การผสมชากับนมนั้นมันไม่ดีจริงเหรอ? 
|

การผสมชากับนมนั้นมันไม่ดีจริงเหรอ? 

ชาใส่นม ไม่ว่าจะเป็นมัทฉะลาเต้ หรือ ชานมเย็น ที่เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคน ด้วยความเข้มข้น ของชา และความกลมกล่อมด้วยนมที่ผสมตามสูตรของที่ร้าน ชาจึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ อย่างที่ไทยบ้านเรา ก็มีทั้งชาดำเย็น ชานม หรือฝั่งญี่ปุ่น คนนิยมบริโภคชาเขียว ฝั่งยุโรปยังมีธรรมเนียมในการดื่มชากับขนมหวาน หรือที่เรียกว่า Afternoon tea นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้วยังเป็นเพราะชาอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ อย่างที่รู้กัน เช่น สารคาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยดักจับอนุมูลอิสระ และสารธีอะนิน (Theanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทำงานสัมพันธ์กันกับเส้นประสาท หากดื่มไปแล้วจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบนิ่งและสมองปลอดโปร่งมากขึ้น ซึ่งการจะได้ประโยชน์จากสารอาหารเหล่านี้อย่างเต็มที่ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าต้องดื่มแบบไม่ผสมนม หรือน้ำตาล แต่การผสมชากับนมนั้นมันไม่ดีจริงเหรอ?  มีการค้นพบโดย นักวิจัยจากโรงพยาบาลคาริตของมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เยอรมนี ว่า ชาจะหมดประโยชน์ได้ ถ้าหากใส่นม เพราะโปรตีนในนมจะไปยับยั้งการทำงานของสารคาเทซิน ทำให้ประโยชน์ของชาในการปกป้องโรคหัวใจหมดไปการวิจัยดังกล่าวทดลองเปรียบเทียบ ระหว่างสุขภาพของผู้ดื่มน้ำอุ่น ดื่มชา และดื่มชาแบบเติมนม พบว่า “ คนที่ดื่มชาทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำอุ่น แต่พอมีการเติมนมลงไปในน้ำชาคุณประโยชน์ชาก็จะหายไปทันที ” แต่ถ้าต้องการดื่มชาแบบเติมนมจริงๆ ก็ยังมีการโต้เถียงอีกว่า“ควรใส่ ชาก่อนหรือหลังนม?” บางคนก็เชื่อว่าการเติมนมทีหลังชงชา ทำให้ผู้ดื่มสามารถกะปริมาณนมได้ง่ายกว่า…

รวมกันแล้วรุ่ง ด้วย Marketing Collaboration
|

รวมกันแล้วรุ่ง ด้วย Marketing Collaboration

จะเห็นว่าช่วง 2-3 ปีมานี้ ธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ เบเกอรี่ และเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เป็น SME ร้านมีแฟรนไชส์ หรือแม้กระทั่งใครหลายคนที่อาศัยช่วงเวลาว่างอยู่ที่บ้าน เข้าครัว จับโน่นผสมนี่ออกมาทำขายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไหนๆ ก็คู่แข่งเต็มไปหมด โดยเฉพาะร้านสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นขนม ชา หรือร้านอาหารก็ตาม ด้วยจำนวนร้านที่เพิ่มขึ้นมาก แต่จำนวนผู้บริโภคมีเท่าเดิม คงหนีไม่ได้ กับการที่ยอดซื้อของบางร้านที่ไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากพอ จะลดลงอย่างแน่นอน การ Marketing Collaboration  หรือการจับคู่แบรนด์เพื่อทำโปรเจกต์ร่วมกัน กลยุทธ์นี้เป็นการผสมผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความแปลกใหม่ และขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตามการทำ Marketing Collaboration ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกเคสไป และมือใหม่ที่ไม่ถนัดการตลาดมากนัก อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าต้องเริ่มทำจากอะไร เทคนิคการทำ Marketing Collaboration เริ่มจาก 1.กำหนดเป้าหมายให้ชัดต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าทำเพื่ออยากได้กลุ่มลูกค้าแบบไหนเพิ่มขึ้น อยากได้ชื่อเสียงจากอีกแบรนด์ในด้านไหนในการทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกัน อย่างเช่น “KitKat  X Krispy Kreme” ช็อคโกแลตคิทแคทที่หลายคนรู้จัก จับมือกับโดนัทยอดฮิต เพื่อออกสินค้าใหม่ที่เป็น Limited Edition แม้จะเป็นธุรกิจขนมเหมือนกัน แต่การจับมือของสองแบรนด์นี้…

ออกแบบเมนูอย่างไรให้ปังดึงดูดลูกค้า!!!
|

ออกแบบเมนูอย่างไรให้ปังดึงดูดลูกค้า!!!

