ไอเดียเมนูเบเกอรี่ชาเขียวแบบไม่ง้อเตาอบ

การทำเบเกอรี่อาจจะดูเป็นเรื่องยุ่งยากของใครหลายๆคน ทั้งด้วยเรื่องอุปกรณ์ที่ต้องลงทุนเพิ่มมากมาย เตาอบก็กินพื้นที่ในร้าน แถมการอบขนมก็ยังควบคุมคุณภาพยากไปสำหรับมือใหม่หัดลองทำขนม ลองมาดุไอเดียดีๆของขนม”ไม่อบ” ทำง่าย ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง แถมเพิ่มเทคนิคในการจัดตกแต่ง ทำให้ขนมไม่อบที่แสนง่าย สวยน่าทาน ดูมีมูลค่ามากขึ้น

เริ่มจาก เมนูแสนง่ายอย่างเครปเค้กชาเขียวที่ใช้เพียงกระทะ ในการทำแผ่นแป้งเครป สามารถครีเอทเมนูน่าทานได้

เครปเค้กชาเขียว เครปเค้กชาเขียว

เริ่มจากนำไข่ 3 ฟอง +  นม 1 ½ ถ้วย + น้ำตาล 1 3/4 ช้อนโต๊ะ + แป้ง 1 ถ้วย + ผงมัทฉะ 1 ช้อนโต๊ะ + ผงฟู 1 ช้อนชา และ เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ  ผสมให้เข้ากัน เทส่วนผสมทั้งหมดหลังจากคนเข้ากันแล้ว ผ่านกระชอนและพักไว้ในตู้เย็น 2 ชั่วโมง เอาออกมาทอดบนกระทะ บางๆ ให้สุกทั่ว แล้ววางพักไว้ให้เย็น ต่อที่การทำครีมสดแสนอร่อย เพียงนำ วิปปิ้งครีม 3/4 ถ้วย + น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ + เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะมาตีด้วยตะกร้อมือจนตั้งยอดแข็ง แช่เย็นพักไว้

นำแป้งมาาวาง สลับกับการปาดครีมสดลงไปบาางๆที่ละชั้นซ้อนกันจนสูงเท่าท่ต้องการห่อด้วยพลาสติกให้แน่นและแช่แข็งเป็นเวลา 4 ชั่วโมง เอามาตกแต่งตามสไตล์ที่ชอบ เช่น เทช็อกโกแลตลงบนเครปแล้วปล่อยให้แห้ง

โรยด้วยผงมัทฉะและทองคำเปลว หรือจะครีเอทไปอีกตั้งแต่ตอนวางแป้งเครป จากการวางซ้อนกัน ให้เป็นการวางเป็นวงกลมแทน ก็จะได้ขนมไม่อบในรูปแบบเก๋ไก๋ ไม่ซ้ำร้านไหนเลย

มูสชาเขียว

นอกจากเครปเค้ก การทำมูสชาเขียว ก็เป็นขนมอีกประเภทที่นิยมทำกัยสำหรับครัวที่ไม่มีเตาอบ เพิ่มความแตกต่างหลากหลายด้วยการจัดตกแต่งที่ทำให้ขนมดูสวย น่าทาน สามารถดูวิธีทำมูสชาเขียวได้ที่ https://matchazuki.com/matcha-mousse-pie/

อีกเมนูที่เป็นสูตรหวานน้อย และเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ คือ การทำ มัทฉะบาร์

มัทฉะบาร์ มัทฉะบาร์

แป้งข้าวโอ๊ต ผงมัทฉะและเกลือ ส่วนผสมสำคัญที่ใช้ในการทำขนมไม่อบตัวนี้ เททั้งหมดลงในชามผสมขนาดใหญ่คนให้เข้ากัน ใส่น้ำเชื่อมเมเปิ้ล เนย นมอัลมอนด์และวานิลลา ผัดจนได้แป้งโดว์ ใช้มือเปียกกดลงในจานอบที่เตรียมไว้ให้เท่าๆ กัน เคลือบช็อกโกแลตโดยใส่ช็อกโกแลตชิพน้ำมันมะพร้าวและเนยลงในชาม เข้าไมโครเวฟ 20 วินาที หรือจนกว่าจะละลาย เทช็อกโกแลตให้ทั่วแท่งแล้วใช้ไม้พายเกลี่ยให้ทั่ว แช่แข็งอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนหั่นเป็นแท่งตามขนาดที่ต้องการ บางร้านใช้การผสมธัญพืชเข้าไปอีกเพื่อให้มีสารอาหารที่มากขึ้น

