Elevating Dessert Craftsmanship with Matcha

เทคนิคในการดัดแปลงส่วนผสมและสูตรต่างๆให้เป็นรสชาติที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านขนมและร้านคาเฟ่ควรรู้ บางครั้งหลายคนไปเรียนทำขนมมา แต่พอต้องการดัดแปลงขนมที่เรียนมาเป็นรสชาติที่ต้องการ กลับใส่ส่วนผสมไม่ถูก

การทำครีมชาเขียวเป็นไส้ขนม บางเจ้าก็นิยมซื้อสำเร็จตามที่มีขายอยู่แล้วในท้องตลาดมาใช้เลยเพื่อความสะดวก แต่รสชาติความเข้มข้นรวมทั้งสีของชาเขียว อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้

Matchazuki เลยอยากจะมาแชร์ การทำไว้ครีมชาเขียวอย่างง่าย และถ้าใครเป็นคอชาโฮจิฉะ ก็สามารถเปลี่ยนผงชาเขียวตามสูตรเป็นผงชาโฮจิฉะได้ในปริมาณเท่าๆกัน แต่แนะนำให้การทำขนมใช้ผงชาเขียวจะอร่อย สีสวย และได้รสชาติที่ดีกว่าใช้ชาใบ

ไส้มัทฉะ ไส้มัทฉะ

หากใครอยากลองทำไส้คัสตาร์ดชาเขียวเอง ลองทำได้ง่ายๆเพียงแค่อุ่นนม 125 ml. ในหม้อ แค่พออุ่นๆ ไม่ถึงกับต้องเดือด ดูถ้ามีไอลอยขึ้นมาก็ปิดไฟเลย หลังจากนั้น ตีไข่แดง 1 ฟอง กับน้ำตาล 35 กรัม จนเป็นสีเหลืองอ่อน ร่อนแป้งเค้ก 13 กรัม กับผงชาเขียว 1 ช้อนชา 5 กรัมลงไปตีต่อ จากนั้นค่อยๆเทนมอุ่นลงไปผสมลงไปในหม้อ อุ่นด้วยไฟเบา คนด้วยไม้พายตลอดเวลา จนครีมเริ่มข้น ถ้าเห็นมีฟองขึ้นมาปุ๊บ อุ่นอีก 1 นาทีแล้วปิดไฟเลยค่ะ จากนั้นใส่เนยลงไป คนจนเนยละลายเข้ากัน หลังจากนั้นเทครีมใส่จานแบนๆ ปิดด้วยแรปใสแล้วเอาเข้าตู้เย็นแช่ไว้สัก 1 ชม.เนื้อครีมประเภทนี้จะมีความหนืดเหมือนเวลาเราทานซาลาเปาไส้ครีม เหมาะกับเอาไปเป็นไส้ขนมปัง หรือทำไส้พายนั้นเอง

matcha cream

แต่ถ้าเป็นครีมชาเขียว เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน ไว้ปาดเป็นไส้เค้กอย่างเครปเค้ก ไส้ชูครีม หรือไส้โรลเค้ก ตัวไส้กลุ่มนี้ครีมจะมีลักษณะที่เป็นเนื้อบางเบา นุ่มละมุนลิ้น ทานได้เรื่อยๆ ไม่หนักหรือเลี่ยน เพราะเกิดจากวัตถุดิบอย่างง่ายเพียงแค่ 3 อย่าง ได้แก่ วิปปิ้งครีม 400 มิลลิลิตร ผงชาเขียว 1/3 ถ้วย และ น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยที่มาเทผสมกัน แล้วตีด้วยหัวตีตะกร้อ จนตั้งยอดอ่อนวิธีการสังเกตว่าเป็นยอดอ่อนคือ มือหยุดตีแล้วยกหัวตะกร้อขึ้น ตัวครีมที่ปลายตะกร้อจะงอลงเล็กน้อย เนื้อครีมแบบนี้จะมีความนุ่มละมุน มักนิยมใช้กับเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น แต่ถ้าตีนานเกินไป ไส้ครีมชาเขียวนุ่มๆของเราจะกลายเป็นครีมเนื้อหนักที่ไว้ปาดรอบเค้กเพื่อตกแต่งหรือบีบครีมขึ้นรูปเป็นลวดลายต่างๆ

matcha cream

หรือถ้าเป็นเสปรดชาเขียวที่ไว้ทานคู่กับขนมปังนั้นแค่นำผงชาเขียว 12 g นมจืด 50 ml นมจืด 150 ml วิปครีม 100 ml น้ำตาลทราย 40 g ผสมรวมกันในหม้อ เคี่ยวใช้ ’ไฟอ่อน 15 นาที สังเกตได้ว่าส่วนผสมจะลดลง 50% และมีความหนืดขึ้นั้นเอง

matcha custard

แต่ถ้าเป็นพวกไส้ชาเขียวลาวา วิธีทำเริ่มจากผสมผงเจลาติน 1 ½ ช้อนชา กับน้ำ  2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วพักไว้ จากนั้นตีไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาล ½ ถ้วย และแป้งข้าวโพด 4 ช้อนโต๊ะ เข้าด้วยกัน แล้วพักไว้ ใส่นม 2 ถ้วย วิปปิ้งครีม  1 ถ้วย ผงชาเขียว  ¼ ถ้วย และเกลือ ½ ช้อนชา ลงไปในหม้อตั้งไฟอ่อน ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันจนผงชาเขียวละลายดี แล้วจึงเทส่วนผสมของไข่ไก่ตามลงไป คนจนส่วนผสมข้นขึ้นมา เมื่อส่วนผสมนมข้นขึ้นแล้วให้ปิดไฟ จากนั้นใส่เจลาติน และเนยที่เตรียมไว้ลงไปคนให้เข้ากัน นำไปพักในตู้เย็นจนกว่าจะเย็น นำมาใส่ขนมปัง ซาลาเปา หรือขนมที่ต้องการให้เป็นไว้ลาวาได้เลย ตัวนี้ที่เป็นไส้ลาวาได้เพราะมีการใช้เนยในการทำไส้นั้นเอง เวลาอุ่นร้อนๆ หั่นขนมออกมา มันจึงมีลักษณะไหลเยิ้มเป็นลาวา

หากใครมีสูตรขนมอื่นๆแล้วต้องการทำเป็นรสชาติชาเขียวแต่ไม่รู้จะเริ่มปรับยังไง อย่างเช่นมีสูตรไส้ช็อคโกแลต ก็สามารถเปลี่ยนผงโกโก้ ให้เป็นผงชาเขียวได้เลยในปริมาณที่เท่ากัน หรือถ้าใครที่อยากได้ความเข้มข้นหรือสีที่ชัดขึ้น ริ่มแรก ให้ลองแอดผงชาเขียวเข้าไปครั้งละ 2-5 กรัมก่อน เพื่อให้รสขมชาเขียวไม่โดดจนเกินไป หรือถ้าใครแพ้นมวัว ก็สามารถเปลี่ยนนมวัวเป็นนมถั่วเหลืองได้เช่นกัน ทีนี้เราก็จะปรับเปลี่ยนดัดแปลงขนมให้มีหลากหลายเอาใจ MATCHA LOVER กันได้ง่ายๆไม่ต้องพึ่งไส้สำเร็จที่อาจจะใส่สารกันบูด แต่งกลิ่น และใช้สีเขียวสังเคราะห์แทนผงมัทฉะแท้ๆ 🙂

