลาสติกง่ายๆ หรือถุงใสแล้วติดสติกเกอร์โลโก้ร้าน เพราะเป็นต้นทุนแพคเกตที่ราคาประหยัดที่สุด แต่ถ้าเราเพิ่มลูกเล่นลงไปในคุ้กกี้ แต่ถ้าเราเพิ่มกิมมิคด้วยการติดโบว์ หรือข้อความน่ารักๆเหมาะกับการเป็นของฝาก ก็ช่วยเพิ่ม value ทำให้คนอยากซื้อให้กันมากขึ้น

cookie package cookie package

เราจะเห็นที่ญี่ปุ่นเวลาเราไปสถานที่ต่างๆ จะมีการทำขนมแล้วตีตราสถานที่นั้นๆ อย่างเช่นที่สวนสัตว์ หรืออะควาเรี่ยม ก็จะมีการทำคุ้กกี้เป็ฯลวดลายสัตว์เรียงแพ็คลงกล่องอย่างสวยงาม ทำให้คนที่ไปเที่ยวสถานที่นั้นๆ เห็นแล้วอยากซื้อกลับไปเป็นของฝาก

cookie box

การจัดชุดเสิร์ฟอีกวิธีที่ไม่ควรพลาด คือ กล่องของขวัญบ็อคเซ็ต สำหรับทุกเทศกาล เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่แม้ค้าออนไลน์ไม่ควรลืมที่จะคำนึงถึงตรงนี้ เพราะลูกค้ายุคนี้เน้นดูที่แพคเกจก่อนเป็นอย่างแรก เพราะฉะนั้น ถ้าขนมเราอร่อยแล้วอย่าลืมที่จะหาแพคเกจจิ้งเก๋ๆ มาเสิร์ฟขนมให้ลูกค้า ไปสร้างความประทับใจกับผู้รับอีกต่อนึง

cookie box set cookie box set cookie box set

ที่มา

https://raineorshinecakery.wordpress.com/recipes/cookies/matcha-moochie/

https://veggiekinsblog.com/2019/05/25/matcha-monstera-cookies/

https://www.pinterest.com/pin/811562795335676576/

บทความจาก : Fuwafuwa

บริหารจัดการผงมัทฉะ ยังไงให้ยอดพุ่ง !

ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ หลายๆร้านคงยอดขายตกลง ยิ่งเจอกับโรคระบาดอย่างโควิดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ลูกค้าออกมาจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลง การควบคุมวัตถุดิบที่เคยแพลนไว้อย่างดีของหลายๆร้านอาจจะรวนได้ วัตถุดิบบางตัวราคาค่อนข้างสูง ถ้าไม่บริหารจัดการให้ดีอาจจะทำให้ร้านขาดทุนได้

วิธีง่ายๆกับการจัดการวัตถุดิบของร้านก่อนที่ของจะหมดอายุ


  • รีเช็คสต็อกวัตถุดิบทุกตัว ถึงวันหมดอายุ และวิธีเก็บรักษา อย่างพวก ผงชา ที่โดนแสงไม่ได้ ก็ควรเก็บในที่มิดชิดเข้าตู้เย็นให้ถูกวิธี เพื่อที่จะทำให้ไม่เสียก่อนวลาที่กำหนด หรืออย่างอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าไม่ใช้ให้ถูกวิธี อาจจะทำให้เสียง่ายต้องเสียค่าซ่อมหรือซื้อใหม่อีก อย่างวิธีตากฉะเซ็น หรือแปรงชงชา ก็ควรเสียบไว้ในที่ตั้งของมัน วางผึ่งลมให้แห้งก่อนเก็บ เพื่อป้องกันการขึ้นรา
  • ดัดแปลง ร้านขนมหวาน เครื่องดื่มหลายร้านช่วงนี้อาจจะกุมหัวคิดหนักกันหน่อย ว่าจะทำยังไงถึงจะขายได้ในเมื่อลูกค้าไม่เข้าที่หน้าร้านสิ่งสำคัญคือ การดัดแปลง ผันตัวมาทำดิลิเวอรี่ให้ได้ รูปแบบในการเสิร์ฟแต่ละเมนูที่ปกติมีความอลังการ อาจจะต้องดัดแปลง เช่น พวกเมนูน้ำ อาจจะใช้เป็นเวอร์ชั่นใส่ขวดส่งแทน ง่ายต่อการดิลิเวอรี่ ลูกค้าได้รับก็ประทับใจ หรือจะอย่างพวกเมนูขนมหวาน ที่ลองดูวิธีการเสิร์ฟ ว่าแบ่งซอส แบ่งองค์ประกอบหลักของขนมใส่กล่องบริการเสิร์ฟยังไงได้บ้าง
  • ต่อยอด จากวัตถุดิบเดิมในร้านให้มากที่สุด วัตถุดิบบางอย่างที่เป็นของสดเสียง่ายอย่างนมสด หรือ ครีม ที่สั่งมาสต็อกไว้แล้ว ต้องดัดแปลงเมนูที่สามารถทำเสิร์ฟลูกค้าให้ได้ ก่อนที่จะเสีย เช่น อาจจะนำนมบางส่วนไปเป็นส่วนผสมของการทำขนมปัง ซึ่งเวลาในการเก็บรักษาขนมปังก็จะยืดได้นานกว่านมสดทั่วไป หรือ ใครที่สต็อกผงชาไว้เยอะ สำหรับทำเมนูต่างๆในร้าน ก็สามารถแบ่งชาออกมาส่วนนึง ผสมกับแป้ง ผงฟู แล้วแพ็คขายเป็น Matcha Pancake Powder สูตรเฉพาะของที่ร้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งไปทำแพนเค้กทาน เป็นการเพิ่มกิจกรรมทางอ้อมให้ลูกค้าไปสนุกกันเองในช่วงต้องอยู่บ้านนานๆเอง

