How to Create Your Own Custom Green Tea Blend

“ชาที่ดี ใบชาตั้งต้นต้องดี”  หัวใจสำคัญแรกเริ่มเลย ก่อนจะรู้จักการเบลนด์ชาเอง ใบชาตั้งตั้นที่กล่าวถึงนี้ ก็คือชาดำ ชาเขียว และชาอู่หลง พอได้ใบชาตั้งต้นดีแล้ว จะเอามาเบลนด์กับอะไร รสชาก็จะอร่อย หอมตามไปด้วย กล่าวคือ ชาเขียวที่เหมาะกับการนำมาเบลนด์เองได้นั้น ควรเป็นชาที่ปลูกในที่ภูเขาสูง อากาศเย็น อย่างที่ญี่ปุ่น ที่นั่นเขาจะดื่มชากันสดมากๆ เพราะผลิตผลเขาดีมาก ชาที่ดี จึงมักมีจุดตัดกันที่ แหล่งที่มาของชา การปลูก ดิน แหล่งชาไหนจะสร้างชามาได้เลิศกว่ากัน

แหล่งชา แหล่งชา แหล่งชา

เมื่อเราได้ชาตั้งต้นที่ดี ความสนุกและซับซ้อนของชายังอยู่ที่การเบลนด์ส่วนผสมอื่นเข้าไปเพื่อให้มีกลิ่นและรสที่มีมิติน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะสมุนไพรที่นอกจากจะมีกลิ่นรสเฉพาะตัว ยังมีสรรพคุณดีๆ ที่ช่วยเรื่องสุขภาพอีกด้วย เช่น หากเลือก ดอกลาเวนเดอร์และกุหลาบตากแห้งดอกจิ๋วๆ ที่เติมความน่ารักให้ชา จะช่วยบำรุงระบบหมุนเวียนโลหิต พร้อมทั้งคลายเครียด ดอกคำฝอยช่วยลดไขมันในเส้นเลือด แถมยังช่วยให้ชาสีสวย หากใครหลับยาก ถ้าเป็น ดอกคาโมมายล์และดอกหอมหมื่นลี้ช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสบายขึ้นดอกเก๊กฮวยแก้ร้อนใน ดีต่อหัวใจ หรือถ้าเลือกผสม ดอกอัญชันแห้งก็จะช่วยบำรุงสายตาและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายใบเตยแห้งช่วยลดไข้ บำรุงผิว และแก้ท้องผูก ตะไคร้แห้งช่วยขับลมและแก้คลื่นไส้ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมตัวอื่นๆที่น่าลอง เช่น หญ้าหวาน ข้าวเหนียวดำ ขิง มะม่วง กระเจี๊ยบ ซินนาม่อน

การเบลนด์ชา การเบลนด์ชา

พอรู้จักสรรพคุณของชาแล้ว มาลองเริ่มเบลนด์ชากันเองดีกว่า หลักการง่ายๆ ของการเบลนด์ชาเบื้องต้น เริ่มต้นง่ายๆ จากการเลือกชาและสมุนไพรที่ชอบก่อน ต้องออกแบบรส และกลิ่นไว้คร่าวๆ ก่อนว่าต้องการรสแบบไหน ประมาณไหน อยากได้รสหลักเป็นอะไร แล้วค่อยๆ ใส่ลูกเล่นเข้าไปเพิ่ม หลักการง่ายๆ คือการค่อยๆ ปรับแก้จนได้รสที่ใกล้เคียงสิ่งที่คิดไว้ สัดส่วนใบชาและสมุนไพรที่แนะนำคือ ใบชา 3 ส่วน ต่อสมุนไพร 1 ส่วนใส่ลงถุงชา หรือที่กรองชา โดยลองสกัดชาที่เบลนด์แล้วด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 95 องศาเซลเซียส เทน้ำลงไปชาเหมือนเวลาชงชาปกติ เพราะจะได้ชาที่มีรสชาติพอดิบพอดี

สิ่งที่ต้องดูนอกจากรสชาติ คือ ดูสีสัน และกลิ่นที่เข้ากันได้ เช่น ไม่ควรใส่ดอกไม้ที่กลิ่นหอมทั้งคู่ กลิ่นจะตีกัน เช่น กุหลาบ กับ ลาเวนเดอร์ หรือควรจับคู่กลิ่นรสที่เสริมกัน เช่น ใบเตยกับตะไคร้ จะยิ่งให้ความสดชื่นในตอนดื่ม หากไม่แน่ใจ จะลองชงดื่มดูก่อนก็ได้ว่าได้กลิ่น สี และรสอย่างที่ต้องการหรือไม่

แต่การเบลนด์ชาก็ไม่ใช่ว่าจับอันนั้นผสมอันนี้ก็เสร็จ เพราะเรื่องสัดส่วนเป็นเรื่องสำคัญ สมุนไพร ดอกไม้บางชนิดกว่าจะแช่ในน้ำร้อนให้กลิ่นและสี ชาเขียวก็อาจจะถูกแช่จนขมไปหมด ส่วนที่ยากของการเบลนด์ชาคือ ไม่มีทางตัดสินได้ว่ารสชานั้นจะออกมาเป็นอย่างไรในการผสมของแห้ง สุดท้ายชาต้องถูกแช่ในน้ำร้อน กลิ่นและรสก็จะเปลี่ยนแปลงไปอีกจากที่เราชอบ กว่าจะได้ชา 1 เบลนด์ต้องผ่านการลองผิดลองถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้ง จนได้จุดที่สมดุลที่สุด

ส่วนร้านที่เริ่มเบลนด์ชาเองได้จนเชี่ยวชาญแล้ว สามารถต่อยอดชุดชาเบลนด์ เป็นชุดของขวัญ รวมชาสรรพคุณดีๆ กลิ่นหอมๆ ใส่โหลผูกโบ หรือแพ็คลงกล่องอย่างสวยงาม แทนกระเช้าอาหารแปรรูปที่วางขายอยู่ทั่วไป ก็น่าสนใจและบ่งบอกถึงความตั้งใจในการคัดเลือกชาคุณภาพให้ผู้รับประทับใจ

ชุดชาเบลนด์ ชุดชาเบลนด์

ที่มา

http://www.lovecreatecelebrate.com/homemade-peppermint-tea/

https://creationsbyfc.com/products/tea-sampler-gift-set-10pc

https://www.anthropologie.com/wellness-teas-coffees-elixirs

http://www.womansday.com/health-fitness/10-healing-herbs-used-in-teas-75249

https://www.anthropologie.com/wellness-teas-coffees-elixirs

บทความจาก : Fuwafuwa

ทำยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่าชาที่ร้านคุ้มค่าสมราคา

ร้านขายชาเหมือนกัน แต่มีราคา และรสชาติที่ต่างกันตามวัตถุดิบที่ใช้ บางร้านขายราคาสูง กลับมีลูกค้าที่พอใจมาใช้บริการแทนที่จะไปร้านที่ราคาถูกกว่า สิ่งที่สามารถยกระดับร้านชานั้นขึ้นมา ให้ลูกค้าชื่นชอบและเพิ่มมูลค่าได้ นั้นคือ “การสร้างแบรนด์”เพราะแบรนด์ที่มีจุดยืนที่ชัด ถ่ายทอดให้ลูกค้าได้เข้าใจและยอมรับในแบรนด์นั้นได้ จะยิ่งช่วยให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับการซื้อ ง่ายต่อการตัดสินใจโดนใจ เรียกว่าถูกใจแล้วราคาเท่าไหร่ก็คุ้มค่า

แล้วการสร้างแบรนด์ของร้านชาปัจจุบันนี้ทำยังไงได้บ้าง??