Matcha Bar

พานาคอตต้าชาเขียวขนมอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องใช้เตาอบ ทำง่าย และสามารถเปลี่ยนพิมพ์ได้หลากหลายทรงตามความชอบ และตกแต่งได้หลายแบบ ทั้งราดซอสสตอเบอรี่ โรยถั่วพิตาชิโอ้ ขนมไม่อบ ทานแบบเย็นเหมาะกับอากาศร้อนๆบ้านเรา

พานาคอตต้าชาเขียว พานาคอตต้าชาเขียว

วิธีทำพานาคอตต้าชาเขียวอย่างง่าย เพียงแค่ แช่เจลาติน 8 กรัม ในน้ำเย็นจนนิ่ม เทใส่ครีม 750 มล. + นม 300 มล + น้ำตาลทราย 160 กรัม และกลิ่นวนิลา คนด้วยไฟอ่อนๆ จนเจลาตินละลายหมดแล้วจึงนำออกจากเตา กรองส่วนผสมลงในแม่พิมพ์แล้ว แช่เย็นเป็นเวลา 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน เวลาเสิร์ฟ สามารถเสิร์ฟได้ทั้งพิมพ์ หรือเทออก ก็ได้ตามความชอบ

พาร์เฟต์ชาเขียว พาร์เฟต์ชาเขียว พาร์เฟต์ชาเขียว

อีกหนึ่งเมนูที่เห็นบ่อยที่ญี่ปุ่น คือ พาร์เฟต์ชาเขียวที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามในแก้วทรงสูง เรียงสลับกับครีมสดหลากหลายรสชาติกันตามสไตล์ของแต่ละร้าน ขนมที่ไม่ต้องใช้เตาอบ และเตรียมวัตถุดิบง่ายที่สุด ท้อปปิ้งด้วย นามะมัทฉะช็อคโกแลต หรือจะเป็นวุ้นชาเขียวญี่ปุ่น ที่เรียกว่า โยคัง ก็ได้ เพิ่มความหนึ่บระหว่างชั้นด้วยโมจิก้อนกลม  แก้เลี่ยนระหว่างชั้นด้วยผลไม้รสเปรี้ยว คอนเฟลค หรือถั่ว เพียงแค่นี้ ก็ได้ขนมแสนอร่อยโดยไม่ต้องใช้เตาอบเลย ถึงแม้ว่าการทำขนมที่อุปกรณ์จะเยอะมากจนหลายคนไม่กล้าที่จะลองทำเมนูใหม่ๆมาขายในร้าน แต่ ขนมไม่อบ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ง่าย สะดวก และเหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำขนมแน่นอน

ที่มา

https://www.snixykitchen.com/mint-chocolate-mousse-toasted-matcha-meringue/

https://www.hummusapien.com/matcha-protein-bars/

https://balancingandie.com/nobakematchaoatmealbars/

https://www.crazyvegankitchen.com/vegan-matcha-tiramisu-green-tea-tiramisu/

https://www.tastemade.com/videos/matcha-gold-crepe-cakes

บทความจาก : Fuwafuwa

MATCHA MOONCAKE เมนูพิเศษรับเทศกาลไหว้พระจันทร์

เทศกาลไหว้พระจันทร์ของแต่ละประเทศก็มีธรรมเนียมที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่ญี่ปุ่น แม้จะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน แต่ขนมที่ใช้ไหว้ในช่วงเทศกาลนี้กลับแแตกต่างกันออกไป ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนชนมไหว้พระจันทร์ที่เราคุ้นเคยเพราะคนญี่ปุ่น มีความเชื่อกิดขึ้นเมื่อมีขุนนางเป็นผู้ที่นำเข้ามาในช่วงสมัยนาระ-สมัยเฮอัน ในวันขึ้น 15 ค่ำ พลังงานที่มาจากดวงจันทร์จะมีสิ่งลี้ลับที่จะสามารถให้พรที่ขอนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้ (บางครั้งคนญี่ปุ่นจะจินตนาการเห็นเงาบนพื้นผิวพระจันทร์นั้นเป็นรูปร่างคล้ายกระต่ายที่กำลังตำขนมโมจิ) โดยส่วนใหญ่ชาวนามักจะไหว้เพื่อแสดงการขอบคุณหลังจากที่ได้เก็บเกี่ยวพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยส่วนใหญ่ชาวนามักจะขอพรจากดวงจันทร์ให้เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตที่ดี พืชผลอุดมสมบูรณ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและเพื่อขอพรให้ได้พืชผลที่ดีในปีต่อๆไป