เพียง 3 เทคนิคง่ายๆ ก็ช่วยให้วัถุดิบในร้าน ถูกใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ถ้าใครอยากซื้อวัตถุดิบเข้าร้านเพิ่มเติมก็สามารถสั่งผงชาเขียวมัทฉะ ผงชาโฮจิฉะ และอุปกรณ์ชงชาอื่นๆ เพิ่มได้ที่ https://matchazuki.com/shop/ เรามีบริการส่งถึงหน้าบ้านเลย

ที่มา

https://www.willfrolicforfood.com/blog/grain-free-chickpea-ravioli-with-almond-ricotta-filling

https://www.ohhowcivilized.com/matcha-bubble-tea/

https://kirbiecravings.com/the-best-matcha-powder/

https://www.aarp.org/home-family/friends-family/info-2017/milk-delivery-service.html

By : Contrary To Popular Belief

Share on facebook
Share on twitter

Blogs

เลือกใช้ Pantone สีชายังไงให้เป๊ะ

ทำไมเราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการทำสื่อและการถ่ายภาพเมนูของที่ร้านมากๆ  ???

เพราะ สี คือ ส่วนสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในงานออกแบบ เพราะสีจะกำหนดความรู้สึกและสร้างอารมณ์ของผู้รับชม ไม่ว่าจะเป็นสีโทนเดียว(monochromatic), สดใส(bright), สดชื่น(cool), อบอุ่น(warm), หรือการเติมเต็มเฉดสีที่หลากหลายให้ทำหน้าที่ที่แตกต่างกันในหนึ่งชิ้นงานออกแบบ

tea pantone tea pantone

ชาแต่ละชนิด ให้สีที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีเก็บเกี่ยวและผลิต สเน่ห์ของสีชาที่ไม่ฉูดฉาด ดูแล้วสบายตาตามธรรมชาติ เช่น มัทฉะ ให้สีเขียวเข้ม ชาโฮจิฉะให้สีน้ำตาลแดงที่เกิดจากการนำชาเขียวไปคั่ว หรือชาอู่หลงที่ค่อนออกไปทางสีเหลืองทอง สีเหล่านี้ หากมาอยู่ในโปสเตอร์ หรือแพคเกจของร้าน การดึงจุดเด่นและเลือกใช้คู่สีที่เหมาะกัน เลือกใช้ชุดสี Pantone ที่ช่วยกันส่งเสริมให้ภาพดูเต็ม จะช่วยทำให้ภาพนั้นๆดูแล้วสบายตา ดึงดูดได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญหากมีชุดสีในใจจะช่วยให้คุณบรีฟงานกราฟฟิคดีไซน์ที่ออกแบบไม่ว่าจะเป็นเมนูชา แพคเกจจิ้งของที่ร้าน เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าPantone ที่ว่าหมายถึงอะไร ??