ที่มา

https://www.proportionalplate.com/dalgona-matcha-latte/

http://www.matcha.my/Blog/matcha-milk-jam-recipe

https://www.oliveandartisan.com/การทำไส้ขนมจากผง Matcha

https://minimalistbaker.com/vegan-matcha-buttercream-frosting-1-bowl/

บทความจาก : Fuwafuwa

Unveiling the Unique Aroma of Genmaicha

ถ้าพูดถึงชาเขียวของญี่ปุ่น หลายคนคงนึกถึง “มัทฉะ” เป็นชื่อแรก เพราะ “มัทฉะ” เป็นชาเขียวชั้นดีที่นิยมใช้ในพิธีชงชาของชนชั้นสูงในญี่ปุ่น ด้วยกรรมวิธีการบดยอดอ่อนใบชาอย่างพิถีพิถัน จนได้รสชาติที่กลมกล่อม ส่วนชาเขียวอีกประเภทหนึ่งที่คนทั่วโลกนิยมดื่มกันมากที่สุด ด้วยรสชาติที่สดชื่น ดื่มง่ายอย่าง “เซนฉะ” แต่มีชาเขียวอีกหนึ่งประเภทที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกลิ่นหอมที่แตกต่างจากชาประเภทอื่นของ “เก็นไมฉะ”

genmaicha genmaicha

เก็นไมฉะ ( 玄米茶: Genmaicha)  เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอยู่น้อยมาก ถือว่าน้อยกว่าชาเขียวประเภทอื่นๆเลยก็ว่าได้ จึงสามารถดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา และทุกเพศทุกวัย แถมราคายังไม่แพงชงง่าย

เก็นไมฉะ แตกต่างจากชาเขียวประเภทอื่นที่เห็นได้ชัดอีกประการ คือ กลิ่นหอมที่เกิดจากการเบลนด์ชาร่วมกับข้าวคั่วนั่นเองเห็นได้จากสีของใบชาที่ไม่ได้มีสีน้ำตาลเหมือนสีข้าวคั่ว 100% และก็ไม่ได้เขียวมากเหมือนสีของใบชาเขียวปกติ แต่จะเป็นสีเหลืองทอง ที่เกิดจากข้าวคั่วที่นำมาผสมผสานกันในเก็นไมฉะ ข้าวที่ต้องคัดสรรสายพันธุ์ดีงามของญี่ปุ่น ผ่านกรรมวิธีการคั่วด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม แล้วมาตากแห้งและอบเข้ากับใบชา ในอัตราส่วน 1 : 1  ผสมผสานกันออกมาเป็นชากลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์หาไม่ได้จากชาเขียวประเภทอื่น รสชาติที่ฝาดกำลังดี หวานน้อย การดื่มเก็นไมฉะคู่กับเมนูอื่นๆ ก็นับเป็นตัวเลือกที่เข้ากันได้ดีทีเดียว

รสชาติที่ดีของเกนไมฉะ ส่วนนึงมาจากคุณภาพของข้าว มากกว่าคุณภาพของใบชา การนำข้าวกล้องไปคั่วต้องระวังอย่าให้แตก เหมือนกับป็อบคอร์น เรียกว่า “ข้าวตอก” เพราะถ้าแตกมากคุณภาพความอร่อยของชาขะลดลงเมื่อนำไปผสมกับชาเขียว

ส่วนคุณค่าทางสารอาหารก็มีเยอะไม่แพ้ชาเขียวประเภทอื่นๆ ไล่มาตั้งแต่เก็นไมฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยในเรื่องปรับสมดุลระบบความดันโลหิต ช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งและโรคหัวใจได้อีกด้วย

genmaicha

มีบางตำราที่เล่ากันว่าเกนไมฉะเกิดจากพ่อค้าชาชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง รู้สึกเสียดายข้าวหลังจากนำไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จึงนำมาคั่วแล้วนำมาผสมกับชานั่นเอง แต่ก็มีบางตำราเล่าว่ากิดขึ้นที่เมืองเกียวโต เมื่อพ่อค้าใบชาเขียวผู้มั่งคั่ง และเต็มเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ จับเอาวัตถุดิบต่างๆ มาผสมผสานเข้ากับใบชาเขียว เพื่อให้ได้ความพรีเมียมที่แปลกใหม่ วันหนึ่งพ่อค้าใบชาเขียวนึกสนุก จึงทดลองนำข้าวคั่วและใบชาเขียวมาลองชงดื่มดู จนได้มาซึ่งเก็นไมฉะที่มีทั้งกลิ่นและรสชาติไม่เหมือนใคร

ชาที่นำใบชาเขียว มาผสมกับข้าวกล้อง โดยข้าวกล้องที่นำมาผสมจะถูกนำไปนึ่ง แล้วนำมาผัดจนมีสีน้ำตาลอ่อน ผสมกับใบชาในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 นั่นคือเหตุผลหลักที่เวลาเราดื่ม” เกนไมฉะ ” (玄米茶: Genmaicha) หรือ “ชาข้าวกล้องคั่ว” จะได้กลิ่นหอมที่ไม่เหมือนชาเขียวประเภทอื่น นั่นเอง จริงๆแล้ว” เกนไมฉะ ” เป็นชาธรรมดา ราคาไม่แพง เวลาชง ต้องชงด้วยน้ำร้อน 100 องศาเซลเซียส ในเวลาเพียง 30 วินาที เพราะถ้าแช่นานไป ชาจะเริ่มมีรสชาติขมจนทานลำบาก

สำหรับวิธีการการต้มชาเขียวชนิดนี้ แนะนำให้ใช้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 80–85 ° C และใช้เวลาต้มชาที่ประมาณ 3-5 นาที หากต้มนานกว่านี้จะทำให้ชามีรสฝาดมากขึ้น

genmaicha

ที่มา

https://www.rishi-tea.com/product/gram-tin-genmai-matcha-organic-japanese-green-tea-blend/loose-leaf-tea

http://www.stocksy.com/22595

https://www.teasource.com/products/genmaicha-green-tea-blend

กลิ่นหอมที่แตกต่างของ “เก็นไมฉะ”บทความจาก : Fuwafuwa

How to ……. present TEA ?

Tea is a beverage that is popular all over the world. With its unique taste, aroma, and nutritional benefits, drinking tea is widely popular all over the world, including England, China, Japan, and even Thailand. The way tea is served in each country is different because the appearance, presentation, and serving of tea each time require delicacy in brewing. The environment for drinking tea may need to enhance the aesthetics of drinking with plants and flowers to relieve stress from work. The shop should not allow the smell of food to interfere with the aroma of the tea. The quality of the container used for drinking tea also has a significant effect on the level of deliciousness and the impression of the drinker.

Tea set Tea set

Serving in a rough and thick ceramic cup will create a very different effect when compared to the same tea served in fine porcelain, bone china or glass. Or the presentation of tea that many people may forget to think about is the presentation in three aspects: sight, smell and taste, so that the guest can experience it through the senses. Some shops therefore have different presentation styles, such as letting the customer drip the tea themselves, serving the whole teapot to make the tea set, which is another element that makes the customer’s photo look more delicious.