mooncake mooncake

วันนั้นผู้คนจะเฉลิมฉลองด้วยการเตรียมอาหารประจำฤดูใบไม้ร่วงในการบวงสรวงพระจันทร์ คือขนมไหว้พระจันทร์ซึกิมิ ดังโงะ (月見 団子tsukimi dango)ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าและน้ำตาล นำไปนึ่งพร้อมปั้นเป็นลูกกลมๆ ส่วนมากก็จะปั้นโมจิทรงกลมทั้งหมด 12 ลูกตาม 12เดือนในหนึ่งปี หรือ 15ลูกตามคำเรียก “คืนที่สิบห้า” ซึ่งดังโงะแต่ละพื้นที่ก็มีหน้าตาแตกต่างกันออกไป และขนมสมัยใหม่ ก็มีการดัดแปลงเอาโยคัง หรือเนริกิริมาปั้นให้เป็นรูปร่างกระต่ายมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับเทศกาล

mooncake

อย่างไรก็ตามในไทยยึดความเชื่อตามแบบจีนแท้ๆ ที่มีการใช้ขนมไหว้พระจันทร์ หลากหลายไส้ อย่างไส้ยอดนิยมหรือไส้ดั้งเดิมจะเป็น ไส้ทุเรียน , ไส้ลูกบัว เป็นต้น แต่เดี๋ยวนี้มีไส้แปลกใหม่ เช่น ไส้ช็อกโกแลต, ไส้ชาเขียว, ไส้คัสตาร์ด และอีกมากมาย แน่นอนว่าไส้ต่างๆของขนมไหว้พระจันทร์ช่วยสร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้กับช่วงเทศกาลเป็นอย่างยิ่ง นอกจากไส้ขนมที่มีมากขึ้นแล้ว หลากหลายร้านก็ยังเพิ่มเติมความแปลกใหม่ให้กับตัวแป้งขนมไหว้พระจันทร์ด้วย ถ้าเป็นขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำรับก็ต้องเป็น “แป้งอบ”แต่เดี๋ยวนี้ก็จะมีแป้งขนมไหว้พระจันทร์แบบไม่อบหรือที่หลายคนเรียกว่า “แป้งบัวหิมะ”มาช่วยเพิ่มสีสันด้วย เพราะในแป้งแบบไม่อบนี้สามารถเติมสีสันได้ตามต้องการ ส่วนมากจะนำมาห่อไส้สมัยใหม่หรือไส้ที่ต้องกินแบบเย็นๆ

mooncake mooncake mooncake

แป้งขนมไหว้พระจันทร์แบบอบไม่มีอะไรที่ซับซ้อนนัก เพียงผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันแล้วนวดจนเนียนเข้ากันดี จึงนำไปห่อไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่เตรียมไว้ กดใส่พิมพ์ เคาะออกมา แล้วนำไปอบให้สุกตามสูตรก็เป็นอันเสร็จ ซึ่งวิธีทำแต่ละร้านก็จะแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่ขนมไหว้พระจันทร์แบบอบจะทำเป็นสอดไส้ชาเขียวผสมเม็ดบัว หรือเกาลัด เพื่อให้ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น และความกลมกล่อมของชาเขียวที่เข้ากันกับเกาลัด นอกจากทำเป็นไส้ขนมได้แล้วยังสามารถเอามาผสมกับแป้งเพื่อทำให้สีแป้งเป็นสีชาเขียวได้เช่นกัน

mooncake

แป้งขนมไหว้พระจันทร์แบบอบให้เป็นสีชาเขียว

1.แป้งสาลี 130 กรัม

2.น้ำมันถั่วลิสง 15 กรัม

3.น้ำเชื่อม 65 กรัม

4.ผงมัทฉะ 8 กรัม ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้แป้งสีเข้มอ่อนแค่ไหน