Pantone คือ ชื่อบริษัทที่ทำธุรกิจการพิมพ์และการออกแบบในสหรัฐอเมริกา หลายคนจะรู้จักกันในนามผู้ที่กำหนดมาตรฐานการเทียบสีที่เรียกว่า Pantone Matching System (PMS) เพื่อใช้ในโรงพิมพ์ทั่วโลก

เวลาเราพิมพ์โปสเตอร์ ทำฉลากออกมา หรือหาคู่สีสำหรับการทำสื่อของผลิตภัณฑ์ชาเขียว เชื่อว่าหลายคนคงเจอปัญหาที่ว่าเลือกยังไง สีชาก็เพี้ยนไม่ตรงตามต้องการอยู่ดี การมี Pantone ไว้เทียบสีที่ชอบสักชุด ก็จะช่วยให้ได้งานที่เป๊ะมากขึ้น เพราะบางทีหากเราดูงานพิมพ์จากหน้าจอ แต่ละหน้าจอ ความสว่างจะไม่เท่ากัน สีอาจจะเพี้ยนได้ง่ายซึ่งการเลือกใช้สีนี้ สามารถนำเทคนิคไปปรับกับการจัดเซ็ตองค์ประกอบภาพเพื่อถ่ายภาพได้เช่นเดียยวกัน

ประเด็นแรกที่ต้องคำนึงในการเลือกใช้สีคือ สีที่เยอะเกินไป อาจจะทำให้งานของดูสับสน ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร วิธีที่คนส่วนมากแนะนำกันคือ เลือกใช้สีสัก 2 – 3 สีในงานออกแบบนั้นๆ ใช้เทคนิคประสว่างสีให้เข้มอ่อนจาก 2-3 สีนั้น จะทำให้งานชิ้นนั้นมีมิติมากขึ้น ลองใช้ color wheel เลือกดูได้เลย รับรองว่างานของคุณจะออกมาดูสะอาด สำหรับพื้นที่ว่างลองเพิ่ม  textures ลองไปสักนิด จะได้ออกมาไม่เรียบจนเกินไป หากเน้นขายเมนูชาโฮจิฉะ ที่มีสีน้ำตาลของชา ก็ควรใช้สีโทนส้ม คู่กันและปรับความเข้มอ่อนของสีชาลง

tea pantone tea pantone

เทคนิคการเลือกสีหลัก แล้วหาสีที่เข้าคู่กันลองคิดว่างานที่กำลังออกแบบเป็นงานอะไร เป็นกีฬา, แฟชั่น, ความงาม, หรือธุรกิจ เพราะอารมณ์ของแต่ละงานก็เลือกใช้สีที่ไม่เหมือนกัน อยากจะให้อารมณ์งานออกมาอ่อนนุ่มหรือรุนแรง แล้วลองใส่รายละเอียดเอาไปอีกนิด จะไดู้่สีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างเช่น ชาเขียว สีหลักคือสีเขียว สีที่เข้าคู่กันได้คือ สีชมพู ที่จะช่วยให้ภาพดูอ่อนโยน เข้าถึงได้ง่าย เป็นมิตรต่อผู้บริโภค หรือถ้าเป็นสีชาโทนส้มน้ำตาล ก็สามารถนำสีชมพูมาใช้คู่ได้เช่นกัน

tea pantone tea pantone

หรือหากใครคิดไม่ออกจริงๆ ลองเข้า Pinterest แหล่งรวบรวมงานออกแบบมากมาย ที่จะทำให้ได้ไอเดียและกลุ่มโทนสีที่มีการจับคู่ไว้ให้แล้วเพื่อมาใช้ในการจัดองค์ประกอบภาพถ่ายรูปสินค้า และใน Pinterest ก็จะมีค่าสีแสดงอยู่ ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้นเพราะเราไม่ต้องมานั่งเทียบเองว่า ชาสีเขียว ต้องใช้เขียวแบบไหน แค่พิมพ์ค่าสีนั้นลงๆไปก็จะได้สีชาที่เป๊ะถูกต้องนั่นเองหรือถ้าไม่แน่ใจว่าต้องใช้ Code สีไหน อีกวิธี ทีจะช่วยให้ได้สีชาที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด คือ การดูดสีเอาจากภาพที่มีสีชาที่เราต้องการ 

เราจึงรวบรวมตัวอย่างโทนสีที่นิยมใช้กันในการทำ Artwork มาให้คนรักชาเขียวเป็นไอเดียในการใช้งานที่ง่ายและสะดวกขึ้น

tea pantone tea pantone tea pantone

tea pantone tea pantone tea pantone tea pantone

ที่มา

https://colorpalettes.net/wp-content/uploads/2014/08/cvetovaya-palitra-478.jpg

http://color.romanuke.com/tsvetovaya-palitra-2164/

บทความจาก : Fuwafuwa

ขนาดของใบชามีผลต่อคุณภาพของชาหรือไม่?

