กว่าจะเป็นผงชามัทฉะ
|

กว่าจะเป็นผงชามัทฉะ

ชาเขียว กับมัทฉะ เป็นเครื่องดื่มที่นิยมของชาวญี่ปุ่น ผลิตจากใบชาจากแหล่งปลูกในญี่ปุ่นที่เหมือนกัน ความเหมือนที่แตกต่างของ “มัทฉะ” และ “ชาเขียว ที่ชัดเจนที่สุด คือ ลักษณะของการใช้ เพราะมัทฉะจะมาในรูปแบบผงละเอียด ในขณะที่ชาเขียวโดยปกติจะมาในรูปแบบของใบชาแห้ง เวลากิน ชงกับน้ำร้อนกินแต่น้ำชา ส่วนใบชากรองออก ส่วนชาเขียวที่เราเรียกมัทฉะ มีลักษณะเป็นผงชาเขียวที่นำใบชามาบดจนละเอียด เวลากินนำผงชาไปผสมกับน้ำร้อน คนให้เข้ากันแล้วดื่มได้ทั้งหมด ไม่ต้องกรองส่วนใดออก ซึ่งกรรมวิธีการแปรรูปจากใบชาเขียว มาเป็นผงมัทฉะต้องอาศัยความละเอียดอ่อนพอสมควร ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ เป็นชาที่ไม่ผ่านกระบวนการหมัก เสร็จแล้วนำไปนวดเพื่อให้ใบชาม้วนตัว จากนั้นนำไปอบแห้ง สีของน้ำชาจึงมีสีเขียว ต้นชาที่จะนำมาผลิตเป็นมัทฉะ จะมีการปลูกและดูแลที่ซับซ้อนกว่าชารูปแบบอื่น ช่วงที่ใบชาแตกยอด ก่อนเก็บเกี่ยวต้องคลุมป้องกันไม่ให้ชาได้รับแสดงแดดโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง เป็นการลดการสังเคราะห์แสงชะลอการเจริญเติบโตของใบชา เพื่อกระตุ้นการผลิตคลอโรฟิลและกรดอะมิโนใบชาจึงมีสีเขียวเข้ม เหมาะกับการนำไปทำมัทฉะ โดยนำใบชามาบดโดยครกหินที่ทำให้เกิดความร้อนน้อยที่สุด เพื่อรักษารสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ บดจนออกมาป็นผงละเอียดเหมือนแป้ง ใช้เวลานาน กว่าจะได้ผงชาออกมาจำนวนหนึ่ง ทำให้มัทฉะมีราคาสูงกว่าชาเขียวชนิดอื่นๆ ในสมัยก่อนมัทฉะจึงเป็นชาที่ถูกนำไปใช้ในพิธีชงชาของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันนิยมนำผงมัทฉะมาชงเครื่องดื่ม ร้อน เย็น ทำขนม หรือไอศกรีม เพราะมัทฉะมีสีเขียวสดสวย อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารจากใบชาทั้งใบอีกด้วย ทำให้มัทฉะเป็นที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรักสุขภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ชาเขียวสามารถใช้ชงเครื่องดื่ม ร้อน เย็นได้ แต่ไม่เหมาะที่จะไปทำขนม ประโยชน์ของชาเขียว…

พิชิตใจลูกค้าด้วย Emotional Value
|

พิชิตใจลูกค้าด้วย Emotional Value

ธุรกิจร้านอาหารทุกวันนี้ แต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์ของร้านตัวเองที่ดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน บางร้านใช้วิธีจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม บางร้านใช้การจัดอีเว้นต์ เชิญ Influencer ดังๆเข้ามา แต่จริงๆแล้ว วิธีเหล่านี้เป็นเหมือนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะในบางครั้งที่จบช่วงโปรโมชั่น หรืออีเว้นต์นั้นๆไป ลูกค้าก็อาจจะหายไปเหมือนเดิมได้ เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเพียงเท่านั้น วิธีการพิชิตใจลูกค้าที่ยั่งยืนจริงๆแล้ว ควรให้ความสำคัญสิ่งที่เรียกว่า Emotional Value (คุณค่าทางอารมณ์) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการทำ Emotional Value ของแต่ละร้านย่อมมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ว่าจะใช้ในเรื่องของการชูโรงเรื่องความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบ หรือ การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบของร้านนั้นๆเองให้มีเอกลักษณ์ แต่ถ้าใครไม่มีไอเดีย มาดูเทคนิคง่ายๆที่ทำให้ลูกค้าเลือกมาร้านของเรา แทนที่จะไปร้านอื่นๆบ้าง Emotion : Caring การดูแล ห่วงใย เอาใจใส่ ครอบครัวบางครอบครัวมักจะมีปัญหาเวลาไปทานข้าวด้วยกันที่บางคนชอบอย่าง อีกคนชอบอีกอย่าง ถ้าร้านนนั้นๆ มีเมนูที่หลากหลายเหมาะกับคนในครอบครัวทุกเพศทุกวัย ก็เป็นการเอาใจใส่ลูกค้าเล็กๆน้อยๆ ที่อาจจะทำให้ลูกค้าประทับใจได้โดยไม่รู้ตัว เช่น มีเมนูชาเขียวเลือกระดับความเข้มได้ คนที่ไม่ชอบชาเขียว ก็สามารถเลือกเลเวลเจือจาง ผู้ใหญ่สายเข้ม สามารถเลือกชาเขียวเข้มข้นมากๆ ทำให้ในครอบครัวเดียวกัน สามารถใช้เวลาด้วยกันได้ หรือเป็นเมนูที่วางขายธรรมดาอยู่แล้วตามปกติ แต่ตกแต่งหน้าตาให้แตกต่างออกไปตามเทศกาลพิเศษ เช่นทาร์ตชาเขียว…