ตามทฤษฎีแล้ว Branding คือ จุดยืน บุคลิกภาพลักษณ์ และความเป็นตัวตนของแบรนด์ที่เราต้องการถ่ายทอดให้ถึงลูกค้า ผ่านการออกแบบโลโก้ สื่อโฆษณา คอนเทนต์ในสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยการสร้างแบรนด์นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสื่อสารให้แก่ลูกค้าว่า ร้านเราขายอะไร แตกต่างจากร้านอื่นยังไง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคนั่นเอง

ถ้าจะยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นได้ชัด คงหนีไม่พ้น แบรนด์เครื่องดื่มชื่อดังอย่าง Starbucks ที่มีการสร้างแบรนด์ เป็นจุดเด่นให้ลูกค้าอยากจะถือแก้วของที่ร้านถ่ายรูปลงโซเชียล ออกเมนูเครื่องดื่มใหม่ทุกซีซั่นเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ได้ลอง มีการนำเมนูใหม่ให้ลูกค้าได้ทดลองชิมเพื่อต่อยอดเป็นเมนูที่ร้าน มีการทำสื่อประชสัมพันธ์ที่ชุดเจนเป็นภาพเดียวกันในทุกสาขา เพื่อสร้างภาพจำให้ลูกค้าและผู้ที่เดินผ่านไปมาเกิดความรู้สึกอยากลอง

Starbucks Matcha

ถึงแม้ว่าความอร่อยกลายเป็นพื้นฐานที่ทุกร้านควรมี แต่สิ่งที่ Starbucks จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ก็คือ “ความรู้สึก”ที่ ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และจินตนาการ ล้วนแล้วแต่ถูกถ่ายทอดผ่านแบรนด์ทั้งนั้น ความครีเอทจากเมนูชาเขียวแบบเดิมๆ ก็มีการผสมผสานเอาวัตถุดิบตัวอื่นมาเสริม ให้คนรักชาได้รู้สึกว้าวได้ตลอด อย่าง Starbucks’ Matcha Lemonade หรือ Matcha Espresso Fusion Calories ที่มีเบสเป็นชาเขียว ซึ่ง Starbucs ก็เอาใจกลุ่มลูกค้าที่ทานที่ร้านแล้วติดใจในรสชาติ ด้วยการออกสินค้าพร้อมดื่มให้ไปชงทานต่อที่บ้านเองได้ในราคาที่ถูกลง เป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกรูปแบบ

Starbucks Matcha

นอกจากการสร้างแบรนด์แล้ว ถ้าถ่ายทอดไม่ดี ก็ไม่อาจสร้างความรู้สึกร่วมให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องจ่ายไปได้ การสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ก็เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าเรามากขึ้น เช่น ชาที่ร้านเป็นชาเขียวพรีเมี่ยมอย่างดี นำเข้าจากญี่ปุ่น ทำให้ราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นเราต้องสร้างแบรนด์ให้เห็นชัดเจน อาจจะด้วยบรรยากาศภายในร้าน เครื่องถ้วยชามที่ทำให้เห็นถึงความเป็นญี่ปุ่น และอาจจะมีการเสิร์ฟแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม คือ เสิร์ฟคู่ขนมวากาชิ  หรือการชงชด้วยกรใช้ฉะเซน ตามแบบต้นฉบับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงกลิ่นอายอย่างชัดเจน

Brand Awareness Brand Awareness

อย่างไรก็ตาม เพราะ Brand Awareness คือ การสร้างรับรู้ต่อแบรนด์ ผ่านการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เน้นย้ำถึงจุดเด่นของแบรนด์ผ่านทุกองค์ประกอบภายในร้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ร้านชาบางร้านจึงเลือกจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นหรือ First Jobber เพื่อมุ่งเน้นไปที่ไลฟ์สไตล์ การจัดตกแต่งที่สวยงาม น่าทาน ดูมีชีวิตชีวา ทำอยู่ในรูปแบบคอนเทนท์หลายๆแบบ เพื่อให้เกิดกระแส มาที่ร้านเพื่อถ่ายรูปลงโซเชียล ได้ภาพสวยๆจากอาหารน่าทานนั่นเอง

Brand Awareness Brand Awareness

นอกจากเรื่องแบรนด์ดิ้งแล้ว การสร้างประสบการ์แปลกใหม่ หรือความตื่นเต้นให้ลูกค้ารู้สึกอินกับเครื่องดื่มที่ร้าน จนประทับใจ ถูกใจยอมที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อสัมผัสความพิเศษที่แตกต่าง ก็เป็นอีกไอเดียที่เป็นจุดขายให้ที่ร้านได้ไม่มากก็น้อย อย่างเช่น การเสิร์ฟชาในภาชนะที่แปลกตา อาจจะเป็นแก้ว 2 ชั้น เพื่อให้เห็นสีและของในแก้ว หรือจะเป็นเอาใจคอเบเกอรี่ด้วยการเสิร์ฟชาเขียวลาเต้อุ่นๆในถ้วยที่ทำจากคุ้กกี้ เป็นการสร้างความรู้สึกใหม่ๆให้ลูกค้ารู้สึกดีได้ ซึ่งภาพลักษณ์ของร้านที่ดีนี้ จะช่วยส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าทั้งใหม่และเก่า

Matcha

การทำให้ลูกค้ารู้สึกดีต่อร้าน สามารถเริ่มทำได้ง่ายมาก อาจเริ่มต้นจากการนำคอมเมนต์ดีๆจากลูกค้าเก่า มาบอกเล่าประสบการณ์ผ่านสื่อของร้าน หรืออาจจะเป็นการทำ CSR ก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจร้านเรามากขึ้นนั่นเอง

ที่มา

shorturl.at/eiISU

shorturl.at/jsMR1

thestayathomechef.com

http://matchalatteicetea.blogspot.com

บทความจาก : Fuwafuwa

Green tea bakery menu ideas without needing an oven

Baking can be a difficult task for many people, with a lot of additional equipment to invest in, the oven taking up space in the shop, and baking is also difficult to control the quality for beginners. Let’s take a look at some great ideas for “no-bake” desserts. They’re easy to make and take only a few minutes. Plus, add decoration techniques to make easy no-bake desserts more beautiful and delicious, and look more valuable.

Let’s start with a very easy menu like green tea crepe cake, which uses only a pan to make crepe sheets. You can create a delicious menu.

Green Tea Crepe Cake  Green Tea Crepe Cake

Start by taking 3 eggs + 1 ½ cups milk + 1 3/4 tablespoons sugar + 1 cup flour + 1 tablespoon matcha powder + 1 teaspoon baking powder and 2 tablespoons melted butter. Mix well. After mixing, pour all the ingredients through a sieve and refrigerate for 2 hours. Take it out and fry on a pan, thinly until cooked through, then set aside to cool. Next, to make delicious fresh cream, just take 3/4 cup whipping cream + 2 tablespoons sugar + 1 tablespoon rum and beat with a hand whisk until stiff peaks form. Refrigerate and set aside.

Place the dough on top, alternating with spreading some fresh cream on top, layer by layer until it is as high as you want, wrap tightly with plastic wrap and freeze for 4 hours. Decorate it as you like, for example, pour chocolate on the crepe and let it dry.

Sprinkle with matcha powder and gold leaf, or get creative by placing the crepe dough instead of stacking it in a circle. You will get a unique, unbaked dessert that is unlike any other shop.

Green Tea Mousse

In addition to crepe cake, making matcha mousse is another popular dessert for kitchens without an oven. Add variety by decorating it to make the dessert look beautiful and delicious. You can see how to make matcha mousse at https://matchazuki.com/matcha-mousse-pie/

Another menu that is a low-sugar recipe and is popular among health-conscious people is making matcha bars.

Matcha Bar Matcha Bar

Oat flour, matcha powder, and salt are the key ingredients used in this no-bake dessert. Place all ingredients in a large mixing bowl and stir to combine. Add maple syrup, butter, almond milk, and vanilla; stir until dough forms. Press dough into prepared baking dish with wet hands to form even layer. To coat in chocolate, place chocolate chips, coconut oil, and butter in bowl. Microwave for 20 seconds, or until melted. Pour chocolate over the bars and spread with a spatula to evenly distribute. Freeze for at least 2 hours before slicing into desired size bars. Some shops also add in grains for added nutrients.

Matcha Bar

Matcha Panna Cotta is another type of dessert that does not require an oven. It is easy to make and can be molded in many different shapes according to your preference. It can be decorated in many ways, such as pouring strawberry sauce or sprinkling pistachios. It is a no-bake dessert that is perfect for our hot weather.

Green Tea Panna Cotta  Green Tea Panna Cotta

How to make easy green tea panna cotta: Simply soak 8 grams of gelatin in cold water until softened, pour into 750 ml of cream, 300 ml of milk, 160 grams of sugar and vanilla extract. Stir over low heat until the gelatin has completely dissolved, then remove from heat. Strain the mixture into a mold and refrigerate for 4 hours or overnight. When serving, you can serve it in the mold or pour it out, as you prefer.