เคยเจอปัญหานี้ที่ร้านกันมั้ย ??? คิดเมนูออกมาได้รสชาติดี ราคาไม่แพงแล้ว แถมทำเลร้านก็ดี แต่ทำไมลูกค้ายังไม่เข้าร้าน มีบริการส่งดิลิเวอรี่ แต่ลูกค้าก็ยังไม่กดสั่งซื้อ เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี นำเข้าจากต้นกำเนิด แต่ยอดขายก็ไม่ขึ้น ส่วนนึงที่หลายคนอาจลืมนึกถึงไปคือ ใบเมนูของที่ร้าน หรือรูปภาพที่เราใช้ในการทำเมนูหรือโพสต์ลงโซเชียลนั้นเอง ที่เป็นเหมือนหน้าต่างบานแรกของทุกร้าน ส่งผลต่อการเลือกซื้อของลูกค้า มาดูกันว่า ดีไซน์เล่มเมนูแบบไหนที่ช่วยดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น 1. คำที่ใช้เขียนในใบเมนูต้องน่าตื่นตาตื่นใจเช่น “Handcrafted” “Recommend” “New Arrival” “Signature Menu” แต่อย่าใส่มากเกินไป เพราะลูกค้าอาจจะสับสนในการตัดสินใจเลือกสั่งได้ อย่างภาพนี้ที่ถ้าดูเผินๆหลายคนอาจจะไม่สนใจ แต่ถ้าดูดีๆแล้วเห็นคำว่า NEW ในภาพ จะเกิดความสะดุดตา อยากซื้อขึ้นมาในทันใด 2. เล่าเรื่องราวของเมนูนั้น อธิบายรสชาติของขนมว่ามีส่วนผสมของไส้อะไรบ้าง หรือ อธิบายวัตถุดิบเล็กน้อย เมนูไหนที่ใช้วัตถุดิบพรี่เมี่ยม อย่างเช่น ผงชาเขียวนำเข้าจากอูจิเกียวโต ชาชั้นดีของญี่ปุ่น คำเหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจ เพราะได้รู้ถึงที่มาของวัตถุดิบที่รสเลิศจึงมีส่วนช่วยให้อยากสั่งอาหารได้มากเลยทีเดียว นอกจากอธิบายด้วยข้อความแล้ว สามาถอธิบายด้วยภาพได้เช่นกัน อย่างเช่น การมีพร็อพตกแต่งข้างๆเป็นฉะเซ็น ถ้วยชงชาญี่ปุ่น แสดงถึงที่มาของชาเขียวที่อยู่ในทาร์ตนี้ว่าเป็นชาเขียวของญี่ปุ่น และมีส่วนผสมของ ถั่วแดง 3. สีสื่อความหมายเช่น…