ใบชาที่เราเอามาชงดื่มกันทุกวันนี้ จริงๆแล้วมีหลายเกรดมากๆ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการผลิตและเก็บเกี่ยวใบชาที่แตกต่างกัน และมีหลากหลายชนิดให้เราได้เลือก ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของชา จึงมีการแบ่งเกรด ของใบชา โดยพิจารณาจากคุณภาพของใบชาที่ผลิตออกมาจากโรงงานหรือไร่ชาในแต่ละที่ การแบ่งเกรด แบ่งเป็น 3 เกรด ดังนี้

ขนาดใบชา ขนาดใบชา

  1. เกรดใบชาเต็มใบ (Whole Tea leaf)โดยทั่วไปชาเต็มใบถือว่าเป็นชาเกรดดี แบ่งได้ 4 เกรดย่อย คือ ใบอ่อน คือ ยอดใบอ่อนชั้นบนสุดของชาเต็มใบ ถือว่าเป็นชาที่ดีที่สุดใบชาคู่แรก  เป็นเกรดรองลงมา ขนาดของใบใหญ่ขึ้นมาหน่อยPekoeชาเกรดนี้ ใบจะมีลักษณะหนาและบิดเกลียว Pure Souchongมีลักษณะใบใหญ่ ค่อนข้างเหนียวและหยาบ เวลาผลิตเครื่องจักรจะปั้นใบชาเป็นก้อนกลมๆ เวลาชงก้อนชานี้จะขยายตัวออกให้เห็นลักษณะใบอย่างชัดเจน
  1. เกรดใบชาร่วง (Broken Tea Leaf) เป็นใบชาที่ไม่ผ่านการคัดเกรดตาม 4 ขั้นตอนแรก ผู้ผลิตก็จะนำใบชาที่เหลือมาผ่านกรรมวิธี หมัก คั่ว ตามกรรมวิธีของแต่ละโรงงาน เป็นชาที่เหลือจากการคัดเกรด โดยการนำเศษที่เหลือมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปปรุงแต่งเพื่อผลิตขั้นตอนต่อไป โดยคุณสมบัติของชาผง คือ เวลาชงด้วยน้ำร้อนจะขับสีออกเร็วมาก จึงเป็นที่นิยมของผู้ดื่มชา กลิ่น สี และรสชาติขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ราคา จึงเหมาะสมสำหรับคนทั่วไป

Fine Leaf Teas

  1. เกรดใบชาผง (Fine Leaf Teas) เป็นชาที่เหลือจากการคัดเกรด โดยการนำเศษที่เหลือมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปปรุงแต่งเพื่อผลิตขั้นตอนต่อไป โดยคุณสมบัติของชาผง คือ เวลาชงด้วยน้ำร้อนจะขับสีออกเร็วมาก จึงเป็นที่นิยมของผู้ดื่ม กลิ่น สี และรสชาติขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ราคา ก็เหมาะสมสำหรับคนทั่วไป

จะเห็นได้ว่าขนาดของใบชา คุณภาพทางรสชาติของใบชาไม่ได้ขึ้นกับขนาดของใบชาอย่างเดียว แต่ขึ่นอยู่กับลักษณะของใบชาว่าเป็นส่วนยอดใบชา หรือเป็นส่วนไหนของต้นชส ใบชาที่ใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะมีรสชาติที่ดีกว่า หรือแม้แต่ยอดชา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดใบชาคุณภาพดี หากผ่านมือผู้ผลิตชาที่ไม่ดี  รสชาติชาก็อาจจะดร็อปลงได้เช่นกัน เพราะจริงๆแล้วขนาดของใบ ไม่มีการแยกคุณภาพหรือสารอาหารใดๆ แต่จะเกิดจากใบชาที่ขนาดใหญ่จะทำให้เกิดชาที่มีความเข้มข้นน้อยลงซึ่งสาเหตุมาจากพื้นที่ผิวสัมผัสที่มากกว่าเมื่อสัมผัสกับน้ำและทำให้ประสิทธิภาพในการสกัดลดลงนั่นเอง