Green Tea Parfait  Green Tea Parfait  Green Tea Parfait

Another menu that is often seen in Japan is green tea parfait , beautifully arranged in tall glasses, arranged with various flavors of fresh cream, depending on the style of each shop. This dessert does not require an oven and has the easiest ingredients to prepare. Top with nama matcha chocolate or Japanese green tea jelly, called yokan. Add chewy layers with round mochi. Reduce the richness between the layers with sour fruits, cornflakes or nuts. Just like that, you will have a delicious dessert without using an oven. Although making desserts requires a lot of equipment, many people do not dare to try to make new menus to sell in the shop, but no-bake desserts are another easy, convenient option, and definitely suitable for beginners to try making desserts.

Source

https://www.snixykitchen.com/mint-chocolate-mousse-toasted-matcha-meringue/

https://www.hummusapien.com/matcha-protein-bars/

https://balancingandie.com/nobakematchaoatmealbars/

https://www.crazyvegankitchen.com/vegan-matcha-tiramisu-green-tea-tiramisu/

https://www.tastemade.com/videos/matcha-gold-crepe-cakes

Article from: Fuwafuwa

Exploring the Art of Organic Green Tea Cultivation

ทำไมรสชาติของชาญี่ปุ่นออร์แกนิคจึงมีกลิ่นหอม และหวานละมุน?

Matcha

เพราะการปลูกชาออร์แกนิคเป็นการปลูกชาที่ต้องงดปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรม (ไม่มีจีเอ็มโอ) รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้ตัดต่อทางพันธุกรรม หรือวัตถุสังเคราะห์ใดๆ ซึ่งการเตรียมหน้าดินก่อนปลูก ต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี และในกระบวนการผลิตต้องมีการอนุรักษ์ดินและแหล่งน้ำ เพื่อให้ผลผลิตเจริญเติบโตตามธรรมชาติอย่างแท้จริง และปลอดภัยต่อสุขภาพไม่มีสารตกค้างจากสารเคมี เนื่องจากการปลูกชาโดยทั่วไปยังมีการใช้สารเคมีและยาปราบศัตรูพืชซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

ปัจจุบันแม้ชาส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นเป็นเพียงชาปลอดสารพิษ มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ที่เป็นออร์แกนิค 100% เพราะเป็นเรื่องยากที่จะสร้างไร่ชาออร์แกนิคนั่นเอง เนื่องจากมีไร่ชาปลอดสารพิษมากมายอยู่ในพื้นที่ติดกัน และมีการแพร่กระจายของปุ๋ยเคมีหรือสารกำจัดศัตรูพืชและสารเคมีที่แทรกซึมผ่านดินจากฟาร์มโดยรอบสามารถเข้าสู่ฟาร์มอินทรีย์ ดังนั้นไร่ชาออร์แกนิคจำเป็นต้องสร้างพื้นที่กันชนหรือที่พักพิงระหว่างไร่ชาออร์แกนิกและไร่ชาปลอดสารพิษ เพื่อให้สภาพดินไร้สารเคมีอย่างแท้จริง

Matcha

ชาออร์แกนิคมีรสชาติที่เรียบง่ายเพราะชาได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในดินโดยตรง และรสชาติชาจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย การคัดเฉพาะยอดอ่อน 3 ใบบนเท่านั้น และเก็บเฉพาะช่วงเช้าก่อน 7 โมงเช้า เทคนิคที่ทำให้ชาออร์แกนิคมีรสชาติที่ละมุนพิเศษ เพราะใบชาจะผลิใบรับแสงแดดอ่อนๆ อย่างเต็มที่ และมีละอองน้ำค้างที่จะขับกลิ่นหอมและรสชาติหวานละมุนของชาให้ออกมาได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาเช้านี่เองสภาพอากาศจึงเป็นอีกตัวแปรสำคัญที่ทำให้รสชาติชาเป็นเอกลักษณ์

อีกสาเหตุที่การปลูกชาออร์แกนิคได้รับความนิยมไม่มากนักเพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้ออกผลผลิตได้รวดเร็วตามที่ต้องการ ปุ๋ยอินทรีย์จะทำงานช้าเป็นเวลา 3 ถึง 9 เดือน ในทางตรงกันข้ามปุ๋ยเคมีจะทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในเวลาประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต ที่ปุ๋ยอินทรีย์จะทำงานช้า ดังนั้นต้นชาอินทรีย์จึงมีภาระมากกว่าต้นชาที่ไม่ใช่ออร์แกนิก ในทางกลับกันปุ๋ยเคมีในไร่ชาปลอดสารพิษทำให้กระบวนการปลูกง่ายขึ้นมาก ออกผลผลิตเร็ว

ดินในไร่ชาออร์แกนิกโดยทั่วไปมีอากาศมากกว่าและนุ่มกว่าดินในไร่ชาที่ไม่ใช่อินทรีย์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณปุ๋ยที่ใช้ด้วย หากใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในปริมาณมากทำให้ดินนุ่มและโปร่งสบายขึ้น นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับทั้งไร่ชาออร์แกนิคและไม่ใช่ออร์แกนิค ดินจะโปร่งสบายเนื่องจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในดินและสร้างสารอาหารและสภาพแวดล้อมที่ดีต่อใบชา

Matcha Field

ในพื้นที่ไร่ชาที่เมืองอูจิ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูร้อน แสงแดดจะร้อนจัดและอากาศชื้น แต่ด้วยความชื้น พร้อมกับปุ๋ยที่อุดมสมบูรณ์นี้ เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีมากสำหรับต้นชา แต่ยังเป็นสภาพแวดล้อมที่วัชพืชชื่นชอบด้วยเช่นกัน การกำจัดวัชพืชในไร่ชาออร์แกนิค ต้องใช้การถอนเถาวัลย์ออกจากต้นชา ถือเป็นงานที่ยาก เพราะชาออร์แกนิค กำจัดวัชพืชทำด้วยมือเท่านั้น และต้องกำจัดออกเพื่อป้องกันไม่ให้วัชพืชดูดซับสารอาหารจากปุ๋ยไปหมด

Matcha

ชาออร์แกนิคจะมีรสชาติที่รสชาติอร่อยกว่าชาจากไร่อื่นๆเพราะเติบโตในสภาพอากาศที่เหมาะสมและแหล่งน้ำธรรมชาติ คุณภาพดีเพราะเก็บด้วยมือ แถมยังปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะไม่มีสารเคมีตกค้าง จึงทำให้มีราคาที่สูงกว่าชาทั่วๆไปนั่นเอง

ที่มา

https://www.unclelee.com/article-history-our-tea.html

https://www.hibiki-an.com/contents.php/cnID/19

บทความจาก : Fuwafuwa

“Green tea” is a gift for every festival for Japanese people.

Japanese people often bring small gifts to give to each other no matter the occasion. For example, when traveling to another country or even on a small trip, they usually buy souvenirs, or in Japanese, what is called “omiyage”. Souvenirs can be cute packages of cookies, chocolate, green tea, or various Japanese sweets.

Not only buying souvenirs from traveling, but giving gifts to each other is a deeply rooted culture of Japanese people, such as New Year’s Day, marriage, childbirth, etc., in which “tea” is considered a very popular gift. Giving green tea to each other will have different meanings depending on the occasion, whether it is to express congratulations, greetings or express gratitude because “tea” is something that Japanese people drink every day anyway. In addition to being good for health, it gives a sense of quality and value. Giving it as a gift set or wrapped in furoshiki cloth increases the value to become a tea set that the recipient will definitely like. Another reason why tea is popular as a gift is because it can be stored for a long time and is not too small or too big, suitable for people of all ages. Tea also has a good and auspicious meaning that many people may not know, such as:


  • The word 茶寿 (cha-myō) is spelled with the character 茶, which means tea, in the word. In Japanese, cha-myō means “congratulations on your 108th birthday,” so giving tea as a gift is considered a wish for good health and long life.
  • At some Japanese weddings, such as in the Kyushu region, including Niigata and Fukushima prefectures, a “tea set” is given as a gift for engagement. Because the tea plant has a long life and is deeply rooted in the soil, it is difficult to pull it out and plant it again, symbolizing “the bride’s marriage only once and her commitment to her partner for life.”
  • On New Year’s Day in Japan, there is a custom of drinking Daifukucha (大福茶), a tea that is drunk to pray for safety from disasters and illnesses in the year. In particular, in Kyoto, it stems from the past when priests gave tea to infected patients to drink, and their symptoms eventually recovered. Eating an Osechi (おせち料理) set meal on New Year’s Day, along with drinking Daifukucha with dried plums and kombu kelp, is a long-held tradition.
  • The word medetai (めでたい), which means “joy” in Japanese, sounds similar to the word medetai (芽出たい), which means “to sprout (tea shoots)”. Therefore, giving tea as a gift is considered an auspicious gift that the Japanese believe means expressing their congratulations to the recipient.