สีเขียวๆเหมือนกัน แต่ทำไมเป็นชาเขียวคนละแบบกัน
|

สีเขียวๆเหมือนกัน แต่ทำไมเป็นชาเขียวคนละแบบกัน

ทุกคนน่าจะเคยเห็นชาเขียว ที่สีไม่เขียว อย่างที่รู้จักกันในชื่อของ ชาโฮจิฉะ กันแล้ว แต่ก็อาจจะเคยเห็นชา ที่สีเขียวเหมือนกัน ต่างระดับเข้มอ่อน ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการแสดงรสชาติที่มีหลากรสชาติหลายระดับ สิ่งที่ทำให้ชาเขียวแตกต่างจากชาประเภทอื่นๆ อย่างชาแดง และชาอู่หลง คือการ “นึ่ง” ใบชา ที่สามารถช่วยไล่กลิ่นเหม็นเขียวไปพร้อมๆ กับหยุดกระบวนการออกซิเดชัน ทำให้รักษาสีเขียวเอาไว้ได้นั่นเอง สิ่งที่เรียกว่าชาเขียวเองก็ยังแบ่งได้ออกเป็นอีก 4 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ 1.เกียวคุโระ (Gyokuro)ยอดใบชาเขียวชั้นดี ใบชาม้วนเป็นเกลียว สีเขียวเข้ม ปลูกโดยคลุมผ้ากันแสงให้อยู่ในสภาวะเหมาะสมจนเกิดเป็นสีเขียว ผ่านการนึ่ง นวด และทำให้แห้ง ได้ออกมาเป็นชารสไม่ฝาด หวานเล็กน้อย ซึ่งที่มาของรสชาติหวานกลมกล่อมนี้ มาจากการที่ให้ใบชาอยู่ในร่มก่อนการเก็บเกี่ยว ซึ่งการป้องกันแสงแดดนี้จะทำให้สารเธียอะนินที่มีประโยชน์ (ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย) ในใบชาเพิ่มขึ้น แต่ทำให้สาร catechin ที่มาของรสขมในใบชาลดลง ทำให้ได้ชาที่มีรสชาติหวานกลมกล่อมนั่นเองกลิ่นหอม สีชาเกียวคุโระสีเขียวสด จัดเป็นชาเขียวชั้นสูง ผลิตได้ไม่มาก เก็บเกี่ยวได้ทีละน้อย ราคาจึงค่อนข้างแพง ส่วนมากใช้ในงานพิธีการ 2.มัทฉะ (Matcha) ชื่อที่หลายคนคุ้นเคยมากที่สุด ชาตัวนี้ผลิตจากมาจาก เท็นฉะ (Tencha) ซึ่งได้มาจากใบชาที่ปลูกในที่ร่มเหมือนชาเกียวคุโระก่อนจะนำไปบดเป็นผงด้วยหินอย่างพิถีพิถัน มักจะใช้ในพิธีชงชา เพราะมัทฉะรสชาติกลมกล่อมมัทฉะแบ่งเป็นหลายเกรด…

โรยผงมัทฉะบนขนมยังไงให้ดูน่าทาน?
|

โรยผงมัทฉะบนขนมยังไงให้ดูน่าทาน?

ตามปกติแล้วชาเขียวที่ใช้ทำเบเกอรี่นั้น ใช้ได้ทั้งชาเขียวแบบใบและแบบผง ถ้าใช้แบบใบต้องนำไปชงในน้ำร้อนแล้วกรองใบชาออกก่อนใช้ เราจึงนิยมใช้แบบผงมากกว่าเพราะใช้งานได้กว้างกว่า สามารถใช้ได้ทั้งแบบแห้งหรือนำไปชงแล้วใช้แบบน้ำได้ด้วย ซึ่งหลายคนที่เลือกใช้แบบผงมาทำขนมแล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหากับการแต่งหน้าขนมที่ไม่เป็นตามที่คิดไว้ การโรยผงมัทฉะลงไปที่ขนมแล้วซึมลงไปในเนื้อเค้กนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เพราะผงชามันจะดูดความชื้นเข้ามาจนเปียกเมื่อทิ้งไว้นานๆ นั้นเอง สีจึงอาจจะไม่เรียบเนียน ทริคเล็กๆน้อยๆสำหรับการแต่งหน้าขนม คือ ให้โรยตอนที่จะเสิร์ฟ หรือใกล้ๆช่วงเวลาที่จะทานเพื่อให้สีเขียวเรียบเสมอกัน และแนะนำให้ก่อนโรยผงมัทฉะ พักหน้าเค้กไว้ในตู้เย็นไม่ต้องเอาอะไรคลุม ให้หน้าเค้กแห้งขึ้น สัก 2 ชม. จะทำให้ผงมัทฉะติดง่ายขึ้นไม่ละลายซึมลงไป หรือในกรณีที่ต้องการตกแต่งหน้าขนมเป็นลวดลาย หลังจากนำเค้กออกจากตู้เย็น วางกระดาษทาบไปบนหน้าเค้ก ไม่ต้องกด แล้วโรยผงมัทฉะด้วยกระชอนตาถี่ๆให้ทั่วตามรอยที่บุไว้ (ขั้นตอนนี้ต้องทำให้รวดเร็ว) อย่างไรก็ตามบางคนก็นำผงมัทฉะผสมน้ำตาลไอซิ่งเล็กน้อย จะช่วยได้พอประมาณ เพราะในน้ำตาลไอซิ่งมีแป้งข้าวโพดจะช่วยกันความชื้นระดับหนึ่ง หรือใช้ผงมัทฉะเฉพาะสำหรับโรยหน้าขนม แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าผงมัทฉะปกติ มีขายตามร้านทำขนมที่ญี่ปุ่น ส่วนใครที่ไม่มีน้ำตาลไอซิ่ง สามารถน้ำตาลไปป่นจนละเลียดและผสมแป้งข้าวโพดเข้าไปประมาณ 3% ก็จะมีลักษณะที่เป็นเหมือนน้ำตาลไอซิ่ง ใช้แทนกันได้ อีกข้อควรระวังในการโรยผงมัทฉะลงบนขนม คือ เรื่องสี รสชาติ และกลิ่น กล่าวคือ สีของผงมัทฉะ ยิ่งเขียวสดเข้ม จะยิ่งมีความขมน้อยมากๆเป็นมัทฉะที่ได้รับการดูแลอย่างดี สายพันธุ์ดี แต่ถ้าสีเขียวอ่อน คือผลิตจากใบชาที่เกรดรองลงมา ผลิตจากใบชาเขียวใบโตที่ได้รับแสงแดดมานาน ใครที่เป็นขั้นเทพเรื่องชาเขียวพอเห็นหน้าตาขนมเลยจะรู้ได้เลยว่าใช้ชาเขียวเกรดไหนในการทำขนม แต่วิธีเพิ่ม value…