ขั้นตอนการทำ

  1. การเตรียมแป้ง ผงมัทฉะ ผสมน้ำมันถั่วลิสงและน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน จากนั้นเทแป้งสาลีลงบนโต๊ะแล้วเปิดพื้นที่ว่างเป็นวงตรงกลางแป้ง จากนั้นเทส่วนผสมของน้ำมันถั่งลิสงที่ผสมแล้วลงไปในตรงกลางแล้วผสมให้เข้ากัน นวดจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ตัดแบ่งเป็นชิ้นชิ้นละ 12 กรัม (ปรับขนาดได้ตามต้องการ)
  2. การเตรียมไส้ขนม 50 กรัม ห่อไข่เค็มหั่นครึ่ง 1 ชิ้น โดยวางไข่เค็มไว้ตรงกลาง
  3. การเตรียมขนม กดตัวแป้งให้แบนแล้วจึงใส่ไส้ลงไปและเป็นก้อนกลม เมื่อปั้นเสร็จแล้วให้โรยแป้งบนพิมพ์ขนมเล็กน้อย แล้วจึงใส่ตัวขนมลงไป กดขนมให้แน่น จากนั้นเคาะออกจากพิมพ์แล้ววางบนถาดอบ
  4. การอบ นำขนมเข้าอบในเตาที่ปรับอุณหภูมิไว้แล้ว ที่ไฟบน 230 องศาและไฟล่าง 200 องศา เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นนำออกมาและทาผิวขนมด้านบนด้วยไข่ ก่อนจะเอาเข้าไปอบต่ออีก 10 นาทีก็เป็นอันเสร็จ

ต่อกันด้วย ขนมไหว้พระจันทร์แบบแป้งไม่อบเมื่อไม่ต้องนำไปอบให้สุกอีกครั้งหนึ่ง จึงต้องทำแป้งให้สุกก่อนนำไปห่อไส้ขนมไหว้พระจันทร์ที่เตรียมไว้ แป้งขนมแบบนี้จริงๆ แล้วมีอยู่มากมายหลายสูตร หากใครเคยกิน “แป้งบัวหิมะ – Snow Skin” ของหลายๆ ร้านก็จะรู้ว่าแต่ละเจ้ามีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ส่วนมากแล้วขนมไหว้พระจันทร์แบบแป้งไม่อบจะกินแบบเย็น หากนำไปแช่ตู้เย็นแล้วแข็งเกินไป เพียงนำออกมาวางข้างนอกให้คลายความเย็นลงก็กินได้เลย ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์แบบนี้จะสามารถใส่ผงมัทฉะเข้าไปในระหว่างผสมแป้งได้ เพื่อให้ได้แป้งรสชาเขียว สีสวยสดใสตามที่ต้องการ หรือถ้าใครครีเอทไปอีก อยากจะลองใส่ผงชาโฮจิฉะลงไป ก็น่าสนใจไม่น้อย

mooncake

แป้งขนมไหว้พระจันทร์แบบไม่อบ

  1. แป้งข้าวเหนียว 50 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
  3. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 40 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  5. นมสด 200 กรัม
  6. นมข้นหวาน 40 กรัม
  7. น้ำมันพืช 40 กรัม
  8. ผงมัทฉะ 5 กรัม

ขั้นตอนการทำ

  1. ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำไปนึ่งด้วยไฟกลาง ประมาณ 20-30 นาที (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดภาชนะ)
  2. เมื่อนึ่งส่วนผสมเสร็จแล้ว นำออกมาพักไว้ให้พออุ่น แล้วจึงนำแป้งมานวดให้เนียน
  3. ส่วนไส้ ก็สามารถใส่ได้หลายแบบ หลังจากที่นำแป้งไปห่อไส้แล้ว กดปั้นกลม แล้วนำไปกดด้วยพิมพ์ขนมไหว้พระจันทร์ตามชอบเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ไอเดียเมนูใหม่ ที่ร้านขนมหลายร้านอาจจะนึกไม่ถึง ให้ช่วงเทศกาลพิเศษ มีขนมแบบใหม่ๆออกมา เพื่อเรียกลูกค้าทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ ยิ่งถ้าได้แพคเกจดีๆสวยๆ ทั้งแบบชิ้นเดี่ยว หรือซื้อเป็นชุด ยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับขนมไหว้พระจันทร์ สร้างความประทับใจให้ผู้รับแน่นอน

mooncake

ที่มา

https://www.huangkitchen.com/matcha-green-tea-snowskin-mooncake/

https://songdaygivral.hatenablog.com/entry/cac_loai_banh_trung_thu_givral

https://mobile.twitter.com/mo_hotels/status/500360064214241280

Pumpkin Snowskin Mooncakes 南瓜冰皮月饼

https://goodyfoodies.blogspot.com/2013/09/recipe-homemade-snowskin-mooncakes-with.html

