Iced Matcha Latte

เปลี่ยนชาเขียวเย็นให้กลายเป็นพรีเมียมมัทฉะลาเต้ เมนูยอดฮิตของร้านที่อร่อยจนต้องบอกต่อ!!

ผงมัทฉะคุณภาพดีจะให้สีเขียวที่สวยงาม เมื่อเทราดลงบนนมสดจะเห็นเป็นชั้นสีเขียวมรกต ค่อยๆซึมลงมาด้านล่างซึ่งวิธีทำก็ไม่ยาก ยิ่งถ้ามีอุปกรณ์ช่วยจะใช้เวลาชงไม่นานเลย เราไปดูวัตถุดิบและวิธีชงกันเลยดีกว่าครับ ^^

อุปกรณ์ช่วยละลาย

วัตถุดิบสำหรับแก้ว 16 Oz.

  1. ผงมัทฉะ MATCHAZUKI เกรด Excellent           3  กรัม (~1.5 ช้อนชา)
  2. น้ำอุ่น                                                40   ml
  3. นมสด                                              150   ml
  4. น้ำเชื่อม                                              10   ml (~2 ช้อนชา)
  5. น้ำแข็ง

ขั้นตอนการชง

1. ละลายผงมัทฉะให้เข้ากับน้ำอุ่น โดยการร่อนผงมัทฉะผ่านกระชอนใส่ถ้วยหรือชาม แล้วค่อยเทน้ำอุ่นตามลงไปแล้วใช้ Chasen หรือเครื่องตีฟองนม ตีให้ผงชาละลายเข้ากับน้ำ แล้วพักเอาไว้

2. เติมน้ำแข็งใส่แก้วอีกใบ

3. เติมน้ำเชื่อมตามความหวานที่ต้องการ

4. เทนมสดลงไป คนให้เข้ากับน้ำเชื่อม

5. ราดมัทฉะที่ละลายน้ำไว้แล้วลงบนนมสดอีกที

หรือสามารถดู VDO วิธีชงได้ที่นี่ครับ ^^

*** ถ้าไม่มีอุปกรณ์ช่วยละลายให้ลองใช้วิธีนี้ดูนะครับ

1. ใส่ผงชาเขียวมัทฉะกับน้ำตาลทรายลงไปในถ้วย
2. เอียงถ้วยแล้วใช้ช้อนบดส่วนผสมให้เกร็ดน้ำตาลไปบดผงชาเขียวมัทฉะ จนแตกตัวไม่จับเป็นก้อน
3. ค่อยๆเติมน้ำอุ่นลงไป เอียงถ้วยแล้วใช้ช้อนบดผงชาเขียวมัทฉะกับข้างถ้วย คนจนละลายหมด

———————————-

MATCHAZUKI – Crafted for matcha lover
“เพราะเราเลือกมัทฉะ อย่างคนที่รักมัทฉะ”⠀⠀
マッチャラブユー

เพิ่มสีสันให้เมนูชา รับเทศกาลคริสมาสต์

ใกล้ช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลากหลายร้านเริ่มออกเมนูใหม่ต้อนรับเทศกาลความสุข ทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะสร้างสรรค์เมนูยังไง Matchazui ได้รวบรวมไอเดียและสูตรเครื่องดื่มและขนมชาเขียว ให้คอชาเขียวได้ลองปรับเปลี่ยนเมนูที่ร้านให้สนุกขึ้น

เริ่มจากมัทฉะลาเต้ร้อน เมนูแนะนำของหลายๆร้าน ที่เพิ่มสีสันรับเทศกาล คริสมาสต์ง่ายๆเพียงใส่มาชแมลโลว์ snowman น่ารักๆลงไปทานคู่กัน วิธีทำไม่ยากมากเพราะเริ่มจากทำมาร์ชแมลโลว์ทรงสี่เหลี่ยมตามสูตรมาชแมลโลว์ที่ร้านชื่นชอบ ให้มีขนาดใหญ่พอที่จะตัดเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ  ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมด้านใดด้านหนึ่งหักออกแล้วจุ่มไม้จิ้มฟันลงในไวท์ช็อคโกแลตสีส้มที่ละลายแล้วและวาดจมูกลงบนมาร์ชแมลโลว์ ส่วนตาใส่ดาร์กช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันมะพร้าว 1/4 ช้อนชาลงในจานเล็ก ๆ และไมโครเวฟทีละ 20 วินาทีกวนทีละน้อยจนดาร์กช็อกโกแลตละลายอย่างสมบูรณ์และเนียน ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมจุ่มลงในดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายแล้วตบที่ตาและปากของ snowman แล้วปล่อยให้ช็อคโกแลตหน้ามนุษย์หิมะตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนเสิร์ฟคู่มัทฉะลาเต้ร้อนแก้วโปรด