น้ำแข็งแบบไหนเหมาะกับการทำเครื่องดื่มมากที่สุด
|

น้ำแข็งแบบไหนเหมาะกับการทำเครื่องดื่มมากที่สุด

เคยเป็นมั้ยที่ชงเครื่องดื่มออกมาดื่มเพียวๆอร่อยมาก แต่พอเทน้ำแข็งลงไป รสชาติกลับไม่เข้มข้นเหมือนเดิม แม้จะใช้วิธีในการคำนวณแบบง่ายๆที่หลายร้านใช้กันอย่างน้ำแข็งเต็มแก้ว 16 oz จะต้องใส่เครื่องดื่มที่ผสมส่วนผสมตามสูตรแล้วปริมาณ 6 oz หรือ 180 ml ถึงจะได้เครื่องดื่ม และ น้ำแข็ง ที่เต็มแก้วขนาด 16oz พอดิบพอดี แต่ก็กลับเจอปัญหาอีกที่ บางครั้งแค่เปลี่ยนแบบน้ำแข็งที่ใช้ในการชงเครื่องดื่มรสชาติก็เปลี่ยน เพราะหลายคนคิดไม่ถึงว่าน้ำแข็งแต่ละรูปทรงก็ส่งผลต่อรสชาติของเครื่องดื่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ น้ำแข็ง วัตถุดิบธรรมดาที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ จะทำให้ร้านคุณมีเอกลักษณ์ และทำให้ลูกค้าประทับใจได้มากขึ้นได้ น้ำแข็งหลอดที่มีรูข้างในทำให้มีผิวสัมผัสเยอะ ก้อนใสไม่มีตะกอน หลายร้านมักซื้อเครื่องทำน้ำแข็งแบบนี้ไว้ที่ร้าน เพราะข้อดี คือ เย็นนานกว่า 3-4 ชม ขึ้นไป หลายๆร้านให้ความนิยมในการใช้ แต่ให้ความเย็นช้ากว่าเล็กน้อย น้ำแข็งสี่เหลี่ยมน้ำแข็งยอดนิยม มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีคุณสมบัติการละลายช้ากว่าน้ำแข็งประเภทอื่นๆ เนื่องจากมีความหนาแน่นสูง สามารถรักษาอุณหภูมิความเย็นไว้ได้นาน แม้จะอยู่ในภาชนะขนาดใหญ่ก็อยู่ได้หลายชั่วโมง และเป็นน้ำแข็งที่มีความสวยงาม ทำให้เครื่องดื่มดู สวยงามน่ารับประทานมากขึ้น เหมาะสำหรับเครื่องดื่มที่ไม่ต้องการให้น้ำแข็งทำลายรสชาติของเครื่องดื่ม เช่น ค็อกเทล, กาแฟเย็น, น้ำหวานชงดื่มชนิดต่างๆ น้ำแข็งเกล็ดกรอบเป็นรูปทรงที่เรามักเห็นบ่อยๆ ในเซเว่น อีเลฟเว่น มีขนาดเล็ก ไม่แข็งมาก…

เคล็ดลับการเลือกดื่มชา เวลาไหนเกิดประโยชน์ที่สุด?
|

เคล็ดลับการเลือกดื่มชา เวลาไหนเกิดประโยชน์ที่สุด?