บทความจาก : Fuwafuwa

เมนูสุดฮิต Matcha Croissants

ครัวซองค์เบเกอรี่ที่หลายคนชื่นชอบ มีหลายร้านที่ทำครัวซองค์ออกมาขายในรสชาติยอดนิยม อย่างครัวซองค์อัลมอนด์ , ครัวซองค์เนย, ครัวซองช็อคโกแลต ซึ่งถ้าใครชื่นชอบชาเขียวเป็นพิเศษ ก็อาจจะรู้สึกว่าครัวซองค์ชาเขียวเป็นอะไรที่หากินยาก รอบนี้เลยเอาใจร้านที่มีเมนูครัวซองค์อยู่ในร้านแล้ว แต่อยากต่อยอดให้มีรสชาติแปลกใหม่อย่างชาเขียว ว่ามีเทคนิคอะไรบ้างที่จะทำให้ครัวซองค์ที่ร้าน แต่ต่างจากร้านอื่นๆ

มาเอาใจคนเลิฟมัทฉะครัวซองค์แบบแรกด้วยไอเดียแสนง่ายเพียงเติมผงมัทฉะลงไปในแป้งที่มาทำเป็นโดว์ครัวซองค์  และเวลาอบออกมาแป้งจะได้สีเขียวสวยแตกต่างจากครัวซองค์เนยทั่วไป

Matcha Croissants Matcha Croissants

ไอเดียต่อมาที่ทำง่ายและสีสวยน่ารับประทานคือการบีบครีมสดชาเขียวนุ่มละมุนลงครัวซองค์ การบีบก็ทำได้หลายวิธีและมีหลายหัวบีบที่ทำให้ครัวซองค์แต่ละร้านมีหน้าตาต่างกันออกไป การนำเทคนิคแบบการทำมองค์บลังค์มาบีบครีมสด ก็เป็นอีกไอเดียที่ทำให้ครัวซองค์น่าทานมากขึ้น ซึ่งครีมที่บีบตรงนี้อาจจะผสมถั่วขาวเข้าไปตามสไตล์ขนมญี่ปุ่นก็ช่วยตัดเลียนได้เช่นกัน

Matcha Croissants

นอกจากครีมสดแล้วอีกวิธีที่เห็นได้ทั่วไป คือครัวซองค์เคลือบช็อคโกแลตชาเขียว ตัวนี้เคลือบได้หลายวิธีเลย ทั้งการเคลือบทั้งชิ้น หรือเคลือบแค่ส่วนเดียวแล้วโรยท้อปปิ้งด้วยช็อคโกแลต หรือผงครัมเบิ้ล อัลมอนด์าไลด์ตามชอบ หรือเพิ่มความเข้มข้นให้ถูกใจคนรักชาเขียวด้วยดิปซอสชาเขียว ยิ่งทำให้ขนมน่าทานและเกิดการถ่ายภาพแชร์ต่อกันในโซเชียลได้

Matcha Croissants Matcha Croissants

Matcha Croissants Matcha Croissants Matcha Croissants

ส่วนตัวไส้ครัวซองค์ที่นิยมทานคู่ชาเขียว คงหนีไม่พ้น ถั่วแดงและครีมสด ขนมสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นฝรั่ง

ครัวซองต์ชาเขียว

ส่วนครัวซองที่เป็นชิ้นเล็กๆที่เหลือจากการหั่นครัวซองค์เพื่อขึ้นรูป แนะนำให้หาพิมพ์ CUBE มาแล้วเอาเศษที่เหลือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่เข้าไป ก็จะได้ครัซองค์หน้าตาแบบใหม่ที่ต่างจากร้านอื่นแน่นอน หรือถ้าหากใครอยากได้ลวดลายครัวซองค์ CUBE ที่สวยงาม แทนที่จะขึ้นรูปครัวซองค์ปกติ สามารถขึ้นโดว์ด้วยการม้วนแล้วให้ขึ้นฟูในแม่พิมพ์ก็ได้ พออบออกมาจะได้ลายก้นหอยที่สวยงาม และสามารถใส่ไส้ครีมสดชาเขียว โรยหน้าตกแต่งด้วยไอซิ่ง หรือถั่วพิตาชิโอ้ ยิ่งทำให้น่ารับประทานมากขึ้น