However, if any shop wants to serve tea in cups to customers, it is recommended to brew it fresh and hot every time and increase the enjoyment of drinking tea for customers by walking over to pour tea for customers at the table. This will allow customers to clearly experience the aroma of the tea while pouring it, better than pouring it from the back of the shop. It takes a long time to bring it to serve customers, which is a pity that the aesthetics of drinking tea are reduced.

Tea set

If you still don’t have an idea about what kind of tea to serve, try to find out what style of tea your shop has.

  1. Serving tea in the English style: The English love drinking black tea, which is one of the most popular teas in the world. It can be served straight from a glass, but if you want to experience the true English tea experience, you should choose the right teaware, including a teapot (Chinese or ceramic), teacups with saucers, sugar bowl, creamer, kettle, cups for discarding leftover tea or tea leaves, and snack plates.

British tea time usually starts around 4pm. If the shop wants to serve an Afternoon Tea set that serves tea with snacks, tea can be served anytime from 2pm to 5pm. Traditional afternoon tea is often served with small sandwiches, scones and a variety of pastries such as almond shortbread, cheesecake, macarons, biscuits or banana cake.

If you find a shop that wants to serve it with milk, sugar, or lemon, it is recommended to arrange them separately in the tea set so that customers can have fun and experience adding different ingredients to achieve the taste they like. However, it is not recommended to add lemon and milk at the same time because the citric acid of the lemon will cause the protein in the milk to harden into lumps. The recommended order is to pour the tea first, add sugar, and then gently place the lemon on the tea last.

Afternoon tea Afternoon tea

In addition to Afternoon Tea, there is also High Tea, which is popularly enjoyed from around 5 pm to 9 pm. The food served with tea at this time is heavier than Afternoon Tea, such as a hot dish, bread, potatoes, vegetables, cheese, meat, stew, Welsh muffins, pies or omelettes.

If your shop is an English tea shop, then offering Afternoon Tea and High Tea as a set menu is an interesting way to attract customers.

  1. Japanese style tea serving. I believe many people are already familiar with the Japanese style of serving, which emphasizes the simplicity of the design of the serving containers. The snacks that are popularly served are also small snacks called wagashi, which Japanese people like to finish eating before serving the tea. However, if a shop wants to add some Japanese style, there may be a small corner of the shop or at the counter bar that shows the traditional Japanese tea brewing ceremony using cha-chaku to scoop the tea powder, cha-sen to beat the tea powder to dissolve, and rotating the tea cup before drinking, as we often see in Japanese travel programs.

Some shops, if they are not very knowledgeable about tea culture, often play Japanese-style music or may have the sound of soft flowing water to help customers feel more relaxed.

Japanese tea Japanese tea

So, how do you serve tea at your shop? Have you forgotten the important points that should not be overlooked of the tea identity? Try spending some free time, enjoy your favorite tea, you might get an idea to present tea in your own style ^^

Source

http://casatreschic.blogspot.com

http://thecharmofhome.blogspot.com

https://thestrawberrynight.tumblr.com

http://teaismycupoftea.tumblr.com

K inarino.jp

Article from: Fuwafuwa

ถุงชาอันตรายจริงหรือ…… ?

ชาที่เราซื้อตามซุปเปอร์เพื่อมาชงทานเองที่บ้าน มีทั้งแบบใบ ให้เรามาใส่ที่กรองชาเอง สำหรับคนที่ชื่นชอบการชงชาเองและมีเวลาในการพิถีพิถันดื่มด่ำกับการดื่มชา แต่ถ้าสายเร่งด่วน ขอสะดวกไว้ก่อนก็จะนิยมซื้อชาแบบที่แพ็คในถุงชา ที่จะมีเชือกยาวๆห้อยออกมาพร้อมติดแท็กโลโก้แบรนด์ เพียงแค่นำถุงชานั้นมาใส่น้ำร้อนแล้วก็ทิ้งไว้ ก็จะได้ดื่มด่ำกับชาอุ่นๆเข้มข้น

ถุงชา

แต่ช่วงหลังๆมาที่ทุกคนเริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ถึงกับมีงานวิจัยออกมาเลยว่า ถุงชาพลาสติก 1 ใบ ปล่อยไมโครพลาสติก 11.6 พันล้านอนุภาค และปล่อยนาโนพลาสติกซึ่งขนาดเล็กจิ๋วยิ่งกว่า อีกจำนวน 3.1 พันล้านอนุภาค คิดรวมเป็นปริมาณละอองพลาสติกประมาณ 16 ไมโครกรัมต่อชา 1 แก้ว เป็นปริมาณที่สูงกว่าการปนเปื้อนพลาสติกในอาหารทุกชนิดที่เคยมีการรายงานก่อนหน้านี้ แม้จะยังไม่มีรายงานถึงผลของการกินไมโครพลาสติกเข้าไป แต่เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัย และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว ควรเริ่มจากการสังเกตง่ายๆว่าถุงชาแบบไหนที่ไม่ควรใช้

tea bag

ถุงชาพลาสติกที่มีเนื้อผ้าตาข่ายดูวาวๆ ส่วนใหญ่เป็นถุงทรงปิระมิดฐานสามเหลี่ยม เป็นถุงชาที่ไม่ควรใช้เลย ถ้าจำเป็นต้องใช้ถุงชาจริงๆ แนะนำให้เลือกแบบถุงสีขาวที่ดูคล้ายกระดาษ ซึ่งอาจจะหายากหน่อยในท้องตลาดบ้านเรา ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ใช้การชงด้วยการกรองใบชาออกด้วยที่กรองแสตนเลสที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ หลายขนาดตามปริมาณใบชาที่ต้องการชง ล้างซ้ำใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ หรือถ้าใครยังเคยชินกับการชงชาโดยใช้ถุงชา แนะนำให้หาซื้อเฉพาะถุงชากระดาษ 100% ที่ไม่ฟอกขาว แล้วซื้อใบชาเป็นห่อใหญ่ๆมาตักใส่ถุงชาเองอีกวิธีคือถุงกรองชาชนิดผ้ากรองเศษใบชาเล็กๆ ได้ดีกว่าตะแกรงกรองสเตนเลส แถมยังล้างตะกอนใบชาออกง่าย และใช้ซ้ำได้นานหลายรอบเช่นกัน

ตะแกรงร่อนชา

อย่างไรก็ตามใครที่ใช้ถุงชากระดาษเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งเอาไปทิ้งทันทีนะ เพราะมันยังมีประโยชน์มากกว่าที่คิด เช่น