สำหรับผู้ที่ชอบดื่มชาอาจจะอยากทราบว่า หากต้องการดื่มชาให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรดื่มเวลาไหนดีนะ? เพราะเครื่องดื่มอย่างชา..หากดื่มถูกจังหวะเวลาก็ย่อมทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายได้ด้วย แต่ถ้าดื่มมากไปก็อาจจะเกิดผลเสียได้เช่นกัน แล้วช่วงเวลาไหนคือ เวลาที่เหมาะสมสำหรับการดื่ม และเหมาะกับแต่ละคน แนะนำให้ดื่มชาทันที หลังชงเสร็จร้อนๆทันทีไม่ควรปล่อยไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น สีของน้ำชาจะคล้ำลง และมีรสชาติฝาด เพราะการดื่มแบบชงร้อนจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารอาหารในชามากกว่า เนื่องจากชามีกรดแทนนินสูง (Tannin) หากคุณดื่มตอนที่มีรสฝาดจะส่งผลกระทบมายังกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งมันจะทำให้การดูดซึมสารอาหารไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการดูดซึมธาตุเหล็ก แคลเซียมและแมกนีเซียม ในชายังมีสารสำคัญอย่างคาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยดักจับอนุมูลอิสระ และสารธีอะนิน (Theanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทำงานสัมพันธ์กันกับเส้นประสาท หากดื่มไปแล้วจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบนิ่งและสมองปลอดโปร่งมากขึ้น หากไม่ดื่มหลังชงร้อนๆเสร็จ ปล่อยน้ำชาไว้ให้เย็น จะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง อย่างไรก็ตามปกติเรามักจะได้ยินคนแนะนำว่าให้รับสิ่งดี ๆ ที่มีประโยชน์เข้าไปในตอนเช้า แต่ว่าอย่าดื่มชาเขียวตั้งแต่เช้าขณะท้องว่างเพราะว่าชาเขียวมีคาเฟอีนจะทำให้ร่างกายขับน้ำออกมา กลายเป็นอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวพรรณห่อเหี่ยวไม่สดชื่น สมองก็จะมึนงงได้ แถมชาเขียวยังกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารมากไปจนเกิดแผลตามมาได้ ควรกินอาหารเช้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยตามด้วยชาเขียวร้อนๆสัก 1 แก้วจะดีกว่า ส่วนใครที่ชอบออกกำลังกายมีงานวิจัยทดลองว่าการดื่มชาเขียวก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที จะช่วยให้เราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและออกกำลังกายได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น ดังนั้นจึงเหมาะมากๆกับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักสลายไขมัน แต่ทั้งนี้ จะต้องเป็นชาเขียวเพียวๆที่ไม่ใส่น้ำตาลและนม สำหรับคนที่ชอบจิบชาแทนน้ำเปล่า หรือคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบควรหันมาจิบน้ำชาอ่อนๆ ดีกว่า ไม่ควรจิบชาแก่ๆ เพราะจะยิ่งทำให้การหลั่งของกรดออกมามากขึ้น…

สูตรเค้กชาเขียวญี่ปุ่น เหมาะกับคนแพ้ง่าย!
|

สูตรเค้กชาเขียวญี่ปุ่น เหมาะกับคนแพ้ง่าย!

ถ้าพูดถึงวัตถุดิบหลักในการทำขนม หลายคนต้องนึกถึง นม ไข่ เนยที่เป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่นหอม และอร่อยล้ำ แต่ในทางตรงกันข้าม วัตถุดิบเหล่านี้ จะทำให้ร่างกายทำงานหนักเพื่อย่อยสลาย บางคนอาจจะทานได้ในปริมาณที่จำกัด นอกจากนี้ในปัจจุบันมีเด็กที่แพ้อาหารดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาก อาหารแมคโครไบโอติกส์ จึงเป็นอีกทางเลือกของคนกลุ่มนี้ หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ถ้าจะเป็นขนมสุขภาพดีต้องใช้แป้งโฮลวีตแบบละเอียด 100% ในการทำขนม  ซึ่งแป้งโฮลวีตนี้เป็นแป้งไม่ขัดขาว ที่มีส่วนผสมของรำข้าวอยู่ด้วย แต่เนื้อเค้กแบบนี้มักจะแข็งกระด้าง ไม่อร่อย ที่ญี่ปุ่นนิยมใช้แป้งเค้กมาผสมครึ่งนึ่งของสูตรแป้ง เพื่อให้เนื้อเค้กนุ่มฟู ได้สัมผัสของความเป็นเค้ก รอบนี้เอาใจคนไม่มีเตาอบด้วยสูตรเมนูเค้กปอนด์นุ่มฟูสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งสามารถทำได้โดยการนำไปนึ่งแทน เค้กปอนด์จะค่อยๆสุกด้วยไอร้อน เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ ละมุนลิ้น รสขมนิดๆของชาเขียวที่เข้ากันกับรสหวานของถั่วดำ การทำสูตรนี้มือใหม่หัดทำขนมก็สามารถทำได้ เพราะเพียงแค่ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี โดยเฉพาะแป้งและของเหลวที่ควรคนให้เนียนเข้ากันดีโดยไม่หยุดมือ จากนั้นเทใส่พิมพ์แล้วอบโดยเร็ว มิฉะนั้นเค้กจะไม่นุ่มฟู แต่ถ้ากรณีที่บางสูตรของเค้กนึ่งมีส่วนผสมของน้ำมัน และแป้ง ให้คนส่วนผสมพอเข้ากันไม่ให้เห็นเม็ดแป้งก็พอ เพราะหากคนนานเกินไป ก็จะส่งผลให้เค้กไม่ฟูเช่นกัน ส่วนผสม 1. แป้งเค้ก 100 กรัม 2. ส่วนผสม A แป้งโฮลวีตแบบละเอียด 50 กรัม ผงฟู 2 ช้อนชา น้ำตาลเทนไซ…