However, some texts say that tea is a drink that Japan adopted from China along with Buddhism, and so it has an image associated with Buddhist ceremonies, most often funeral ceremonies, so tea should be avoided as a gift. However, nowadays, this belief has disappeared, and there is a growing popularity of giving shincha (新茶), the first tea of the season made from the first young leaves picked, as a seasonal gift.
In addition to the auspicious occasions when we give tea as a gift, there are other tea drinking cultures that Japanese people drink, such as:

  • Sakurayu (桜湯) is made by brewing hot water with cherry blossom petals seasoned with salt instead of green tea. It is popularly drunk on auspicious occasions, paired with Higashi, a small, dry sweet with beautiful patterns and colors, similar to our local Ping cookies.
  • In summer, it is popular to drink mugicha (麦茶), a cold barley tea that is refreshing.
  • When serving as a guest, it is common to serve gyokuro (玉露) or sencha (煎茶) together with wagashi.
  • But in daily life, it is popular to drink Hojicha (ほうじ茶), Bancha (番茶), and Genmaicha (玄米茶) together with sembei snacks.

Choose the right type of tea for the right occasion. Giving a gift of tea will make the recipient even more impressed.


Source

https://www.hibiki-an.com/index.php/cPath/26
https://www.ooigawachaen.co.jp/blog/2015/12/16/249
https://www.alfemminile.com/none/none-s4002149.html

By : Contrary To Popular Belief

How to ..present TEA ?

ชาเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยรสชาติ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และคุณประโยชน์จากสารอาหารในชา การดื่มชา ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ทั้งอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ที่ไทยเอง ซึ่งลักษณะการเสิร์ฟชาของแต่ละประเทศก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เพราะรูปลักษณ์การนำเสนอ และเสิร์ฟชา แต่ละครั้งต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการชง บรรยากาศแวดล้อมในการนั่งดื่มชา ที่อาจจะต้องเพิ่มความสุนทรีย์ในการดื่มด้วยต้นไม้ ดอกไม้ เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ร้านไม่ควรให้มีกลิ่นกับข้าวมารบกวนกลิ่นหอมของชา รวมไปถึงคุณภาพของภาชนะในการดื่มนั้นก็มีผลอย่างมากต่อระดับของอร่อยและความประทับใจของผู้ดื่มเช่นกัน

การเสิร์ฟด้วยถ้วยเซรามิคที่หยาบและหนานั้นจะทำให้เกิดผลที่แตกต่างอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับชาแบบเดียวกันที่เสริฟในพอร์เซเลนที่ดี โบนไชน่า หรือ แก้ว หรือการนำเสนอชาที่หลายคนอาจจะลืมคิดไป คือ การนำเสนอในสามด้าน นั้นคือ การมองเห็น กลิ่น และ รสชาติ เพื่อให้แขกได้สัมผัสผ่านทางประสาทสัมผัสให้ครบถ้วน บางร้านจึงมีรูปแบบการเสิร์ฟที่นำเสนอที่แตกต่างกันไป เช่น ให้ลูกค้าดริปชาเอง เสิร์ฟทั้งกาชาเพื่อให้ชุดชา เป็นอีกองค์ประกอบที่ทำให้ภาพถ่ายของลูกค้ามีความน่าทานมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามถ้าร้านไหนอยากเสิร์ฟชาเป็นแก้วๆให้ลูกค้า แนะนำเป็นการชงสดๆร้อนๆใหม่ๆทุกครั้ง และเพิ่มอรรถรสในการดื่มชาให้ลูกค้าด้วยการเดินมารินชาให้ลูกค้าที่โต๊ะ จะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงกลิ่นของชาอย่างชัดเจนในขณะที่รินชา ดีกว่าเทจากหลังร้าน กว่าจะยกมาเสิร์ฟลูกค้า สุนทรียะของการดื่มชาก็ลดลงไปอย่างน่าเสียดาย

หากใครยังไม่มีไอเดียว่าจะเสิร์ฟชารูปแบบไหนดี ลองดูก่อนว่า ชาที่ร้านของคุณเป็นชาสไตล์ไหน


1. การเสิร์ฟชาสไตล์อังกฤษ คนอังกฤษนิยมดื่มชาดำเป็นหนึ่งในชาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งสามารถเสิร์ฟชาจากแก้วได้เลย แต่หากต้องการอารมณ์ของการจิบชาแบบอังกฤษแท้ๆ ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ได้แก่ กาน้ำชา (กาน้ำชาจีนหรือเซรามิค) ถ้วยชาพร้อมจานรอง โถน้ำตาล เหยือกครีม กาต้มน้ำ ถ้วยสำหรับทิ้งน้ำชาหรือใบชาที่เหลือ และจานของว่าง

โดยปกติเวลาดื่มชาของอังกฤษมักจะเริ่มประมาณ 4 โมง หากที่ร้านอยากเสิร์ฟเป็นเซ็ต Afternoon Tea ที่เสิร์ฟชาคู่กับของว่าง สามารถเสิร์ฟชาได้ตลอดเวลาตั้งแต่ บ่าย 2-5 โมง Afternoon tea ดั้งเดิมมักทานคู่กับแซนด์วิชชิ้นเล็กๆ สโคน และขนมอบหลากหลายชนิด อัลมอนด์ชอร์ตเบรด ชีสเค้ก มาการอง บิสกิต หรือเค้กกล้วยหอมก็ได้

หาร้านไหนอยากเสิร์ฟพร้อมกับนม น้ำตาล หรือเลม่อน แนะนำเป็นให้จัดวางเรียงแยกไปในชุดน้ำชา เพื่อให้ลูกค้าสนุกและเปิดประสบการณ์กับการเติมส่วนผสมที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้รสชาติตามชอบ แต่ไม่แนะนำให้เติมเลมอนและนมพร้อมกัน เพราะกรดซิตริกของมะนาวจะทำให้โปรตีนในนมแข็งเป็นก้อน ลำดับที่แนะนำ คือ เทชาก่อน เติมน้ำตาล แล้วค่อยวางมะนาวลงบนชาเบาๆ เป็นอันดับสุดท้าย

นอกจาก Afternoon Tea แล้ว ยังมี High Tea นิยมจิบชากันประมาณ 5 โมงเย็น ถึง หนึ่งทุ่ม อาหารที่เสิร์ฟคู่กับชาเวลานี้ จะเป็นอาหารที่หนักกว่า Afternoon Tea เช่น อาหารจานร้อนชนิดหนึ่ง ขนมปัง มันฝรั่ง ผัก ชีส เนื้อ สตูว์ มัฟฟินแบบชาวเวลส์ พายหรือไข่เจียว นั่นเอง
ลองดูว่าถ้าร้านของคุณเป็นร้านชาสไตล์อังกฤษ การจัดชุดเมนู ชาแบบ Afternoon Tea และ High Tea ก็เป็นชุดเมนูที่น่าสนใจดึงดูดลูกค้าได้ดีทีเดียว

2. การเสิร์ฟชาสไตล์ญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับการเสิร์ฟแบบสไตล์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ที่เน้นความเรียบง่ายของดีไซน์ภาชนะที่ใช้ในการเสิร์ฟ ขนมที่นิยมเสิร์ฟด้วยก็นิยมเป็นขนมชิ้นเล็กเช่นเดียวกัน ที่เรียกว่า วากาชิ ซึ่งคนญี่ปุ่น นิยมทานขนมให้หมดก่อนถึงจะนำชามาเสิร์ฟ แต่ถ้าร้านไหนต้องการเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นเข้าไป อาจจะมีมุมเล็กๆของที่ร้าน หรือที่เคาน์เตอร์บาร์ ที่โชว์การชงชาตามพิธีดั้งเดิมของญี่ปุ่นโดยใช้ฉะชะขุในการตักผงชา ใช้ฉะเซ็นในการตีผงชาให้ละลาย และมีการหมุนถ้วยชาก่อนดื่มอย่างที่เรานิยมเห็นตามรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั่นเอง

บางร้านหากไม่เชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมในการชงชามากนัก มักเปิดเพลงบรรเลงในร้านสไตล์ญี่ปุ่น หรืออาจะมีเสียงน้ำไหลเบาๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นนั่นเอง

แล้วการเสิร์ฟชาที่ร้านคุณเป็นแบบไหน ลืมจุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามไปของ เอกลักษณ์ชา ไปรึเปล่า ลองใช้เวลาว่างสักวัน ดื่มด่ำการชาที่คุณชอบ อาจจะได้ไอเดียที่จะ PRESENT ชาในแบบของคุณได้นะ ^^