  • ถุงชาที่ใช้แล้วรองก้นกระถาง โดยวางปิดไว้ที่รูระบายน้ำ จากนั้นก็ค่อยเทดินและปลูกต้นไม้ลงไป ถุงชาก็จะช่วยรักษาความชื้นและน้ำในดินเอาไว้ ไม่ให้ระบายออกมาเร็วเกินไป แถมยังเป็นการเพิ่มสารอาหารให้กับดินไปพร้อมกันด้วย
  • กลิ่นติดมือที่ใช้สบู่ล้างไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกระเทียมหรือหัวหอมก็กำจัดไม่ยาก โดยนำถุงชามาถูมือให้ทั่ว ทั้งฝ่ามือและตามซอกนิ้ว จากนั้นก็ใช้สบู่ล้างมือตามปกติ เพียงแค่นี้กลิ่นเหม็นก็หายไปแล้ว
  • เอาถุงชาที่ใช้แล้วนำไปตากแห้ง แล้วใส่ทิ้งไว้ในรองเท้า 1 คืน ก็ไม่เหลือกลิ่นเหม็นจากรองเท้าให้กังวลอีกต่อไป
  • หย่อนถุงชาที่ใช้แล้ว 2-3 ถุงลงไปในอ่างจานล้างจานที่แช่จาน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ถุงชาก็จะช่วยดักจับคราบมันเอาไว้ แค่ล้างตามปกติ จานที่มีคราบมันมากๆก็จะกลับมาสะอาดวิ้ง
  • หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นเปเปอร์มินต์ลงไป แล้ววางไว้ตามกล่อง ลิ้นชัก ตู้เก็บของ หรือบริเวณที่มักจะมีแมลงมาทำรัง ก็ช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์อันตราย เช่น มดหรือแมงมุม กลับมาอีก
  • แก้ปัญหาตาบวม เนื่องจากชามีสารแทนนินที่มีคุณสมบัติสามารถลดอาการบวมได้ ดังนั้น หลังจากที่เราใช้ถุงชาเสร็จแล้ว ควรนำถุงชาที่กำลังอุ่นๆ อยู่นั้นมาวางแปะลงบนเปลือกตาประมาณ 5-10 นาที อาการตาบวมก็จะค่อยๆ บรรเทาลงและหายไปได้
  • บรรเทาอาการแสบร้อนจากแสงแดด เพียงนำถุงชาไปแช่ตู้เย็นสักครู่เพื่อให้ความเย็น จากนั้นนำมาประคบลงบนผิวที่มีอาการแสบร้อน นอกจากผิวที่ได้รับความแสบร้อนจากแดดเผาแล้ว การที่ผิวของเราไปถูกความร้อนอย่างอื่นมาก็สามารถใช้ถุงชาเย็นๆ มาประคบได้เช่นเดียวกัน

ที่มา

https://theherbalacademy.com/free-ebook-herbal-tea-throughout-the-seasons/

http://katescreativespace.com/2012/09/09/tea-with-a-twist/

https://www.sanook.com/women/79957/

บทความจาก : Fuwafuwa

Is a Chashaku (茶杓) Bamboo Spoon Really Necessary?

The matcha powder scoop, or Chashaku (茶杓), originated in the past when green tea from China was introduced to Japan. Japanese people used ivory tea scoops imported from China. However, in recent times, bent bamboo tea scoops have also begun to appear. It is believed that the person who invented the current shape of the Chashaku was Murata Juko, the first person to develop the Zen tea ceremony. The reason for choosing bamboo instead of ivory was because they wanted the tea scoop to be simple and not as extravagant as ivory, because the Zen sect has a simple idea based on Zen Buddhism.

ChashakuChashaku

The best features of Chashaku are that they are mostly made of bamboo and have a 1 cm wide spoon tip. In order to scoop the appropriate amount of tea powder, which is about 1 gram, in the tea ceremony, 2 grams of tea are used, meaning scooping the tea with Chashaku 2 times without using a scale. In addition, the handle should be 19 cm long. It is the perfect length for use in the Japanese tea ceremony.

ChashakuChashaku

Scooping green tea powder to make tea can actually use a stainless steel spoon or other types of spoons. It is not necessary to use Chashaku, but you will see that many cafes and Japanese tea ceremonies prefer to use Chashaku because of the properties of bamboo. When it comes into contact with green tea powder, the taste will be consistent. And with the amount of tea that Chashaku can scoop each time, in addition, the bamboo of the Chashaku spoon also keeps the nutritional properties of green tea intact. It is easy to use by using a dry cloth or tissue to wipe the tip of the spoon dry before storing it in a box. It should not be washed with water. And Chashaku also gives a sense of authentic Japan. However, the Chashaku spoon is only for scooping tea powder. It is not for scooping other types of tea leaves.

Chashaku

But nowadays, Chashaku spoons are increasingly made from other materials besides bamboo, following the changing times, such as stainless steel, metal, or other types of hardwood. Metal spoons have a rounded tip, similar to the common teaspoons we use for making desserts. However, you have to choose carefully because sometimes you can scoop up inconsistent amounts of tea.

Source

https://www.edenfoods.com/store/matcha-spoon.html

https://oideyasu.tumblr.com/post/64615700994

https://www.taketora.co.jp/fs/taketora/sa00235

https://www.pinterest.com/pin/353110427034464612/

Article from: Fuwafuwa

3 popular Japanese snacks that are often eaten with green tea

Many people already know that Japanese people like to eat green tea with Japanese sweets, or wagashi. Although there are many other sweets that can be eaten with green tea in the tea ceremony, the sweets that are ranked as popular with people drinking tea and that Thai people know well are:

WagashiWagashi

No. 1 is Daifuku, a soft and chewy mochi dessert that comes with a variety of fillings, such as green tea lava, green tea red bean, and some brands also add fruits to enhance the delicious taste. The dessert tastes sweet and is served with hot green tea, making it a perfect combination of deliciousness.

Daifuku Daifuku

For those who want to try making their own daifuku and serve it with tea at the shop, adding a Japanese style to the menu in the shop can be done easily and can be further developed by changing the flavor of the dough to make fuku or fillings as desired.

 

 

Green tea strawberry daifuku menu

  1. 100 grams of glutinous rice flour
  2. 20 grams of tapioca flour (for making dusting powder)
  3. 10 grams of matcha powder
  4. 50 grams of granulated sugar
  5. 150 ml. plain water
  6. 200 grams of ready-made white bean paste + 5 grams of green tea powder
  7. Strawberry

method

  1. Mix glutinous rice flour, matcha powder, and sugar in a microwavable container. Gradually add water and mix until the flour is no longer lumpy and the consistency is thick.
  2. Put the flour mixture in the microwave, covered with plastic wrap or in a covered container to prevent the surface from drying out. Microwave on high for 3 minutes, stirring every 1 minute. Observe the flour. If it is cooked, it will turn into a clear flour and will form into a lump.
  3. Take the cooked flour and mix it with flour. Divide it into equal parts. Flatten the dough into a round sheet. Add the white bean filling mixed with green tea powder to form a single texture that wraps the strawberries. Shape it into a round ball. Mix it with flour to prevent the daifuku from sticking together. It’s done.

Normally, when serving daifuku, there will be a small stick or Kuromochi (黒文字) which symbolizes eating the dessert by cutting it into bite-sized pieces before eating. Usually, the dessert is not very big and can be cut into about 3-4 times.

Sembei

Next up is sembei, a crispy rice cracker that comes in a variety of shapes, sizes, and flavors. It is usually salty (a flavor from soy sauce), but sweet flavors can also be found. Sembei are usually eaten with green tea as a snack and served to guests at home. Sembei are usually baked or grilled in the traditional way. During cooking, the sembei may be brushed with a seasoning sauce, most commonly made from soy sauce and mirin, and then wrapped in seaweed and seasoned with salt. Sembei are served with tea without the Kuromochi sticks like daifuku, and it is known that it is polite to eat them with your hands.