เทคนิคตั้งราคาขายให้ลูกค้าเข้าร้านง่ายขึ้น
|

เทคนิคตั้งราคาขายให้ลูกค้าเข้าร้านง่ายขึ้น

ร้านชาหลายร้านที่ใช้ผงชานำเข้าจากญี่ปุ่น หรือใช้เกรดพรี่เมี่ยมในการทำเมนูเครื่องดื่มและขนมในร้าน อาจจะเกิดปัญหาที่ว่า ต้นทุนสูง ต้องตั้งราคาขายยังไงให้ไม่รู้สึกแพงจนเกินไปสำหรับลูกค้า และไม่ทำให้ร้านขาดทุนด้วย 5 วิธีง่ายๆช่วยให้ลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น 1. ขายเป็นเซต ขายง่ายกว่า นอกจากจะได้ความคุ้มค่าแล้ว ยังช่วยกระตุ้นความต้องการให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น ปกติขายแยกเมนูข้าว แยกของหวาน แต่เอามาจับเซ็ต โดยทำให้ราคาของสองอย่างเมื่อรวมกันแล้วถูกกว่าราคาที่ซื้อแยกกัน ลูกค้าจะรู้สึกได้ทานอาหารในราคาถูก ถึง 2 เมนู คุ้มค่า และทำให้อาหารในร้านขายออกได้เร็วขึ้นอีกด้วย ลดเวลาในการตัดสินใจเลือกเมนูของลูกค้า บางร้านอาจจะจัดเซตเมนูที่ราคา สูง กลาง ต่ำ เพิ่มเติม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ามี Option และเห็นง่ายขึ้นว่าชุดไหนคุ้มค่าที่ควรสั่ง 2. ตั้งราคาให้โดดเด่นจากร้านอื่น เพื่อดึงดูดใจลูกค้าแล้ว ยังเป็นการกำหนด position ร้านอาหารของคุณให้ต่างจากคู่แข่ง หลักๆ มี 3 รูปแบบ คือ ตั้งราคาขายให้น้อยกว่าคู่แข่ง เป็นวิธีที่ผู้ประกอบการหลายคนคิดว่าจะดึงลูกค้าเข้ามาที่ร้านได้ง่าย แต่การจะตั้งราคาให้ถูกกว่าคู่แข่งนั้น ต้องไม่ลืมที่จะคำนวนต้นทุนด้วย แต่ถ้าเป็นร้านที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อย ลูกค้าใช้เกณฑ์ราคาในการตัดสินใจซื้อ และร้านเน้นปริมาณการขายเป็นหลัก ก็เป็นวิธีที่ดีทีเดียว ตั้งราคาขายให้สูงกว่าคู่แข่งโดยเฉพาะร้านที่มีลูกค้าที่ต้องการคุณภาพ บริการ ที่ได้มาตรฐาน…