การเก็บเกี่ยวชา

จุดสำคัญจะอยู่ที่การเก็บเกี่ยวชาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการผลิตชาให้ได้คุณภาพดีนั้น ต้องเริ่มจากใบชาสดที่มีคุณภาพ ก่อนซึ่งก็คือ ใบชาที่เก็บจากยอดชาที่ประกอบด้วย 1 ยอด กับ 2 ใบ การเก็บชาจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึงเดือนพฤศจิกายน โดยเฉลี่ยจะเก็บยอดชา 10 วันต่อครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวยอดชาจะอยู่ประมาณ 5.00-14.00 น. การเก็บยอดชาจะต้องไม่อัดแน่นในตะกร้า หรือกระสอบเพราะจะทำให้ยอดชาชํ้าและคุณภาพใบชาเสียได้ เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการหายใจของใบชา หลังจาเก็บเกี่ยวแล้ว ควรรีบนำ ส่งโรงงานผลิตภายใน 3-4 ชั่วโมง

วิธีการเก็บรักษาใบชา ใบชาจะต้องเก็บรักษาเป็นอย่างดี เพื่อจะคงไว้ซึ่งกลิ่น สีและรสชาติ ภาชนะที่จะใช้บรรจุใบชาจะต้องแห้งและปราศจากกลิ่น อากาศเข้าไม่ได้ สิ่งสำคัญที่มีผลกระทบต่อคุณภาพใบชา คือ ความชื้น อุณหภูมิ และกลิ่น หากกระบวนการผลิต เก็บรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ขนาดของใบชาจะเล็กจะใหญ่ หรือเก็บจากยอดชาหรือไม่ ก็ทำให้ชาเสื่อมคุณภาพอยู่ดี

วิธีการเก็บรักษาใบชา

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/491596115580846654/

http://www.taotealeaf.com/da-hong-pao-oolong-tea-premium/

บทความ : Fuwafuwa

ความต่างของ”กาน้ำชา”

ชามีบทบาทในพิธีกรรมและกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ในพิธีกรรมและกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ในหลายวัฒนธรรม การชงชาไม่ได้ชงเพื่อรสชาติเท่านั้น แต่การชงชาได้เป็นการแสดงออกถึงศิลปะความงามอีกประเภทหนึ่ง จึงส่งผลให้การเลือกใช้กาชาของแต่ละคนอาจจะลืมนึกถึงประโยชน์ในการใช้งานไป

เวลาเลือกกาน้ำชา บางคนเลือกเพียงจากความสวยงาม และใช้งานถนัดมือ แต่ความจริงแล้ว เราจำเป็นต้องคำนึงว่ากานั้นๆจะใช้ชงชาใบหรือชาซอง หรือใช้แค่ใส่น้ำร้อนเทลงถ้วยชาวังสำหรับตีผงมัทฉะ นอกจากวัตถุประสงค์ในการใช้แล้ว จะเห็นว่า กาน้ำชา สามารถทำได้จากวัสดุที่หลากหลายเช่นกัน ทั้ง หิน ดินเผา แก้ว เหล็กหล่อ เงิน และสเตนเลส วัสดุแต่ละประเภทมีผลต่อรสชาติของชาและก็เหมาะกับการชงชาแต่ละประเภทแตกต่างกันไป

กาน้ำชา กาน้ำชา

หากต้องการชงชาใบตะกร้ากรองชาที่มากับกาน้ำชาก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องดูความถี่ของตะแกรงให้ดี ไม่เช่นนั้น อาจจะมีใบชาเล็ดลอดออกมาตอนเท ทำให้เสียรสชาติการดื่มชาได้

หากเป็นกาชา “เครื่องกระเบื้อง” เป็นเครื่องปั้นดินเผาสีขาวขุ่นคุณภาพดีที่ผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูง กาน้ำชาเครื่องกระเบื้องใช้ได้ดีกับชารสอ่อน เช่น ชาเขียว ชาอู่หลง และชาดำอ่อนๆ ยอมชาดาร์จีลิง แต่ถ้าเป็น กาชา”เหล็กหล่อ”เหล็กหล่อถูกใช้เพื่อทำภาชนะสำหรับต้มน้ำด้วยกองไฟเพราะเหล็กจะร้อนได้เร็วและรักษาความร้อนไว้ได้ดีเมื่อมีอุณหภูมิตามที่ต้องการแล้ว การใช้กาน้ำชาแบบเหล็กมาหล่อต้มชาเกิดขึ้นในช่วงที่เซนฉะเริ่มได้รับความนิยมในญี่ปุ่น