ที่มา

https://www.hibiki-an.com/index.php/cPath/26
https://www.ooigawachaen.co.jp/blog/2015/12/16/249
https://www.alfemminile.com/none/none-s4002149.html

By : Contrary To Popular Belief

Share on facebook
Share on twitter

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

Discover 3 Popular Japanese Desserts Loved by Green Tea Enthusiasts

การกินชาเขียวให้อร่อย หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าคนญี่ปุ่นนิยมทานคู่กับขนมหวานญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า วากาชิ แม้ว่าที่จริงแล้วในพิธีชงชามีขนมอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทานคู่ชาเขียวได้ แต่ขนมที่ติดอันดับคนนิยมกินคู่กับการดื่มชาและคนไทยรู้จักกันดี ได้แก่
อันดับ 1 คือ ไดฟุกุ ขนมแป้งโมจินุ่มหนึบที่พิเศษด้วยไส้ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นไส้ชาเขียวลาวา ไส้ชาเขียวถั่วแดง บางเจ้าก็ใส่ผลไม้เข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย ขนมรสชาติออกหวาน ได้ชาเขียวร้อนๆเสิร์ฟคู่กัน เป็นความอร่อยที่ลงตัว
ส่วนใครที่อยากลองปั้นขนมไดฟุกุเอง เสิร์ฟคู่กับชาที่ร้าน เพิ่มสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นให้กับเมนูในร้านสามารถทำได้เองง่ายๆ และต่อยอดเปลี่ยนรสชาติแป้งได้ฟุกุ หรือไส้ได้ตามชอบ

เมนู ไดฟุกุชาเขียว สตอเบอรี่

  1. แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
  2. แป้งมัน 20 กรัม ( สำหรับทำแป้งนวล )
  3. ผงมัทฉะ 10 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  5. น้ำเปล่า 150 มล.
  6. ถั่วขาวกวนสำเร็จ 200 กรัม + ผงชา
  7. เขียว 5 กรัม
  8. สตรอเบอร์รี่

วิธีทำ

  1. แป้งข้าวเหนียว, ผงมัทฉะ, น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน ในภาชนะที่เข้าไมโครเวฟได้ ค่อยๆเติมน้ำผสมจนแป้งไม่เป็นเม็ด ลักษณะจะเหลวข้น
  2. นำส่วนผสมแป้งเข้าไมโครเวฟ โดยใช้พลาสติกแรพไว้ หรือ หา ภาชนะปิดไม่ให้แป้งหน้าแห้ง ใช้ไฟแรงสุดนาน 3 นาที นำออกมาเกลี่ยทุกๆ 1 นาที สังเกตแป้ง ถ้าสุกจะเปลี่ยนเป็นแป้งใส และจะจับตัวเป็นก้อน
  3. นำแป้งที่กวนสุกแล้ว คลุกกับแป้งนวล ตัดแบ่งให้เท่าๆกัน แผ่แป้งให้เป็นแผ่นกลม ใส่ไส้ถั่วขาวที่ผสมกันกับผงชาเขียวเป็นเนื้อเดียวกันที่ห่อลูกสตรอเบอร์รี่ไว้ ปั้นเป็นก้อนกลม คลุกแป้งนวลเพื่อไม่ให้ไดฟุกุติดกัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

โดยปกติของการเสิร์ฟไดฟุกุ จะมีไม้เล็ก ๆ หรือที่เรียกว่า คุโระโมจิ (黒文字) ก็จะเป็นสัญลักษณ์ว่า ให้ทานขนมโดยการตัดแบ่งให้พอดีคำก่อนทาน ส่วนใหญ่จะเป็นขนมชิ้นไม่ใหญ่มากตัดได้ประมาณ 3-4 ครั้ง นั่นเอง

ต่อมาอันดับ 2 คือ เซมเบ้ ขนมข้าวกรอบที่มีหลายรูปทรง ขนาด และรสชาติ โดยปกติแล้วจะเป็นรสเค็ม(เป็นรสชาติของโชยุ)​ แต่รสหวานก็มีให้เห็น ส่วนใหญ่แล้วเซ็มเบจะรับประทานคู่กับชาเขียว เป็นขนมและจัดให้แขกที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้านนั่นเอง โดยปกติแล้วเซ็มเบจะทำโดยการอบ หรือย่างถ่านแบบดั้งเดิม ระหว่างปรุงอาจมีการทาเซ็มเบด้วยซอสปรุงรส ซึ่งส่วนมากทำจากซอสถั่วเหลืองและมิริน จากนั้นอาจห่อด้วยสาหร่ายและปรุงด้วยเกลือ การเสิร์ฟเซมเบ้คู่กับชานั้นจะไม่มีไม้คุโระโมจิเหมือนอย่างไดฟุกุ จะเป็นที่รู้กันว่าให้ใช้มือทานได้เลยไม่เสียมารยาทนั่นเอง


หากร้านไหนอยากลองทำดังโงะเองที่ร้านก็สามารถทำได้ วิธีทำคล้ายกับการปั้นบัวลอยบ้านเราเลยทีเดียว
วัตถุดิบ ได้แก่ เต้าหู้ขาว 250 กรัม แป้งข้าวเจ้า (หรือแป้งโมจิ) + น้ำตาล 200 กรัม

วิธีทำแสนง่าย : ก่อนอื่นให้ใช้มือนวดผสมเต้าหู้และแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน ให้แป้งมีความนุ่มกำลังดี ไม่นิ่มและไม่แข็งจนเกินไป หลังจากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ต้มน้ำในหม้อขนาดใหญ่จนเดือดและใส่ดังโงะก้อนกลมลงไป ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะลอยขึ้นมา เมื่อลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้วให้ต้มต่อไปอีกประมาณ 2 – 3 นาทีและตักออกมาพักไว้บนจานรองกระดาษ นำไปเสียบไม้ ทานคู่ซอส หรือย่างไฟอ่อนๆก่อนก็ได้ตามชอบ เสิร์ฟคู่ชาเขียวร้อนของที่ร้าน รับรองว่าลูกค้าที่มาที่ร้านต้องรู้สึกเหมือนได้ไปญี่ปุ่นแน่นอน

ที่มา

https://www.pinterest.com/pin/325807354293426536/
https://moichizen.exblog.jp/13348925/
https://www.pinterest.com/pin/14707136267674817/
https://www.japancentre.com/en/recipes/1669-matcha-ganache-filled-strawberry-daifuku

By : Contrary To Popular Belief

Matcha Cookie เมนูง่ายๆที่ไม่ธรรมดา

หากพูดถึงคุ้กกี้ ขนมเบเกอรี่พื้นฐานที่สุดที่ทำได้ง่าย เห็นได้จากสถานการณ์ช่วงนี้ที่หลายคนเริ่มเปิดเตาอบขนมขายกันจนลูกค้าเองก็เลือกไม่ถูกว่าจะทานขนมจากร้านไหนดี ดังนั้น เพื่อให้เรามีร้านขนมที่แตกต่างจากร้านอื่น การใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ลงไปจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในทุกๆขั้นตอน
เริ่มจากการทำคุ้กกี้เนยชาเขียวปกติที่สามารถสร้างความแตกต่างจากร้านอื่นได้ง่ายๆ เพียงเพิ่มลวดลายด้วยการเคลือบช็อคโกแลต หรือไวท์ช็อคโกแลต โรยด้วยผงชาเขียวอีกเล็กน้อย หรือโรยช็อคโกแลตชิพ แต่งด้วยดอกไม้ที่รับประทานได้ เป็นการสร้างความแตกต่างที่ทำให้คุ้กกี้ชาเขียวเพลนๆดูมี Value มากขึ้น

นอกจากการเพิ่มท้อปปิ้งบนคุ้กกี้ชาเขียวเพลนๆแล้ว การใส่ส่วนผสมเพิ่มความหลากสีให้คุ้กกี้ 1 ชิ้น ก็เป็นอีกไอเดียที่มือใหม่บางคนไม่กล้าทำ ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวรสชาติและสีที่ออกมาไม่สวยและอร่อย จึงเน้นทำแยกรสชาติไปเลย แต่ถ้าใครที่พอมีฝีมืออยู่แล้ว ก็แนะนำให้ผสมหลายๆรสชาติ ไว้ด้วยกัน จะยิ่งทำให้ขนมชิ้นนั้นมีมิติมากขึ้น