ข้อควรระวังในการดื่มชา ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
|

ข้อควรระวังในการดื่มชา ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้

หลายคนคงทราบกันอยู่แล้วว่า การดื่มชามีประโยชน์มากมาย แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าการดื่มชามากจนเกินไปจะมีผลเสียต่อร่างกายพอสมควรเลยทีเดียว 1. การดื่มน้ำชาไม่ว่าจะชาร้อนหรือชาแช่เย็นไม่ควรแต่งรสด้วยนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา ทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วิธีการดื่มชาเขียวให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงควรดื่มน้ำชาล้วนๆไม่ควรปรุงแต่ง นอกจากจะได้สารอาหารที่ครบถ้วนแล้วยังไม่อ้วนจากน้ำตาลที่ปรุงแต่งเข้าไปด้วย 2. ใบชายังมีองค์ประกอบของฟลูออไรด์ในปริมาณที่ค่อนข้างสูงและสูงกว่าปริมาณในน้ำประปา หากดื่มในปริมาณที่มากเกินไป จะเกิดการสะสม มีผลให้ไตวาย เกิดมะเร็งลำไส้ โรคกระดูกพรุน (Osteofluorosis) โรคข้อ และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับกระดูก และยังทำให้ฟันเกิดคราบเหลืองได้ ยิ้มฟันขาวๆจะหายไป แต่ผู้ที่ดื่มไม่มาก ก็คงไม่ต้องกังวล 3. หลีกเลี่ยงชาที่มีส่วนผสมของคอมเฟรย์ (comfrey)ซึ่งมีสารไพโรลิซิดีน อัลคาลอยด์ อันอาจเป็นอันตรายต่อตับ ในบางประเทษดอกคอมเฟรย์เป็นเรื่องต้องห้ามเลย 4. สารออกซาเรท (oxalate) ในชาที่มีอยู่ในปริมาณน้อย แต่หากผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชามากจนเกินไปและดื่มบ่อยๆเป็นประจำ จะสะสมสารออกซาเรทในร่างกายได้ อาจส่งผลต่อการทำลายไตได้ 5. ใบชามีคาเฟอีนในปริมาณสูงอาจสูงกว่าในเมล็ดกาแฟด้วยซ้ำไป เพียงแต่การดื่มน้ำชา สารแทนนินจากน้ำชาจะช่วยลดการดูดซึมของคาแฟอีนเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ฤทธิ์การกระตุ้นหัวใจและสมองน้อยกว่ากาแฟมากคาเฟอีน แต่ก็ส่งผลต่อการนอนเช่นเดียวกับกาแฟ ดังนั้นไม่ควรดื่มภายในสามชั่วโมงก่อนเข้านอน 6. สารแทนนินที่มีอยู่ในชาเขียวซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการท้องผูกเพราะสารตัวนี้ทำหน้าที่ยับยั้งการดูดซึมสารอาหารสำคัญอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน เหล็กและโฟลิก เพราะฉะนั้น เพื่อป้องกันปัญหาท้องผูกตามมา แนะนำให้คุณหันมาดื่มชาเขียวแต่เพียงในปริมาณพอดี โดยดื่มวันละไม่ควรเกินกว่า 5 แก้ว…

รู้ไหมว่า…ชงชาเขียวใช้น้ำแบบไหน?
|

รู้ไหมว่า…ชงชาเขียวใช้น้ำแบบไหน?

ปกติแล้วเรามักนิยมแช่ใบชากับน้ำร้อนนานๆ อยากดื่มเมื่อไหร่ก็เทออกมา ซึ่งความคุ้นเคยนี้ทำให้บางครั้งเราไม่ได้รับรสชาที่แท้จริง การชงชาแต่ละชนิดมีความแตกต่างจากหลักการเบื้องต้นไม่มากนัก แต่ก็มีความละเอียดอ่อนที่จะช่วยให้ได้รสอร่อยและประโยชน์ของชาอย่างแท้จริง ใบชาแต่ละชนิด มีสารอาหารอยู่ในปริมาณที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต ซึ่งสารอาหารเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นตัวกำหนด “รสชาติ” ของชา เช่น ชาที่มีกรดอะมิโนเยอะ ก็จะมีรสกลมกล่อม ชาที่มีสารแคทิซินเยอะ ก็จะมีรสฝาด และขม ซึ่งนอกจากประเภทชาแล้ว “น้ำ”ที่ใช้สำหรับชงชา ดูเผินๆหลายคนคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนัก เน้นไปที่เลือกผงชา ใบชา ที่คุณภาพดีไว้ก่อน แต่ความจริงแล้ว การชงชาให้อร่อยชนิดของน้ำที่ชง มีผลต่อรสชาติและกลิ่นของชา ที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน เพราะสารอาหารในชา นอกจากจะมีปริมาณที่ต่างกันแล้ว ยังมีคุณสมบัติละลายในน้ำอุณหภูมิที่ต่างกันอีกด้วย อย่างชาเขียว คือ ชาที่ไม่ผ่านการหมักหากชงด้วยน้ำเดือด 100 องศา ใบชาจะเฉา เหี่ยว และขับสารแคทิซีนออกมาเป็นจำนวนมากส่งผลให้ชามีรสขม เวลาดื่มรสสัมผัสจะน้อยลง เพราะในชาเขียวเป็นชาที่มีปริมาณกรดอะมิโนสูง การจะชงชาให้ได้รสชาติดีที่สุดนั้น จะต้องดึงกรดอะมิโนออกมา โดยที่ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังไม่ให้สารแคทิซิน ซึ่งเป็นสารให้ความขมและฝาดออกมา จึงต้องใช้น้ำที่อุณหภูมิระหว่าง 50-60 องศาเซลเซียส เพราะกรดอะมิโน จะเริ่มละลายออกมาในน้ำอุณหภูมิตั้งแต่ 50 องศา ในขณะที่สารแคทิซิน จะละลายออกมาที่น้ำอุณหภูมิสูงกว่า 60…