โดยกาน้ำชาเหล็กหล่อมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกาน้ำชาดินเผาแบบไม่เคลือบ เพราะมันจะดูดซับรสชาติบางส่วนของชาไว้ดังนั้นจึงไม่ควรใช้น้ำยาล้างจานล้างกาน้ำชาเหล็กหล่อ และควรทำให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันสนิม

กาชาอีกประเภทที่เห็นทั่วไปคือ กาชา “แก้ว” วัสดุที่ไม่ค่อยจะเหมาะแก่การทำกาน้ำชาเพราะมันเก็บกักความร้อนได้น้อย เปื้อนง่าย และเปราะบาง เหมาะสำหรับการชงชาที่มีความสวยงามโดยเฉพาะชาดอกไม้บานเพราะเราจะเห็นใบชาที่กำลังคลี่ออกอย่างสวยงาม นอกจากนี้คุณยังรู้ด้วยว่าชาของคุณเข้มพอหรือยัง และกาน้ำชาแก้วมักจะมาพร้อมกับเตาอุ่นที่ให้ใส่เทียนเข้าไปด้านล่างเพื่อรักษาให้ชาอุ่น

กาชา “ดินเหนียว”  ยิ่งอุณหภูมิที่สูงเท่าไหร่ เครื่องปั้นดินเผาที่ได้ออกมาก็จะแข็งแรงขึ้นเท่านั้น กาชาประเภทนี้จะสามารถเก็บรักษาความร้อนได้ดีกว่าประเภทอื่น โดยธรรมชาติแล้วเครื่องปั้นดินเผาแบบไม่เคลือบที่ทำจากดินเหนียวที่มีรูพรุนช่วยให้การน้ำชาดูดซึมกลิ่นและรสชาติของชาในกาได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามคำแนะนำสำหรับการใช้เครื่องปั้นดินเผาที่ไม่เคลือบ คือ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจานเพราะมันจะดูดเอารสน้ำยาล้างจานไว้ ควรล้างด้วยน้ำเย็นจนแน่ใจว่าไม่มีเศษใบชาเหลืออยู่และนำไปตากให้แห้ง

กาน้ำชา กาน้ำชา

ส่วนกาน้ำชาที่ใช้ในพิธีชงชาของญี่ปุ่นที่ถูกเลือกมาเพื่อสะท้อนช่วงเวลาของปีหรือแต่ละโอกาส โดยการออกแบบตัวกาน้ำชาและอุปกรณ์ชงชาอื่นๆ จะสื่อถึงฤดูที่กำลังเปลี่ยนจากฤดูใบไม้ผลิไปเป็นฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง

อย่างไรก็ตามการชงชาที่อร่อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับกาน้ำชาเพียงอย่างเดียว จริงหูที่กาน้ำชาที่ดีต้องน้ำหนักเบา เก็บความร้อน รินน้ำแล้วไม่หยด เมื่อเอียงกากลับมาน้ำต้องหยุดทันที ไม่ไหลเปียกโต๊ะ และฝากาต้องแน่นหนาพอให้เมื่อรินน้ำชาแล้วฝาไม่หลุดออกมา กาน้ำชาเซรามิกบางรุ่นหนักมาก ทำให้ควบคุมปริมาณน้ำที่เทออกมาได้ยาก แถมยังไม่เก็บความร้อน

อย่างระดับอุณหภูมิของน้ำร้อนเป็นสิ่งสำคัญมากในการชงชา ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับชาแต่ละชนิด ถ้าเป็น ชาขาวหรือ ชาเขียวที่ต้องการความสดใหม่ ควรใช้น้ำร้อนประมาณ 85 องศาเซลเซียส ชาอูหลงประมาณ 90 องศาเซลเซียส ชาแดงหรือ ชาพูเอ่อร์ประมาณ 100 องศาเซลเซียส

กาน้ำชา

อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ควรอุ่นอุปกรณ์ที่ใช้ในการชงชาก่อนด้วยการลวกน้ำร้อน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะต่อให้ต้มน้ำร้อนได้อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับชงชาแล้ว แต่ถ้ากาน้ำชาและแก้วที่ใช้ยังเย็นอยู่ เมื่อเทน้ำร้อนลงไปอุณหภูมิของน้ำก็จะลดลง ทำให้ดึงรสชาติชาออกมาได้ไม่เต็มที่นั่นเอง

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/337066353331099228/

บทความจาก : Fuwafuwa