Cube Cube Cube

ถัดจากขนมอีกส่วนที่เป็นหน้าตาของร้านพอกันคือ แพคเกจ ร้านส่วนใหญ่นิยมใช้มักเป็นกระดาษห่อปกติ หรือใส่รวมกันในกล่อง หากอยากสร้างความแตกต่างให้ครัวซองค์ชาเขียว สามารถทำแพคเกจที่แตกต่างออกมาได้ นอกจากจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้ที่ร้านแล้วยังช่วยให้ครัวซองค์แต่ละชิ้นถูกเก็บในกล่องแยกชิ้นกันอย่างดี ไม่เสียหาย

สร้างสรรค์เมนูเดิมๆให้เป็นเมนูใหม่ๆตามแบบฉบับคนรักชาเขียว จะช่วยสร้างมูลค่าให้ขนมที่ร้านน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

ที่มา

https://www.packagingoftheworld.com/2019/10/sweet-home.html?m=1

https://www.pinterest.com/pin/33706697196821794/

IG : @koidb

IG : @tini.artisanbakehouse

บทความจาก : Fuwafuwa

3 ขนมยอดนิยมของคนญี่ปุ่น ที่ชอบทานคู่ชาเขียว

การกินชาเขียวให้อร่อย หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าคนญี่ปุ่นนิยมทานคู่กับขนมหวานญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า วากาชิ แม้ว่าที่จริงแล้วในพิธีชงชามีขนมอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทานคู่ชาเขียวได้ แต่ขนมที่ติดอันดับคนนิยมกินคู่กับการดื่มชาและคนไทยรู้จักกันดี ได้แก่

วากาชิวากาชิ

อันดับ 1 คือ ไดฟุกุขนมแป้งโมจินุ่มหนึบที่พิเศษด้วยไส้ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นไส้ชาเขียวลาวา ไส้ชาเขียวถั่วแดง บางเจ้าก็ใส่ผลไม้เข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย ขนมรสชาติออกหวาน ได้ชาเขียวร้อนๆเสิร์ฟคู่กัน เป็นความอร่อยที่ลงตัว

Daifuku Daifuku

ส่วนใครที่อยากลองปั้นขนมไดฟุกุเอง เสิร์ฟคู่กับชาที่ร้าน เพิ่มสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นให้กับเมนูในร้านสามารถทำได้เองง่ายๆ และต่อยอดเปลี่ยนรสชาติแป้งได้ฟุกุ หรือไส้ได้ตามชอบ

 

 

เมนู ไดฟุกุชาเขียว สตอเบอรี่

  1. แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
  2. แป้งมัน 20 กรัม ( สำหรับทำแป้งนวล )
  3. ผงมัทฉะ 10 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  5. น้ำเปล่า 150 มล.
  6. ถั่วขาวกวนสำเร็จ  200 กรัม + ผงชาเขียว 5 กรัม
  7. สตรอเบอร์รี่

วิธีทำ

  1. แป้งข้าวเหนียว, ผงมัทฉะ, น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน ในภาชนะที่เข้าไมโครเวฟได้ ค่อยๆเติมน้ำผสมจนแป้งไม่เป็นเม็ด ลักษณะจะเหลวข้น
  2. นำส่วนผสมแป้งเข้าไมโครเวฟ โดยใช้พลาสติกแรพไว้ หรือ หา ภาชนะปิดไม่ให้แป้งหน้าแห้ง ใช้ไฟแรงสุดนาน 3 นาที นำออกมาเกลี่ยทุกๆ 1 นาที สังเกตแป้ง ถ้าสุกจะเปลี่ยนเป็นแป้งใส และจะจับตัวเป็นก้อน
  3. นำแป้งที่กวนสุกแล้ว คลุกกับแป้งนวล ตัดแบ่งให้เท่าๆกัน แผ่แป้งให้เป็นแผ่นกลม ใส่ไส้ถั่วขาวที่ผสมกันกับผงชาเขียวเป็นเนื้อเดียวกันที่ห่อลูกสตรอเบอร์รี่ไว้ ปั้นเป็นก้อนกลม คลุกแป้งนวลเพื่อไม่ให้ไดฟุกุติดกัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