นอกจากนี้หากใครมีฝีมือในการปั้นก็ยังสามารถทำคุ้กกี้ชาเขียวเป็นรูปทรงต่างๆตามธรรมชาติ อย่างใบไม้ หรือรูปสัตว์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าแม่และเด็กมากขึ้น

นอกจากการทำคุ้กกี้เป็นลวดลายต่างๆแล้ว อีกสไตล์การทำคุ้กกี้ที่น่าสนใจ คือ การทำ โมจิมัทฉะคุ้กกี้
คุ้กกี้ชาเขียวสอดไส้โมจินุ่มหนึ่บ เป็นคุ้กกี้สไตล์ญี่ปุ่น ที่ในไทยยังไม่มีร้านไหนทำ หากใครสนใจลองเปิดเตาทำเมนูนี้ มาดูสูตรไปพร้อมๆกันเลย……

เริ่มจากใช้แป้งข้าวเหนียว 80 กรัม ผสมกับน้ำตาล 80 กรัม และน้ำ 90 กรัม คนให้เข้ากัน แล้วเอาเข้าไมโครเวฟ 600 วัตต์ เป็นเวลา 1.20 นาที แล้วเอาออกมาคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำเข้าไมโครเวฟที่ 600 วัตต์ อีก 10 – 20 วินาที แล้วเอาออกมาคน ปั้นม้วนไว้เป็นทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ตัดแบ่งพักไว้ให้แต่ละชิ้นหนาประมาณ 1 ซม.

ขั้นต่อไป ทำคุ้กกี้ชาเขียวได้ตามสไตล์ที่ทางร้านชอบ เพียงแค่ช่วงที่ปั้นโดว์คุ้กกี้เอาโมจิที่ทำไว้แล้วใส่ไว้ตรงกลาง แล้วเข้าอบได้ตามปกติเลยเพราะแป้งโมจิสุกแล้ว ส่วนเทคนิคเพิ่มเติมที่แนะนำคือ คุ้กกี้ชาเขียวนี้ควรใช้น้ำตาลทรายแดงในการทำจะอร่อยยิ่งขึ้น

ส่วนใครที่อยากแตกต่างอีกวิธีคือ การทำคุ้กกี้โอริโอ้ แต่ใส่ไส้ครีมชาเขียวแทน ก็เป็นอีกเมนูที่น่าทานและทำไม่ยาก เพียงแค่ใช้สูตรคุ้กกิ้ที่ทางร้านทำอยู่แล้วมาดัดแปลงเพิ่มเล็กน้อย



นอกจากการให้ความสำคัญกับตัวสินค้าแล้ว แพคเกจในการใส่ขนมก็ควรแตกต่างและโดเด่นไม่ซ้ำใครเช่นกัน ร้านส่วนใหญ่นิยมใส่กระป๋องพลาสติกง่ายๆ หรือถุงใสแล้วติดสติกเกอร์โลโก้ร้าน เพราะเป็นต้นทุนแพคเกตที่ราคาประหยัดที่สุด แต่ถ้าเราเพิ่มลูกเล่นลงไปในคุ้กกี้ แต่ถ้าเราเพิ่มกิมมิคด้วยการติดโบว์ หรือข้อความน่ารักๆเหมาะกับการเป็นของฝาก ก็ช่วยเพิ่ม value ทำให้คนอยากซื้อให้กันมากขึ้น
เราจะเห็นที่ญี่ปุ่นเวลาเราไปสถานที่ต่างๆ จะมีการทำขนมแล้วตีตราสถานที่นั้นๆ อย่างเช่นที่สวนสัตว์ หรืออะควาเรี่ยม ก็จะมีการทำคุ้กกี้เป็ฯลวดลายสัตว์เรียงแพ็คลงกล่องอย่างสวยงาม ทำให้คนที่ไปเที่ยวสถานที่นั้นๆ เห็นแล้วอยากซื้อกลับไปเป็นของฝากเราจะเห็นที่ญี่ปุ่นเวลาเราไปสถานที่ต่างๆ จะมีการทำขนมแล้วตีตราสถานที่นั้นๆ อย่างเช่นที่สวนสัตว์ หรืออะควาเรี่ยม ก็จะมีการทำคุ้กกี้เป็ฯลวดลายสัตว์เรียงแพ็คลงกล่องอย่างสวยงาม ทำให้คนที่ไปเที่ยวสถานที่นั้นๆ เห็นแล้วอยากซื้อกลับไปเป็นของฝาก
การจัดชุดเสิร์ฟอีกวิธีที่ไม่ควรพลาด คือ กล่องของขวัญบ็อคเซ็ต สำหรับทุกเทศกาล เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่แม้ค้าออนไลน์ไม่ควรลืมที่จะคำนึงถึงตรงนี้ เพราะลูกค้ายุคนี้เน้นดูที่แพคเกจก่อนเป็นอย่างแรก เพราะฉะนั้น ถ้าขนมเราอร่อยแล้วอย่าลืมที่จะหาแพคเกจจิ้งเก๋ๆ มาเสิร์ฟขนมให้ลูกค้า ไปสร้างความประทับใจกับผู้รับอีกต่อนึง

ที่มา

https://raineorshinecakery.wordpress.com/recipes/cookies/matcha-moochie/
https://veggiekinsblog.com/2019/05/25/matcha-monstera-cookies/
https://www.pinterest.com/pin/811562795335676576/
http://www.chatelaine.com/recipe/desserts/christmas-cookies-green-tea-butter-cookies/

By : Contrary To Popular Belief

Share on facebook
Share on twitter

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

ไอศครีมชาเขียวสำหรับทุกคน

Main Idea : หลายคนคงทราบกันอยู่แล้วว่า การดื่มชามีประโยชน์มากมาย แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าการดื่มชามากจนเกินไปจะมีผลเสียต่อร่างกายพอสมควรเลยทีเดียว

1. การดื่มน้ำชาไม่ว่าจะชาร้อนหรือชาแช่เย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา ทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วิธีการดื่มชาเขียวให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงควรดื่มน้ำชาล้วนๆไม่ควรปรุงแต่ง นอกจากจะได้สารอาหารที่ครบถ้วนแล้วยังไม่อ้วนจากน้ำตาลที่ปรุงแต่งเข้าไปด้วย

2. ใบชายังมีองค์ประกอบของฟลูออไรด์ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง และสูงกว่าปริมาณในน้ำประปา หากดื่มในปริมาณที่มากเกินไป จะเกิดการสะสม มีผลให้ไตวาย เกิดมะเร็งลำไส้ โรคกระดูกพรุน (Osteofluorosis) โรคข้อ และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับกระดูก และยังทำให้ฟันเกิดคราบเหลืองได้ ยิ้มฟันขาวๆจะหายไป แต่ผู้ที่ดื่มไม่มาก ก็คงไม่ต้องกังวล


สูตรเจือจาง สูตรธรรมดา สูตรเข้มข้น
ผงชาเขียว 2 g. 8 g. 14 g.
น้ำอุ่น 10 g. 20 g. 40 g. >>> น้ำ จะใ้ช้อุณหภูมิประมาณ 80 องศา
น้ำตาล 50 g 50 g 50 g
นม 200 g 200 g 200 g
ครีมสด 70 g 70 g 70 g

วิธีการทำไอศครีมชาเขียวเริ่มจากนำผงชาเขียวมาละลายน้ำตีจนไม่เหลือผงชา เติมน้ำตาล ครีมสด นม ลงไปแล้วตีให้เข้ากัน นำเข้าช่องฟรีซ แล้วเอาออกมาคนทุกๆ 1 ชั่วโมงจนกว่าเนื้อจะเนียนเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งไอศครีมชาเขียว คนญี่ปุ่นมักนิยมทานคู่กับดังโงะโมจิ แป้งนุ่มหนึ่บสไตล์ขนมญี่ปุ่น หรือจะเป็น ผลไม้สด อย่างสตอเบอรี่ หรือส้ม รวมถึงถั่วแดงกวน ที่มีความหวานเล็กน้อย เพื่อตัดความเข้มข้นของชาเขียว

หากใครลองทำตามสูตรนี้แล้วอยากได้ความเข้มข้น หรือเจือจางของชาเขียวแบบอื่นๆสามารถเทียบอัตราส่วนเพิ่มลดได้อีกตามชอบ