DangoDangoDango

Ranked third is Dango, a Japanese sweet made by molding sweet rice flour and boiling it. Sometimes it is eaten with sweet soy sauce, red bean paste, or green tea, or sometimes it is grilled over a low heat before being eaten with various sauces to enhance the flavor. Dango can be modified to have many flavors and is served on a stick before being grilled or topped with sauce. It is easy to pick up and eat, so it has become a popular snack for Japanese people to eat with green tea. It tastes best when eaten with Ryokucha green tea. It is said that in Japan, rice flour has been used in cooking since ancient times. Mitarashi dango comes from the air bubbles that form when filtering pure water from the Mitarashi well, which flows at the entrance of Shimogamo Shrine. In the past, Mitarashi dango were skewered with 5 dango balls per stick, with the top dango representing the head, the next 2 representing the arms, and the other 2 representing the legs. If you offer dango to the gods, it is believed that they will become the representative who will take away the bad luck instead of you.

If any shop would like to try making dango by themselves, the shop can do so. The method is similar to making bua loy in our country.

Ingredients: 250 grams of white tofu, rice flour (or mochi flour) + 200 grams of sugar.

Easy to make: First, knead the tofu and rice flour together with your hands until the dough is soft, not too soft and not too hard. Then, shape it into a ball. Boil water in a large pot until it boils and add the dango balls. Continue to boil until they float to the surface. When they float to the surface, boil for another 2-3 minutes and scoop them out and place them on a paper plate. Skewer them and eat with sauce or grill them over low heat as you like. Serve with the shop’s hot green tea. We guarantee that customers who come to the shop will feel like they have gone to Japan.

Source

https://www.pinterest.com/pin/325807354293426536/

https://moichizen.exblog.jp/13348925/

https://www.pinterest.com/pin/14707136267674817/

https://www.japancentre.com/en/recipes/1669-matcha-ganache-filled-strawberry-daifuku

Article from: Fuwafuwa

What Causes Tea to Form Sediment as It Cools?

เคยทานชาเขียวแล้วมีผงชาเขียวนอนก้นเป็นตะกอนกันมั้ยคะ?

ตะกอนที่เห็นอยู่นั้นแท้จริงแล้ว คือ ผงชาที่ละลายไม่หมด เป็นผลมาจากการชงที่ไม่ดีส่วนนึง เพราะผงมัทฉะที่ดีจะค่อนข้างละเอียดมาก ไม่สามารถละลายได้หมดด้วยน้ำร้อนจากการใช้ช้อนคนธรรมดา แต่ควรใช้แปรงชา หรือที่เรียกว่า ฉะเซ็นในการชง จะทำให้ละลายได้ง่ายกว่า หรือถ้าร้านไหนที่ไม่มีฉะเซ็น สามารถลองใส่พวกกระบอกเชคเกอร์ หรือใช้ตระกร้อมือคนแทนก็พอคนให้ผงชาละลายได้อยู่

ตะกอนชา

อย่างไรก็ตามในการบางครั้งที่ใช้ฉะเซ็นในการชงแล้ว บางคนอาจจะพบว่า เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งก็จะเกิดการแยกชั้นได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งชาเขียวที่บรรจุขายทั่วไป เราจะได้เห็นข้างขวดเขียนไว้เสมอว่า “อาจมีตะกอนตามธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย” จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติมากที่ชาแต่ละขวดหลังจากชงแล้วอาจจะมีตะกอนหลุดรอดออกมานั่นเองMatcha Matcha

พูดถึงตัวผงฝุ่นในชาเป็นผลมาจากการตกตะกอน ซึ่งเรียกว่า ‘ครีมชา’ จะเกิดขึ้นเมื่อชามีอุณหภูมิเย็นลงต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส สารประกอบในชา อย่างระหว่างคาเฟอีนและโพลีฟีนอลจะจับตัวกันอย่างอ่อนๆ ซึ่งหากชาเมนูไหนที่มีการใส่นม ก็จะเกิดปฏิกิริยาระหว่างโปรตีนในนม และ โพลีฟีนอลต่างๆ มีผลให้เกิดตะกอนมากขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การผสมชาและน้ำใหม่ที่ต้มแล้วเข้าด้วยกัน จะทำให้ใบชาตกตะกอนอยู่ด้านล่างของกาที่ใช้ชงชาได้เช่นกัน เพื่อเป็นการลดการสัมผัสระหว่างใบชาและน้ำ แนะนำให้ทำการคนชาทุกครั้งเพื่อกระตุ้นชาและทำให้มีการละลายที่เหมาะสม

กรณีที่ชาของบางร้านไม่ตกตะกอนเลย จึงอาจเป็นที่น่าสงสัยได้ว่า ร้านนั้นไม่ได้ใช้ผงมัทฉะจริงๆ แต่ อาจจะเป็นการใช้เป็นไซรัปรสชาเขียวแทน หรืออาจใช้ผงชงสำเร็จรูปเพื่อลดระยะเวลาในการชง ซึ่งทำให้ราคาก็จะลดหลั่นกันไปตามวัตถุดิบที่ใช้นั่นเอง

นอกจากตะกอนที่มักเกิดที่ก้นถ้วยแล้ว ในบางครั้งจะเจอกรณีที่กากชา หรือ ใบชาสีเข้ม ที่ลอยอยู่ด้านบนของชาที่ชงแล้วแทนนอนก้น กรณีดังกล่าว เป็นผลของส่วนประกอบน้ำหนักโมเลกุลที่สูง เกิดจากแคลเซียม และ ไบคาร์บอเนตไอออน ที่ผิวหน้าของน้ำ ตามปกติแล้ว กากชาจะเกิดขึ้นในชาที่มีความเข้มข้นสูง อย่างไรก็ตามการบริโภคกากชา หรือตะกอนชาที่มีปริมาณน้อยกว่า 1 มิลลิกรัมของกากชาที่เกิดขึ้นในถ้วยชานั้น จะไม่เป็นอันตรายใดๆต่อสุขภาพของผู้ดื่ม

Matcha Matcha

ที่มา

https://japanesegreenteaonline.com/

https://www.stylecraze.com/trending/tea-drinks-for-weight-loss/

http://www.honannchasou.net/shihou_18.html

บทความจาก : Fuwafuwa

The Art of Designing Beverage Packaging to Delight Your Customers

เคยสงสัยมั้ยว่าสินค้าดีมีคุณภาพ บางทีก็อาจจะไม่ดึงดูดใจลูกค้า เพราะในยุคสมัยนี้ Packaging เป็นอีกเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงนี้ผู้บริโภคหันมาสั่งอาหารดิลิเวอรี่กันมากขึ้น ขวดบรรจุชาพร้อมดื่ม ที่ไว้ใส่เครื่องดื่มให้ลูกค้าที่สั่งดิลิเวอรี่ จึงกลายเป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้คุณภาพและรสชาติของชาขวดนั้นๆ

matcha package

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบขวดชาพร้อมดื่ม

1. ขวดชาต้องมีเอกลักษณ์ ง่ายต่อการจดจำจะทำให้สินค้าของเราโดดเด่นออกมาจากสินค้าชนิดเดียวกันที่อยู่ตามท้องตลาด อาจใช้สีในการแบ่งแยกประเภทชา เช่นชาเขียว ขวดสีเขียว ชาโฮจิฉะ ชวดสีเทา ชาอู่หลงขวดสีเหลือง หรือการใช้รูปทรงของฉะเซ็นที่ช่วยให้ลูกค้าจำและนึกถึงชาของที่ร้านได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

matcha packaging

2. ขวดต้องเปิดง่าย ใช้งานได้สะดวก หลายครั้งที่บรรจุภัณฑ์มีฟังก์ชันและลูกเล่นที่โดดเด่น น่าสนุก แต่กลับต้องเสียกลุ่มลูกค้าไปเพราะใช้งานยาก ขนส่งแล้วหก ถือแล้วเปื้อนมือ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าของเรานั้นเป็นภาระนั่นเอง