โดยปกติของการเสิร์ฟไดฟุกุ จะมีไม้เล็ก ๆ หรือที่เรียกว่า คุโระโมจิ (黒文字)ก็จะเป็นสัญลักษณ์ว่า ให้ทานขนมโดยการตัดแบ่งให้พอดีคำก่อนทานส่วนใหญ่จะเป็นขนมชิ้นไม่ใหญ่มากตัดได้ประมาณ 3-4 ครั้ง นั่นเอง

เซมเบ้

ต่อมาอันดับ 2คือ เซมเบ้ ขนมข้าวกรอบที่มีหลายรูปทรง ขนาด และรสชาติ โดยปกติแล้วจะเป็นรสเค็ม(เป็นรสชาติของโชยุ)​ แต่รสหวานก็มีให้เห็น ส่วนใหญ่แล้วเซ็มเบจะรับประทานคู่กับชาเขียว เป็นขนมและจัดให้แขกที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้านนั่นเอง โดยปกติแล้วเซ็มเบจะทำโดยการอบ หรือย่างถ่านแบบดั้งเดิม ระหว่างปรุงอาจมีการทาเซ็มเบด้วยซอสปรุงรส ซึ่งส่วนมากทำจากซอสถั่วเหลืองและมิริน จากนั้นอาจห่อด้วยสาหร่ายและปรุงด้วยเกลือ การเสิร์ฟเซมเบ้คู่กับชานั้นจะไม่มีไม้คุโระโมจิเหมือนอย่างไดฟุกุ จะเป็นที่รู้กันว่าให้ใช้มือทานได้เลยไม่เสียมารยาทนั่นเอง

ดังโงะดังโงะดังโงะ

มาถึงอันดับ 3 คือ ดังโงะ  ขนมญี่ปุ่นที่ทำโดยการนำแป้งข้าวเจ้ารสชาติหวานอ่อนๆมาปั้น แล้วต้ม บางครั้งก็ทานโดยการราดด้วยซอสโชยุหวาน ถั่วแดงกวน หรือชาเขียว หรือบางที่ก็นำไปย่างไฟอ่อนๆ ก่อนมาทานคู่กับซอสต่างๆ เพื่อเพิ่มกลิ่นให้น่าทานยิ่งขึ้น ขนมดังโงะสามารถดัดแปลงได้หลายรสชาติ และเสิร์ฟด้วยการเสียบไม้ก่อนเพื่อย่างหรือราดซอสอยู่แล้ว สามารถหยิบทานได้ง่ายสะดวก จึงกลายเป็นขนมที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานคู่กับชาเขียว และจะมีรสชาติอร่อยที่สุดเมื่อทานคู่กับชาเขียวเรียวคุฉะว่ากันว่าในญี่ปุ่นเองมีการนำแป้งข้าวเจ้ามาทำอาหารตั้งแต่ในอดีต ซึ่ง Mitarashi dango นี้ได้มาจากฟองอากาศที่เกิดขึ้นตอนกรองน้ำบริสุทธิ์จากบ่อน้ำมิตาราชิ ซึ่งไหลอยู่บริเวณทางเข้าศาลเจ้าชิโมะกาโมะ มิตาราชิดังโกะ ในสมัยก่อนเสียบดังโงะ 5 ลูกต่อไม้ โดยดังโงะลูกบนสุดหมายถึงหัว 2 ลูกถัดมาหมายถึงแขน ส่วนอีก 2 ลูกหมายถึง ขา ถ้าเกิดนำดังโงะไปถวายเทพเจ้า มีเชื่อว่าจะกลายเป็นตัวแทนช่วยรับเคราะห์ร้ายแทนเจ้าตัวนั่นเอง

หากร้านไหนอยากลองทำดังโงะเองที่ร้านก็สามารถทำได้ วิธีทำคล้ายกับการปั้นบัวลอยบ้านเราเลยทีเดียว

วัตถุดิบ ได้แก่ เต้าหู้ขาว 250 กรัม แป้งข้าวเจ้า (หรือแป้งโมจิ) + น้ำตาล 200 กรัม