เพิ่มความอร่อยและแตกต่างให้ไอศครีมชาเขียวแบบธรรมดาด้วย 3 สูตรแนะนำ ให้คุณต่อยอดเมนูชาเขียวให้ว้าว!! กว่าเดิม วิธีทำง่ายมากเพียงแค่นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นเข้ากันแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซ หมั่นเอาออกมาคนให้เนียน ใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 5-6 ชั่วโมงแล้วแต่ความเย็นของตู้เย็นแต่ละบ้าน เริ่มด้วย Vegan Matcha Avocado Ice Cream สูตรนี้เป็นเมนูวีแกน เหมาะสำหรับคนที่แพ้นมวัว

ส่วนผสม

  1. อะโวคาโดครึ่งลูก
  2. นมอัลมอนด์ ¾ ถ้วย
  3. อะกาเวไซรัป หรือ เมเปิ้ลไซรัป ¼ ถ้วย
  4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ ½ ช้อนชา
  7. เพิ่มท็อปปิ้งโรยหน้าทานคู่กับไอศครีมชาเขียวอะโวคาโดด้วยถั่วพิซาชิโอ้ ใบมิ้นต์ หรือโกโก้นิปส์ ก้ได้

ตามด้วยอีกเมนูที่กลิ่นหอมสดชื่นอย่าง Matcha Mint Chocolate Chunk Ice Cream

วิธีทำ

  1. นำไข่แดง เกลือ น้ำตาลผสมให้เข้ากัน ตีจนขึ้นฟูเนียน อุ่นนมด้วยไฟกลาง แล้วเทนมลงส่วนผสมของไข่ค่อยๆตี พอเริ่มเข้ากันใส่ครีมและผงชาเขียวลงไป คนต่อเนื่องช้าๆจนเนียนเป็นเหมือนเนื้อคัสตาร์ด
  2. นำใบมิ้นต์ใส่ตะแกรงแล้วเอาน้ำร้อนเทลงไปประมาณครึ่งถ้วย พอใบมิ้นต์เหี่ยว ให้เอามาช้อนบดใบมิ้นกับตะแกรงบีบน้ำออกจากใบให้มากที่สุดใส่ลงไปในข้อ 1 ส่วนใบมิ้นต์ที่เป็นกากที่เหลือนำไปปั่นให้ละเอียด เทผสมลงไปในข้อ 1 คนให้เข้ากัน แล้วนำไปเข้าตู้เย็น วิธีนี้จะทำให้ได้ไอศครีมมิ้นต์แท้ๆที่ไม่ต้องแต่งกลิ่น หรือใช้สีสังเคราะห์
  3. นำไปเข้าช่องฟรีซ มันเอาออกมาคนทุกๆ 1 ชม. หลังจากนำออกมาคนรอบที่ 2 ให้เทดาร์คช็อคโกแลตครึ่งนึงที่นำไปละลายไว้ก่อนแล้วลงไป แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง แช่ช่องฟรีซต่อเหมือนเดิม
  4. หลังจากไอศครีมเซ็ตตัว โรยดาร์คช็อคโกแลตที่แบ่งไว้ที่เหลือด้านบนไอศครีม ใช้ที่ตักไอศครีมตักม้วนทั้งไอศครีมชาเขียวมิ้นต์ และดาร์คช็อคโกแลตเข้าด้วยกัน เสิร์ฟใส่ถ้วยหรือโคน ตกแต่งด้วยใบมิ้นต์อีกครั้งเพื่อเพิ่มความสดชื่นและให้กลิ่นหอม


เมนูสุดท้ายที่อยากแนะนำเป็น Honey Matcha Raspberry Ice cream

ส่วนผสม

  1. ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
  2. นมอัลมอนด์ ¾ ถ้วย
  3. น้ำผึ้ง ¼ ถ้วย
  4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ราสเบอรี่แช่แข็ง 1 ถ้วย

ที่มา

http://www.chopstickchronicles.com/matcha-green-tea-ice-cream/
https://www.diannesvegankitchen.com/2019/03/10/vegan-matcha-avocado-ice-cream/
https://momentsofsugar.com/2019/03/10/pistachio-cardamom-matcha-ice-cream/
https://bojongourmet.com/matcha-mint-chip-ice-cream/#wprm-recipe-container-25879

By : Contrary To Popular Belief

Share on facebook
Share on twitter

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

Tea shop model, a new alternative for beverage business

Recently, many new businesses have emerged, especially in the food industry. This has created a great challenge for business owners in order to adapt to consumers. In addition, there are many problems, whether it’s the number of customers or the purchasing power that has decreased. Many famous restaurant brands have started to find new models for their businesses because doing things the same old way, the business cannot increase sales anymore. Experimenting with new models to increase income channels is a model that is worth trying for both new and existing entrepreneurs. Let’s start with the familiar ones:

Tea shop model

Food Trucks that modify their vehicles to become mobile food or beverage shops. The highlight of this model is that it uses a small area, is flexible in terms of location because it is easy to move, and provides services in the form of a normal kiosk, but can be driven to reach customers anywhere they want, whether it be at an event or an area where they want to try selling without paying rent. This is to focus on reaching more customers, especially the new generation. The method is not complicated and takes a short time to focus on the number of customers and the high sales volume. The Food Truck will be an open kitchen that stands out for its aroma. Especially if selling beverages such as tea or coffee, the aroma can attract customers. It is also another way to stimulate customers’ interest to come and buy. Many shops in Japan have started with this model, creating a brand and expanding the business to be more well-known.

Food Truck  Food Truck

Meal Kits started from the trend of cooking at home during the COVID-19 pandemic when many people turned to the kitchen more, making the sale of Meal Kits or ready-to-cook food ingredient sets more popular. In the set, there will be ingredients with menus and cooking instructions sent to customers to cook at home. In addition to helping beginners get into the kitchen easily, it also provides convenience for those who do not want to leave the house to buy ingredients and saves time. As for tea drink sets, they are not yet popular. Therefore, it is an interesting gap in the beverage business for shops with unique menus that can use ingredients to make sets. Because selling this way can reduce costs in various aspects, such as storefront staff, maintenance costs for the cafe. Just arranging a set of ingredients, menus, and recipes for delivery can expand the customer base to a wider group. For example, the set includes chasen, tea powder, tea cups, and tea brewing methods, allowing customers to create a Japanese atmosphere at home.

Meal Kits  Meal Kits

Or a set of baking equipment from matcha powder is also quite interesting because these days, anyone can go into the kitchen. If you have baking equipment that if you buy it yourself, it will be complicated, you don’t know what level of matcha powder to use, and there are a lot of equipment. Everything will be easier if you put together a set for customers, including flour, sugar, butter, matcha powder, baking molds, and other equipment, along with a recipe. When they start baking themselves, of course, they will take pictures and share them on social media, spreading awareness of the brand in a wider angle.

Cloud Kitchen  Cloud Kitchen

Ghost Kitchen or Cloud Kitchen is another type of restaurant that does not necessarily have a storefront. There is only a kitchen for cooking and delivering food. It is a business collaboration between two brands to use the existing central kitchen to its maximum benefit. In addition to reducing costs, it also allows customers to order a variety of food from one place and also increases the experience for the chef. Most importantly, it saves on the cost of renting a storefront. Especially for those who already have a tea shop and want to expand the branch but do not have capital, they can easily use the Cloud Kitchen instead.

Cloud Kitchen  Cloud Kitchen

The model of tea shops these days does not have to only have a storefront for you to choose and enjoy. Instead, you can brew your own tea at home with a taste similar to sitting in a cafe. Just try looking at a wide angle and you will see many other tea business models that are worth trying.

Source

https://www.kenkotea.com.au/blogs/news/59665541-matcha-green-tea-fruity-parfait-recipe

https://www.gatherandfeast.com/matcha-coconut-cacao-protein-balls

http://fraeuleinanker.de/porto-hipster-coffee-guide/

Article from: Fuwafuwa

Chasen, one of the essential tools for brewing matcha

Chasen (茶筅 or tea whisk) is one of the most important tools for brewing and dissolving matcha powder. Therefore, it is very important to have the right type of brush and quality to get good matcha. There are many types of chasen, which have slight differences in materials, shapes, and usage. The main material used is bamboo. There are 3 main types of bamboo: Hachiku bamboo, Susudake bamboo, and Kurodake black bamboo. Hachiku bamboo is the most popular material for making chasen because its wood is smooth and soft, making it easy to carve. However, at the same time, it has low durability and is easy to break.