3. อย่าลืมเรื่องราวของแบรนด์และสินค้าไม่ว่าจะเป็นแนวคิด แรงบันดาลใจ ภูมิหลัง ถือเป็นกิมมิคเล็กๆ ที่จะช่วยสร้างการรับรู้และทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์และสินค้าของเราได้ลึกซึ่งยิ่งขึ้นเอาเรื่องราวมาสร้างสรรค์ด้วยกราฟฟิคดีไซน์บางจุด อาจจะเป็นการใช้ไอค่อนเล่าเรื่องราว หรือเป็นการติดแท็กเพิ่มเติมที่ขวด ก็ช่วยให้ลูกค้าอินไปกับสินค้าเราได้มากขึ้น แทนการเขียนทุกอย่างลงบนขวดชา

tea packaging

หลังจากที่คำนึงถึงเรื่องราวนี้แล้ว มาดูในเรื่องของเทรนด์การออกแบบบ้าง

1. Simple or Minimalน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ เป็นหนึ่งเทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์มาแรงที่เอาชนะใจลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม เทรนด์นี้เป็นที่นิยมในกลุ่มคาเฟ่ และร้านขนมช่วงนี้ ดีไซน์ที่ขาวสะอาด สีสันสบายตา มีภาพและตัวอักษรน้อยๆ ออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่อัปโหลดลงอินสตาแกรมได้อย่างมีสไตล์ สามารถครองใจลูกค้ายุคนี้ได้แน่นอน

green tea package

2. Collaboration เป็นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ผ่านการร่วมมือกันของแบรนด์ 2 แบรนด์ โดยการนำโลโก้หรือจุดเด่นของแบรนด์นั้นๆ มารวมกันไว้บนบรรจุภัณฑ์เกิดเป็นดีไซน์ใหม่ที่น่าสนใจ อย่างเช่น การให้นักวาดภาพ illustor ชื่อดัง มาช่วยสร้างสรรค์ผลงานบนขวดชา หรืออย่างที่พบเห็นได้บ่อยในบ้านเราจะเป็ฯ น้องมะม่วง ที่มักจะไปโลดแล่นบนผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้นเอง แต่ทั้งนี้ ก็อย่าลืมที่จะเลือกการ Collab ให้เหมาะกับสินค้าของทางร้านด้วย

3. Intelligent Packagingคือการนำเอาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบ เช่น การใส่ QR code ลงไปเพื่อสแกนดูรายละเอียดของสินค้า หรือการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยให้บรรจุภัณฑ์เปลี่ยนสีเมื่ออาหารใกล้ถึงวันหมดอายุ ซึ่งในไทยมีการใช้นวัตกรรมนี้ค่อนข้างน้อย จึงสามารถเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

4. Personalized packaging เป็นการให้ลูกค้าออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้นๆได้เอง เช่น สามารถเขียนข้อความลงไปได้ หรือวาดรูปลงไปเองได้ เพื่อให้ชาขวดนั้นๆ มีความแตกต่างและแสดงความรู้สึกของลูกค้าคนนั้นๆได้

matcha design package

เพราะการได้ซื้อของที่มีแพคเกจที่สวย เหมาะกับการถ่ายรูปลงโซเชียลนั้น นอกจากจะทำให้สินค้านั้นมี Value มากขึ้นในการที่จะส่งมอบให้คนอื่นๆในเทศกาลต่างๆแล้ว ยังเป็นการบอกต่อของผู้บริโภคด้วยกันเองโดยที่ทางร้านไม่ต้องเสีย Budget ในการทำการตลาดเลย

matcha bottle

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/542894930081180183/

https://www.pinterest.com/pin/628955904180276261/

https://www.packagingoftheworld.com

บทความจาก : Fuwafuwa

 

Matcha Magic: Crafting Exquisite Green Tea Donuts for Every Occasion

จะเห็นว่าช่วงนี้เทรนด์โดนัทกำลังมา หลายๆร้านเริ่มทำโดนัทในรูปแบบต่างๆ ร้านขายเฉพาะโดนัทอย่างเดียวเปิดใหม่ก็เยอะขึ้น แม้กระทั่งแบรนด์ไก่ทอดชื่อดังก็มีการเอาเมนูโดนัทเข้ามามิกซ์กับเมนูที่ร้าน Matchazuki จึงพลาดไม่ได้ที่จะพาไปดูไอเดียดีๆจากร้านโดนัทน้องใหม่ที่เกียวโต อย่างร้าน Koe Donut และร้านโดนัทที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักอันดับต้นๆของญี่ปุ่นอย่างร้าน Floresta nature donuts

Koe Donutsภายในร้านจะพบกับโดนัทหน้าตาไม่คุ้นเคย และรสชาติใหม่ๆที่ไม่มีในไทยหลายตัวที่น่าลอง เช่นโดนัทชาเขียว โรยตกแต่งด้วยถั่วพิซาชิโอ เป็นต้น แม้ว่าโดนัทในร้านทุกชิ้นจะทำจากส่วนผสมที่เรียบง่ายที่ให้รสชาติโดนัทแบบดั้งเดิมแต่ด้วยความสดใหม่ที่ผลิตโดนัทขึ้นเองทุกเช้าประกอบกับไอเดียการสร้างสรรค์โดนัทมากมาย ทำให้ร้านนี้ไม่ว่าใครผ่านไปมาที่เกียวโต ต้องแวะเข้าไปอย่างแน่นอน ภายในร้านยังมีโซน “Powder Factory” ที่สามารถชมวิธีการทำโดนัทได้สดๆ  ขณะที่นั่งรับประทานไปได้ด้วย ซึ่งความตั้งใจของแบรนด์จริงๆแล้ว คือ อยากจะสร้างความเชื่อมโยงกันระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่น แฟชั่น งานออกแบบที่ทันสมัย และอาหาร และส่งเสียงนี้ออกไปให้โลกได้รับรองในหลากหลายรูปแบบโดนัทที่ทำออกมาแต่ละตัวจึงมีความสวยงาม ไม่ซ้ำโดนัทแบบเดิมๆ อย่างเช่นการเอาถั่วเม็ดโตที่เป็นเอกลักษณ์ในการทำขนมวากาชิของญี่ปุ่นมาตกแต่งเป็นหน้าขนมโดนัท หรือที่เมืองเกียวโตขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยของชาเขียว ทางร้านเลยจัดเมนู Uji matcha tiramisu Donut melt ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์การเสิร์ฟโดนัทที่คุ้นตาให้เป็นในรูปแบบเค้กนี่เอง

Koe Donuts Koe Donuts

ดูแผนที่ https://goo.gl/maps/cpa9MAamNvmZMzDb8

ดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่https://www.instagram.com/koe_donuts/?hl=en