วิธีทำแสนง่าย :ก่อนอื่นให้ใช้มือนวดผสมเต้าหู้และแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน ให้แป้งมีความนุ่มกำลังดี ไม่นิ่มและไม่แข็งจนเกินไป หลังจากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ต้มน้ำในหม้อขนาดใหญ่จนเดือดและใส่ดังโงะก้อนกลมลงไป ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะลอยขึ้นมา เมื่อลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้วให้ต้มต่อไปอีกประมาณ 2 – 3 นาทีและตักออกมาพักไว้บนจานรองกระดาษ นำไปเสียบไม้ ทานคู่ซอส หรือย่างไฟอ่อนๆก่อนก็ได้ตามชอบ เสิร์ฟคู่ชาเขียวร้อนของที่ร้าน รับรองว่าลูกค้าที่มาที่ร้านต้องรู้สึกเหมือนได้ไปญี่ปุ่นแน่นอน

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/325807354293426536/

https://moichizen.exblog.jp/13348925/

https://www.pinterest.com/pin/14707136267674817/

https://www.japancentre.com/en/recipes/1669-matcha-ganache-filled-strawberry-daifuku

บทความจาก : Fuwafuwa

Muffin Matcha White Choc

สวัสดีครับ แฟนเพจของ MATCHAZUKI ผงชาเขียวมัทฉะเกรดพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น  ทุกท่าน  เป็นอย่างไรกันบ้างครับ  ช่วงนี้หลายๆท่านรีเควสมา ว่าอยากได้ขนมที่รสชาติอร่อยถูกใจแต่ทำง่ายยยยย แบบที่ไม่ต้องมีขั้นตอนมากมาย วันนี้ทางเพจ  MatchaZuki เลยขอเสนอ ขนมที่ทำง่ายมากๆ อย่าง Muffin Matcha White Choc หรือมัฟฟินชาเขียวไวท์ช็อค ทำง่ายขนาดไหน  ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่าครับ

ส่วนผสมสำคัญ
1. น้ำตาลทราย 60 กรัม
2. ไข่ 1 ฟอง
3. แป้งเค้ก 115 กรัม
4. น้ำมันรำข้าว หรือเนยละลาย 70 กรัม
5. ผงมัทฉะ MATCHAZUKI เกรด Medium 1 ช้อนโต๊ะ
6. โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 135 กรัม
7. ไวท์ช็อคโกแลต ½ ถ้วยตวง
8. ผงฟู ½ ช้อนชา
9. เบกกิ้งโซดา 1/8 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ 

1. นำแป้ง ผงฟู ผงมัทฉะ MATCHAZUKI เกรด Medium เบกกิ้งโซดา น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากันโดยตะกร้อมือ ในโถผสม
2. นำน้ำมัน ไข่ไก่ โยเกิร์ต ตีให้เข้ากัน เทลงในส่วนผสมข้อ 1 ผสมให้เข้ากันดี
3. ใส่ไวท์ช็อคโกแลตเข้าไป ผสมนิดหน่อย ตักใส่พิมพ์หรือถ้วยกระดาษ ประมาณครึ่งนึงของพิมพ์ แล้วอบที่อุณหภูมิ 180 องศา นานประมาณ 20 นาที หรือเมื่อนำไม้จิ้มฟันจิ้มแล้วมีเนื้อขนมติดไม้ขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
4. เมื่อขนมสุกดีแล้ว นำออกมาพักให้เย็นบนตะแกรง หากเก็บในตู้เย็น ก่อนจะทานให้นำมาตั้งทิ้งไว้อุณหภูมิห้องประมาณ 1-2 นาที ขนมจะนิ่มและชุ่มฉ่ำมากขึ้น

“Muffin Matcha White Choc หรือมัฟฟินชาเขียวไวท์ช็อค”  เป็นขนมที่ทำได้ง่ายมากๆ แถมยังรสชาติหวาน หอม อร่อย จะทานคู่กับกาแฟยามเช้า หรือชายามบ่าย ก็เข้ากันได้ดีเลยล่ะครับ เพื่อนๆลองทำดูแล้วมาบอกกันบ้างนะครับ ว่าอร่อยขนาดไหน หากถูกใจ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ ^^

ถ้าเพื่อนๆมีเมนูอะไรแนะนำหรือทำเมนู Homemade ชาเขียว อย่าลืมส่งรูปมาให้พวกเราดูกันบ้างนะครับ ^^

———————————-

MATCHAZUKI – Crafted for matcha lover
“เพราะเราเลือกมัทฉะ อย่างคนที่รักมัทฉะ”⠀⠀
マッチャラブユー