Susudake

If you use Susudake bamboo , it will be more durable, but it is harder to find. Kurodake bamboo is the heaviest material used for making chasen, lasting three times longer than Hachiku bamboo, but Kurodake bamboo is especially difficult to carve. The bamboo used for chasen is usually about three years old and is harvested in winter. After harvesting, the bamboo is dried for a year. First, in winter it is made outside, leaving the wood in the winter weather, then it is stored in a dry storage area and left there for the whole year.

Chasen

When the bamboo is ready, the most suitable and perfect bamboo is selected, cut into 9-12 cm long pieces and hand-carved into small pieces ready for use by the apprentices, and sent back to the master carver for further fine adjustments, including bending and spiraling.

Chasen Chasen

The final shape of the chasen is determined by many factors, such as Chu-araho, a chasen with 70 to 80 coarser bristles used for Koicha (strong matcha), and Kazuho, a chasen with up to 120 finer bristles used primarily for Uzucha (diluted matcha).

Although many countries have made efforts to produce chasen, Japan consistently produces better quality due to the craftsman’s attention to detail at every stage, from careful selection of bamboo to each cutting and shaping. This is because the quality of bamboo has a great impact on the durability of the chasen, which means that tea brewing made from high-quality bamboo has a longer lifespan.

The finer the number of whisks, the smoother the matcha will be. Commonly sold chasen has between 16 and 120 whisks. The higher the number, the easier it is to whisk the tea powder into the water and whip the matcha into a fine, frothy foam. However, if there are fewer whisks, it will take longer to whip. As for how to use it, it is recommended to place the whisk part of the chasen into hot water for a few seconds to loosen the bamboo. The trick to whipping is to bend your wrist slightly while moving it. Whisk the ingredients as quickly as possible using an M or W-shape motion. After getting an even layer of foam, slowly use the whisk to rotate it again and it’s done.

Chasen Chasen

There are many types of chasen. In fact, there are as many as a hundred generations. In the early days, only one generation of chasen was made. However, after the Japanese tea ceremony became popular, many of Sen no Rikyu’s students went on to open their own teahouses, spreading the knowledge they had gained from studying with Rikyu. Each of them adapted some of the details to suit their own identity and values. As time passed, those small differences in the beginning gradually spread until they became the differences between each teahouse. This also includes the shape of the chasen that each teahouse uses to make tea.

The thread used to wrap the chasen also differs depending on the model. Normally, the chasen uses black thread, but the chasen used on special occasions is wrapped with red or white thread for good luck, especially the chasen model used on New Year’s Day.

Chasen

Want to know which tea whisks are popular? Read more in the article. >> Top 10 Green Tea Whisks: Which One is Good in 2022?

Source

http://japan-web-magazine.com/japanese-tea/japan-japanese-tea-ceremony0.html

https://zhaozhoutea.com/chasen-%E8%8C%B6%E7%AD%85-the-matcha-whiskchasen/

Article from: Fuwafuwa

 

Genmaicha Tea: A Closer Look at Its Distinctive Blend

ชาเก็นไมฉะที่ทุกคนรู้จักกันว่าเป็นชาข้าวคั่ว รู้มั้ยว่า มีอีกชื่อว่าเป็น Brown Rice Tea หรือ Popcorn Tea ซึ่งชาเก็นไมฉะ เป็นลูกผสมของชาข้าวคั่วและชาเขียวของญี่ปุ่น (Bancha หรือ Sencha ก็ได้) ในสัดส่วนผสม 1: 1 แม้จะเป็นชาลูกผสมแต่ประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าอัศจรรย์ของชาเก็นไมฉะก็มีมากมายไม่แพ้ชาเขียวเลยทีเดียว ซึ่งชาเก็นไมฉะนี้ มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์จากการคั่วข้าวคั่วผสมกับใบชาเขียวทำให้ได้กลิ่นเหมือยป๊อปคอร์นนั่นเอง จึงเป็นที่มาของชื่อ Popcorn Tea ประกอบกับมีเป็นชาที่เป็นลูกผสม จึงมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ ชา Bancha หรือ ชา Sencha ชาเก้นไมฉะ จึงกลายเป็นชาที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุด้วย

genmaicha

หากพูดถึงชา Banchaถือเป็นชาเขียวอันดับที่มาจากการเก็บเกี่ยวครั้งที่สองหรือสาม จึงแทบจะไม่มีความขมและรสชาติที่สดชื่น แต่ก็กลายเป็นชาเขียวที่เหมาะสำหรับดื่มในชีวิตประจำวันและไม่มีคาเฟอีนมากไป จึงทำให้เด็กและผู้สูงอายุสามารถเพลิดเพลินได้ ส่วนชา Sencha เป็นชาเขียวของญี่ปุ่นทั่วไปที่ปลูกโดยใช้แสงแดดส่องถึงจนสุดหลังจากที่ดอกตูมใหม่ออกมา มีรสชาติความขมและกลิ่นหอมสดชื่นในปริมาณที่ได้สมดุลกัน เป็นที่ชื่นชอบของทุกเพศทุกวัยในญี่ปุ่น และยังครองตำแหน่งชามากกว่า 80% ในตลาดญี่ปุ่นด้วย และมีปริมาณคาเฟอีนเพียง 1 ใน 30 เมื่อเทียบกับกาแฟ 1 แก้ว

ทั้งชา Bancha และ ชา Sencha จึงเป็นส่วนผสมหลักของชาเก็นไมฉะที่ช่วยส่งเสริมให้ชาเก็นไมฉะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ชาตัวอื่นๆ ส่วนข้าวกล้องก็ขึ้นแท่นเป็นข้าวที่หอมที่สุดเมื่อนำมาคั่วเพื่อทำเป้นชาเก็นไมฉะนั่นเอง

สารอาหารหลักของชาเก็นไมฉะ ได้แก่ คาเทชิน ธีอะนิน วิตามินซี วิตามินบีรวม วิตามินอี ซึ่งมีส่วนช่วยในการต่อต้านริ้วรอย เพราะคาเทชิน มีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันหรือน้ำตาลส่วนเกินดูดซึมในร่างกายและเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ เป็นตัวแทนในการต่อต้านแบคทีเรียที่จะป้องกันไม่ให้เป็นหวัดอาหารเป็นพิษหรือมีกลิ่นปาก นอกจากนี้ในชาเก็นไมฉะมีวิตามินแร่ธาตุและเส้นใยอาหารที่ค่อนข้างสูง จึงช่วยป้องกันอาการท้องผูก และเพิ่มการเผาผลาญได้ดี และมีสารGamma-oryzanol ที่มีผลดีในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย และวิตามินบีคอมเพล็กซ์ในเก็นไมฉะ สามารถช่วยให้หายจากความเหนื่อยล้า ความเครียดได้

genmaicha genmaicha

ส่วนช่วงเวลาที่ควรดื่มชาเก็นไมแะนั้น แน่นอนว่าสามารถดื่มได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ ก่อนมื้ออาหาร

หากดื่มในระหว่างมื้ออาหารก็มีผลดีเช่นกัน เพราะช่วยในการควบคุมคอเลสเตอรอลและการเผาผลาญไขมัน เนื่องจากชาเก็นไมฉะจะยิ่งอร่อยสดชื่นยิ่งขึ้นเมื่อทานกับอาหารที่มีความมันบางชนิด

นอกจากนั้น การดื่มแบบอุ่นๆในระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหาร จะช่วยย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น

genmaicha

การชงชาเก็นไมฉะด้วยน้ำต้ม จะทำให้ได้กลิ่นหอมและช่วยให้คาเทชินออกฤทธิ์ดีที่สุด นอกจากนี้ตอนต้มชาเก็นไมฉะ ควรใช้เวลาสั้นที่สุดในการชงเพื่อป้องกันไม่ให้สารแทนนินออกมาซึ่งจะทำให้มีรสขมเกินไป

genmaicha

หากใครที่หลงใหลชาเก็นไมฉะ Matchazuki ก็อยากแนะนำให้เอาไปลองทำขนมดู ก็ได้รสชาติและสัมผัสที่อร่อยไม่แพ้ชาประเภทอื่นๆ ที่สำคัญคือ การใช้เก็นไมฉะมาทำขนมยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก หากร้านไหนต้องการสร้างจุดต่าง อาจจะเริ่มจากการนำไปทำคุ้กกี้ หรือ Topping บน Chocolate Bar ดูก่อนก็น่าสนใจทีเดียว

ที่มา

https://www.ohhowcivilized.com/genmaicha-tea/?utm_source=pinterest&utm_medium=social&utm_campaign=social-pug

7 Health Benefits of Genmaicha and When to Drink

Matcha white chocolate with genmaicha

บทความจาก : Fuwafuwa