Floresta nature donuts

อีกร้านที่หลายคนคุ้นชื่ออยู่แล้วอย่างFloresta nature donutsในย่าน Koenji โตเกียว โดนัท ร้านนี้ใช้แป้ง  organic เนื้อโดนัทออกจะหยาบตามสไตล์แป้ง wholewheat ทำออกมาหลายรูปทรง และมีโดนัทที่ทำเป็นรูปสัตว์น่ารักๆมากมายที่ใช้ส่วนผสมของเกลซรสชาติต่างๆทั้งชาเขียว ช็อคโกแลต สตอเบอรี่ ให้ขนมออกมาน่ารักสดใส ลืมภาพโดนัทกลมๆมีรูตรงกลางปกติไปเลย ร้านนี้มีหลายสาขานอกจากที่โตเกียวก็ยังมีที่นารา เกียวโต โอซาก้า

Floresta nature donuts Floresta nature donuts

หลังจากได้ไอเดียการสร้างสรรค์โดนัทรูปแบบต่างๆแล้ว จะพามาต่อยอดไอเดียกับเมนูโดนัทชาเขียว ด้วยการตกแต่ง 3 รูปแบบ ที่ใช้ส่วนผสมน้อย และทำง่ายมาก ได้แก่

  1. Matcha Glaze ทำง่ายมากเพียงเอาผงชาเขียวและไอซิ่งผสมกัน แล้วเทนมอัลมอนด์ลงไปคนจนเข้ากัน แล้วเอาโดนัทมาชุบเป็นเกลซชาเขียวได้เลย ส่วนผสมสูตรนี้ ได้แก่
  • น้ำตาลไอซิ่ง ½ ถ้วย
  • ผงชาเขียว ⅛ ถึง ¼ ช้อนชา ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ขนมที่มีความเขียวมากน้อยแค่ไหน
  • นมอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ

   2.  Matcha Cane Sugar ตัวนี้สีชาเขียวจะไม่เข้มมาก เริ่มจากการเอาโดนัทที่ทำเสร็จแล้วมาชุบน้ำมันมะพร้าวก่อน แล้วถึงเอาไปคลุกกับน้ำตาลอ้อยและผงชาเขียวที่ผสมรอไว้ก่อนแล้ว จะได้โนนัทสีเขียวอ่อน ส่วนผสมสูตรนี้ ได้แก่

  • น้ำตาลอ้อย ½ ถ้วย
  • ผงชาเขียว ¼ ถึง ½ ช้อนชา ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ขนมที่มีความเขียวมากน้อยแค่ไหน
  • น้ำมันมะพร้าว ⅓ ถ้วย

   3. Matcha Powdered Sugar หลังจากทอดโดนัทสร็จก็เอาไปชุบผงชาเขียวกับไอซิ่งที่ผสมกันไว้ก่อนแล้ว ตัวผงจะเกาะที่แป้งโดนัท ทำให้เห็นเป็นสีเขียวอีก texture ส่วนผสมสูตรนี้ ได้แก่

  • น้ำตาลไอซิ่ง ½ ถ้วย
  • ผงชาเขียว ¼ ถึง ½ ช้อนชา ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ขนมที่มีความเขียวมากน้อยแค่ไหน

หรือใครจะทำตัวโดนัทจากแป้งชาเขียว แล้วตกแต่งด้วยไวท์ช็อคโกแลต หรือไอซิ่งที่ขาวให้ตัดกันกับโดนัทก็สสวยน่าทานไปอีกแบบ หรือแม้แต่การเปลี่ยนรูปทรงของโดนัท ชาเขียวที่เคยทำให้เป็นทรงอื่นๆ ก็เพิ่มความน่าทานของโดนัท และอยากถ่ายรูปแชร์ลงโซเชียลแน่นอน

Matcha Donut Matcha Donut Matcha Donut

ที่มา

https://twitter.com/hashtag/florestadoughnuts

https://thesweetwanderlust.com/sweets-eats/best-desserts-in-tokyo/

http://www.supertastermel.com/2015/05/cute-animal-donuts-at-floresta.html

https://www.loveandlemons.com/matcha-baked-doughnuts/

บทความจาก : Fuwafuwa

ชา ทำ cold brew ได้มั้ยนะ…?

หลายคนอาจจะคุ้นชินกับกาแฟ Cold Brew ซึ่งเป็นกาแฟที่มีความหวานมากกว่ากาแฟที่ชงด้วยวิธีอื่นเนื่องจากมีกรดต่ำ เพราะใช้น้ำเย็นสกัดระดับคาเฟอินในปริมาณต่ำเมื่อเทียบกับกาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งคอชาเลยอาจจะสงสัยว่า ชา สามารถนำไปผ่านกรรมวิธีเช่นเดียวกับการทำ Cold Brew กาแฟได้มั้ยนะ?

Tea Cold Brew

หลักของการทำ Cold Brew คือ การสกัดเย็น สามารถใช้ได้ทั้งน้ำที่อุณหภูมิห้อง หรือจะใช้น้ำเย็น 5-15 องศาก็ได้ ตามปกติแล้ว ถ้าเราใช้น้ำร้อนชงชา คาเตชินและคาเฟอีนในใบชาจะออกมากับน้ำร้อน เพราะสารสองตัวนี้ละลายที่อุณหภูมิสูง ราว 80-90 องศาขึ้นไป สารสองตัวนี้จะให้รสขม ในขณะที่รสอุมามิของชาที่หลายคนชอบดื่มด่ำ ซึ่งเกิดจากกรดอะมิโน จะละลายที่อุณหภูมิตั้งแต่ 60 องศาขึ้นไป ดังนั้น พวกชาเขียวที่อุดมไปด้วยรสอุมามิ อย่างเกียวขุโระ จึงต้องชงด้วยน้ำอุณหภูมิ 40-60 องศา

ดังนั้นหากเราแช่ใบชาในน้ำเย็น รสขมของชาจะออกมาน้อยกว่าการชงแบบร้อน เหมาะสำหรับคนชอบดื่มชารสนุ่มๆ แบบอูมามินั่นเอง

Tea Cold Brew Tea Cold Brew

วิธีการทำชา cold brewทั้งชาดำ ชาอู่หลง

  1. ใช้ใบชา 4 กรัม ต่อน้ำ 200-250 มล
  2. นำใบชาใส่ถุงชาใช้แล้วทิ้ง
  3. นำถุงชาที่ใส่ใบชาแล้วแช่ลงไปในน้ำ ปิดฝาให้แน่น
  4. นำชาแช่ในตู้เย็น เป็นระยะเวลา 6-12 ชั่วโมง
  5. พอครบ ให้ดึงถุงชาออก ชาที่เย็นแบบนี้ สามารถเก็บได้ในตู้เย็นราว 3-4 วัน รสชาติก็ไม่เปลี่ยน ไม่มีความขมเพิ่ม

แต่ข้อควรระวังสำหรับชาเขียว จะขมได้ง่ายมาก ให้ลดปริมาณชาลง เหลือใบชา 3 กรัม ต่อน้ำ 500 มล. และแช่ชาเพียง 3-6 ชั่วโมง  และปกติแล้ว เวลาชงร้อนเรามักได้ กลิ่นหอมจากการชง แต่การชงชาแบบ Cold brew จะไม่มีกลิ่นหอมชวนดื่ม

แม้ว่าใบชาที่ผ่านการ cold brew แล้ว อาจจะนำมาชงร้อนซ้ำได้อีกสักครั้ง แต่รสชาติจะเหลือน้อยแล้ว แนะนำให้ทิ้งไปเลยจะดีกว่า

ส่วนการใช้ผงชาเขียวทำ Cold Brew นั้น ให้ใช้ผงชา 1 ช้อนชาลงไปในขวดที่มีฝาปิด และเทน้ำลงไป 1.5 ถ้วย ปิดฝาแล้วเขย่าประมาณ 15 วินาทีเป็นอันเรียบร้อย

Tea Cold Brew

ที่มา

https://pickledplum.com/cold-brew-tea/

https://theteacupoflife.com/2019/04/cold-brew-matcha.html

https://matchaoutlet.com/blogs/recipes/cold-brew-summer-matcha-drink

บทความจาก : Fuwafuwa

Can You Reboil Tea Without Affecting Its Quality?