บริหารจัดการผงมัทฉะ ยังไงให้ยอดพุ่ง!

บริหารจัดการผงมัทฉะ ยังไงให้ยอดพุ่ง!

ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ หลายๆร้านคงยอดขายตกลง ยิ่งเจอกับโรคระบาดอย่างโควิดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ลูกค้าออกมาจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลง การควบคุมวัตถุดิบที่เคยแพลนไว้อย่างดีของหลายๆร้านอาจจะรวนได้ วัตถุดิบบางตัวราคาค่อนข้างสูง ถ้าไม่บริหารจัดการให้ดีอาจจะทำให้ร้านขาดทุนได้ วิธีง่ายๆกับการจัดการวัตถุดิบของร้านก่อนที่ของจะหมดอายุ รีเช็คสต็อกวัตถุดิบทุกตัว ถึงวันหมดอายุ และวิธีเก็บรักษา อย่างพวก ผงชา ที่โดนแสงไม่ได้ ก็ควรเก็บในที่มิดชิดเข้าตู้เย็นให้ถูกวิธี เพื่อที่จะทำให้ไม่เสียก่อนวลาที่กำหนด หรืออย่างอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าไม่ใช้ให้ถูกวิธี อาจจะทำให้เสียง่ายต้องเสียค่าซ่อมหรือซื้อใหม่อีก อย่างวิธีตากฉะเซ็น หรือแปรงชงชา ก็ควรเสียบไว้ในที่ตั้งของมัน วางผึ่งลมให้แห้งก่อนเก็บ เพื่อป้องกันการขึ้นรา ดัดแปลงร้านขนมหวาน เครื่องดื่มหลายร้านช่วงนี้อาจจะกุมหัวคิดหนักกันหน่อยว่าจะทำยังไงถึงจะขายได้ในเมื่อลูกค้าไม่เข้าที่หน้าร้านสิ่งสำคัญคือ การดัดแปลง ผันตัวมาทำดิลิเวอรี่ให้ได้ รูปแบบในการเสิร์ฟแต่ละเมนูที่ปกติมีความอลังการ อาจจะต้องดัดแปลง เช่นพวกเมนูน้ำ อาจจะใช้เป็นเวอร์ชั่นใส่ขวดส่งแทน ง่ายต่อการดิลิเวอรี่ ลูกค้าได้รับก็ประทับใจ หรือจะอย่างพวกเมนูขนมหวาน ที่ลองดูวิธีการเสิร์ฟ ว่าแบ่งซอส แบ่งองค์ประกอบหลักของขนมใส่กล่องบริการเสิร์ฟยังไงได้บ้าง ต่อยอด จากวัตถุดิบเดิมในร้านให้มากที่สุดวัตถุดิบบางอย่างที่เป็นของสดเสียง่ายอย่างนมสด หรือ ครีม ที่สั่งมาสต็อกไว้แล้ว ต้องดัดแปลงเมนูที่สามารถทำเสิร์ฟลูกค้าให้ได้ ก่อนที่จะเสีย เช่น อาจจะนำนมบางส่วนไปเป็นส่วนผสมของการทำขนมปัง ซึ่งเวลาในการเก็บรักษาขนมปังก็จะยืดได้นานกว่านมสดทั่วไป หรือ ใครที่สต็อกผงชาไว้เยอะ สำหรับทำเมนูต่างๆในร้าน ก็สามารถแบ่งชาออกมาส่วนนึง ผสมกับแป้ง ผงฟู แล้วแพ็คขายเป็น…