การผสมชากับนมนั้นมันไม่ดีจริงเหรอ? 
|

การผสมชากับนมนั้นมันไม่ดีจริงเหรอ? 

ชาใส่นม ไม่ว่าจะเป็นมัทฉะลาเต้ หรือ ชานมเย็น ที่เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคน ด้วยความเข้มข้น ของชา และความกลมกล่อมด้วยนมที่ผสมตามสูตรของที่ร้าน ชาจึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ อย่างที่ไทยบ้านเรา ก็มีทั้งชาดำเย็น ชานม หรือฝั่งญี่ปุ่น คนนิยมบริโภคชาเขียว ฝั่งยุโรปยังมีธรรมเนียมในการดื่มชากับขนมหวาน หรือที่เรียกว่า Afternoon tea นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้วยังเป็นเพราะชาอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ อย่างที่รู้กัน เช่น สารคาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยดักจับอนุมูลอิสระ และสารธีอะนิน (Theanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทำงานสัมพันธ์กันกับเส้นประสาท หากดื่มไปแล้วจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบนิ่งและสมองปลอดโปร่งมากขึ้น ซึ่งการจะได้ประโยชน์จากสารอาหารเหล่านี้อย่างเต็มที่ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าต้องดื่มแบบไม่ผสมนม หรือน้ำตาล แต่การผสมชากับนมนั้นมันไม่ดีจริงเหรอ?  มีการค้นพบโดย นักวิจัยจากโรงพยาบาลคาริตของมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เยอรมนี ว่า ชาจะหมดประโยชน์ได้ ถ้าหากใส่นม เพราะโปรตีนในนมจะไปยับยั้งการทำงานของสารคาเทซิน ทำให้ประโยชน์ของชาในการปกป้องโรคหัวใจหมดไปการวิจัยดังกล่าวทดลองเปรียบเทียบ ระหว่างสุขภาพของผู้ดื่มน้ำอุ่น ดื่มชา และดื่มชาแบบเติมนม พบว่า “ คนที่ดื่มชาทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำอุ่น แต่พอมีการเติมนมลงไปในน้ำชาคุณประโยชน์ชาก็จะหายไปทันที ” แต่ถ้าต้องการดื่มชาแบบเติมนมจริงๆ ก็ยังมีการโต้เถียงอีกว่า“ควรใส่ ชาก่อนหรือหลังนม?” บางคนก็เชื่อว่าการเติมนมทีหลังชงชา ทำให้ผู้ดื่มสามารถกะปริมาณนมได้ง่ายกว่า…

รวมกันแล้วรุ่ง ด้วย Marketing Collaboration
|

รวมกันแล้วรุ่ง ด้วย Marketing Collaboration

จะเห็นว่าช่วง 2-3 ปีมานี้ ธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ เบเกอรี่ และเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เป็น SME ร้านมีแฟรนไชส์ หรือแม้กระทั่งใครหลายคนที่อาศัยช่วงเวลาว่างอยู่ที่บ้าน เข้าครัว จับโน่นผสมนี่ออกมาทำขายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไหนๆ ก็คู่แข่งเต็มไปหมด โดยเฉพาะร้านสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นขนม ชา หรือร้านอาหารก็ตาม ด้วยจำนวนร้านที่เพิ่มขึ้นมาก แต่จำนวนผู้บริโภคมีเท่าเดิม คงหนีไม่ได้ กับการที่ยอดซื้อของบางร้านที่ไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากพอ จะลดลงอย่างแน่นอน การ Marketing Collaboration  หรือการจับคู่แบรนด์เพื่อทำโปรเจกต์ร่วมกัน กลยุทธ์นี้เป็นการผสมผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความแปลกใหม่ และขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตามการทำ Marketing Collaboration ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกเคสไป และมือใหม่ที่ไม่ถนัดการตลาดมากนัก อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าต้องเริ่มทำจากอะไร เทคนิคการทำ Marketing Collaboration เริ่มจาก 1.กำหนดเป้าหมายให้ชัดต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าทำเพื่ออยากได้กลุ่มลูกค้าแบบไหนเพิ่มขึ้น อยากได้ชื่อเสียงจากอีกแบรนด์ในด้านไหนในการทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกัน อย่างเช่น “KitKat  X Krispy Kreme” ช็อคโกแลตคิทแคทที่หลายคนรู้จัก จับมือกับโดนัทยอดฮิต เพื่อออกสินค้าใหม่ที่เป็น Limited Edition แม้จะเป็นธุรกิจขนมเหมือนกัน แต่การจับมือของสองแบรนด์นี้…