หลายคนคงเคยชินกับการชงชาจากถุงชาซ้ำสองถึงสามรอบ หรือใช้ใบชาที่ผ่านการชงแล้วมากกว่า 1 ครั้ง แม้จะมีความสงสัยกับการชงชาว่าหลังจากต้มน้ำแล้ว เอามาชงซ้ำอีกรอบได้มั้ย เพราะดูๆแล้วยังชงดื่มได้อีก สักรอบถึงสองรอบ

Green tea Green tea

โดยปกติแล้วผงชา หรือใบชาบดทุกชนิด มีความเข้มข้นในตัวเอง หากมีการนำมาต้ม หรือโดนน้ำร้อน จะทำให้น้ำร้อนสกัดรสชาติและความเข้มข้นของชาออกมา และเมื่อตอนเราบีบน้ำให้ออกมาจากใบชา ยิ่งบีบแรงเท่าไหร่ ก็จะได้ความเข้มข้นของชามากขึ้น เมื่อผงหรือใบชาที่ผ่านการกรองกากมาแล้วหนึ่งครั้ง ในตัวของผงหรือใบชานั้น ก็ยังคงเหลือรสชาติ และความเข้มข้นอยู่ แต่ไม่เข้มเท่าครั้งแรก ยิ่งชงซ้ำหลายครั้ง รสชาติของน้ำชา ก็จะจืดลงไปเรื่อยๆนอกจากนั้นสีและกลิ่นของชาก็จะลดลง โดยเฉพาะชาที่ผสมนมอย่างเช่น ชาไต้หวัน ชาเขียว ชาไทยแล้วความหวานและกลิ่นของนมจะกลบกลิ่นชาไปอีกด้วย

Green tea Green tea

นอกจากนี้รสชาติ สีสัน และ ความรู้สึกที่สัมผัสจากการดื่มชานั้นมาจากสององค์ประกอบหลักของชา คือ โพลีฟีนอล และ คาเฟอีนแต่ละส่วนประกอบมีรสฝาดในตัวเอง แต่เมื่อมารวมกันความฝาดก็จะลดลง การต้มน้ำให้เดือดอีกครั้งจะทำการลดระดับของ CO2 ซึ่งมีผลในการลดความเป็นกรดลง มีผลต่อองค์ประกอบของคาเฟอีนและโพลีฟีนอล และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนสีรวมทั้งลักษณะของชาที่ชง น้ำที่ต้มสองครั้งจะมีผลต่อรสชาติของชาเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายใดๆ และสารอาหารก็ไม่ได้หายไปไหนอีกด้วย

matcha

อย่างไรก็ตามเมนูชาเย็นแนะนำใช้ชงครั้งเดียว เพราะเมนูชาเย็น ความอร่อยที่แท้จริง คือ รสชาติต้องเข้มข้น กลิ่นต้องหอมนั้นเอง

อย่างไรก็ตามอาจจะมีบางคนที่อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่างั้นการชงชาแค่ครั้งเดียวแต่ทิ้งไว้ในกาชาให้นานขึ้นเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นเลยน่าจะดีกว่าการเอามาชงซ้ำ ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก เพราะอีกตัวแปรที่ส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของชา คือ ระยะเวลาที่เราทิ้งชาเอาไว้ในกาน้ำชา ที่ไม่ต่างอะไรกับการอบขนม ถ้าอบนานเกินไปเค้กอาจจะค่อยๆ แห้งไปเรื่อยๆ จนไหม้ ถ้าทิ้งใบชาไว้ในกานานๆ รสชาติก็จะค่อยๆ ขมขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อร่อยไปเอง ถ้าอยากได้รสชาติหอมหวานจากใบชาเพิ่มมากขึ้น แนะนำว่าให้เพิ่มปริมาณใบชา แทนที่จะใช้วิธีทิ้งใบชาแช่ในกาให้นานขึ้น ไม่เช่นนั้นน้ำชาอาจจะออกมาขมจนดื่มไม่ลงเลยก็ได้ หรือเอาชาใบเก่า กลับมาชงได้อีกรอบจะเป็นวิธีที่ดีกว่านั้นเอง

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/244461086010500412/

https://kinarino.jp/cat8/25451

https://e-yamamotoen.com/?pid=105742195

บทความจาก : Fuwafuwa

Expand your menu from ideas from creative restaurants

Uji City, a city famous for green tea. Many people have probably heard that the whole city is full of shops selling sweets and drinks made from green tea. Just thinking about it, you can smell the fragrant tea along the way to visit this city. In addition to being famous for its deliciousness and full of ideas for making sweets with a green tea flavor, what’s more interesting is that each shop has a variety of ideas that Thai green tea restaurant and cafe operators should apply to increase their selling points and also to make the most of the green tea powder ingredients available in the shop.

The first shop that we will introduce is Sobadokoro Nagano . This shop makes green tea soba. First, try the soba noodles without dipping them in sauce. You will feel the full aroma of green tea mixed in the noodles. When you dip them in the sauce, you will get a slightly sweet taste. Inari sushi is also special because inside is not rice but regular soba noodles mixed with green tea soba as well.

See the map at https://goo.gl/maps/TdDzEQUNB4CE8vzz5

uji kyoto uji kyoto

The next shop we will introduce you to is Matcha Republic , which sells green tea drinks in unique ink bottles. There are both pearl and sakura flavors, which are packaged in bottles to create beautiful layers. Whether you buy them for yourself or as souvenirs, they are unique and stylish. You can forget about the usual matcha latte.

See the map at https://goo.gl/maps/UB6RqZceBngnw3XZ9.

uji kyoto uji kyoto

Another shop that looks like a normal butcher shop but has green tea croquettes with a fragrant tea aroma. They are sweet and have a soft texture. They are even more delicious when fried fresh. They are also hard to find. If you pass by there, don’t forget to stop by and try them at Niku no Hariyoshi.

See the map at https://goo.gl/maps/zx8MdGeTdBreQbpr7.

uji kyoto uji kyoto

Another interesting shop is Tako Q (蛸Q) which mixes green tea powder with flour and sauce to make green tea takoyaki and green tea gyoza, eaten with green tea powder mixed with a little salt. This is another idea that many people might not have thought of that green tea powder could be used to make snacks. And importantly, in Thailand, green tea powder is almost never used in food. This is another idea that might create a wow factor for your shop.

See the map at https://goo.gl/maps/3dQqrKTm4PJPYLwh7

uji kyoto uji kyoto

For any shops that want to add new menus to their shop but don’t know which menu to add, try looking wider than using green tea to make desserts and drinks. Changing the way the green tea menu is served in the shop in the old way will create color and excitement for customers.

Source

https://tabelog.com/kyoto/A2607/A260701/26005936/

https://www.matcha-republic.com/menus

Article from: Fuwafuwa