เมนูชาเขียว

ต่อด้วย Matcha Cookie Christmas Tree เริ่มจากตีเนยจืด 1 ถ้วย ผงมัทฉะ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาล  1 ½  ถ้วยจนฟู ใส่ไข่แดง 1 ฟอง และวานิลลา 1 ช้อนชาลงไปแล้วผสมจนเข้ากัน แล้วร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกันพักไว้อีกชาม ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในชามแล้วผสมให้เข้ากัน ปิดฝาแป้งและแช่เย็น 30 นาที เปิดเตาอบที่ 180 องศา วางกระดาษรองอบลงในถาดอบ

หั่นแป้งเป็นครึ่ง ๆ หรือสี่ส่วนแล้วรีดให้มีความหนาประมาณ 1/6 – 1/4 นิ้ว ใช้พิมพ์ต้นคริสมาสต์ตัดลงไปแล้ววางบนกระดาษรองอบที่เตรียมไว้ อบแต่ละชุดเป็นเวลา 7-9 นาที  ตกแต่งลวดลายด้วยไวท์ช็อคโกแลตที่ละลายด้วยไมโครเวฟ 20 วินาที หรือผสมสีแดงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ลวดลายที่แตกต่างไป

ความเข้มอ่อนขอสีต้นคริสมาต์ขึ้นอยู่กับปริมาณผงมัทฉะที่ใส่ลงไป เพิ่มความน่ารักด้วยการผูกโบว์ หรือแพ็คใส่ถุงแก้วใสๆเพื่อโชว์ลวดลายคุ้กกี้ก็ได้

เทคนิคเพิ่มความน่ารักให้คุ้กก้คริสมาสต์คือ ตอนกดแป้งเป็นรูปต้นคริสต์มาสต์ สามารถกดเป็นรูปดาว หลายๆขนาดได้ เพื่อหลังจากอบเสร็จ มาวางเรียงสลับชั้นกัน โดยแต่ละชั้นเชื่อมด้วยไวท์ช็อคโกแลตเล็กน้อย ปักดาวด้านบนด้วยเมล็ดอัลมอนด์ แล้วโรยไอซิ่งเล็กน้อย ก็ได้เมนูคุ้กกี้ชาเขียวรับเทศกาลคริสมาต์นี้แล้ว

เมนูชาเขียว

อีกเมนูที่แค่เห็นก็นึกถึงต้นคริสมาต์เลย คือ Matcha Mont Blanc สามารถใช้สูตรมองบลังค์ปกติที่ทำได้เลยเพียงแต่เปลี่ยนส่วนผสมครีมเกาลัดที่บีบด้านบนเป็นครีมชาเขียว แล้วประดับตกแต่งด้วยคุ้กกี้ไอซิ่งสีสันสดใส ก็กลายเป็นมองบลังค์ชาเขียวที่ใครได้ทานต้องประทับใจ

นอกจากเมนูชาด้านบนที่เป็นตัวอย่างให้ร้านชาของคุณได้เห็นไอเดียเบื้องต้นสำหรับดัดแปลงเมนูแล้ว ยังมีเมนูชาเขียวอีกหลายหลายเมนูที่สามารถทำขายช่วงคริสมาสต์ได้ เช่น Matcha Hot Chocolate หรือ Matcha Macaron หรือจะเป็น Matcha Cake ที่เน้นการเติมสีแดงด้วยสตอเบอรี่ 

เมนูชาเขียว เมนูชาเขียว  

แต่ถ้าใครไม่ถนัดทำขนมที่ต้องใช้เทคนิคเยอะๆ ลองเอาเมนูขนมชาเขียวแบบไม่อบ ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/dpDS7 ) มาปรับให้เป็นสไตล์คริสมาต์ดูก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจ ยิ่งถ้ามีเมนูใหม่ๆออกมาพร้อมกับจัดแคมเปญส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นหรือกิจกรรมที่น่าสนใจ ยิ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาที่ร้านได้มากขึ้น ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/ceqKP ) เพราะไม่จำเป็นว่าช่วงเทศกาลแบบนี้ทุกร้านจะต้องมีเมนูใหม่ๆออกมา มันอาจจะเป็นการยากไปสำหรับบางร้านที่ต้องคิดเมนูใหม่ๆตลอด เพราะตามควมเชื่อของคนญี่ปุ่นนั้น แค่ซื้อชาเขียวมอบให้กันในเทศกาลต่างๆ ก็ถือว่าเป็นการอวยพรให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/bcCHK )

ที่มา 

https://encha.com/pages/matcha-recipes

https://www.stephaniesuen.com/2018/12/08/mini-matcha-christmas-tree-sugar-cookies/

https://steemit.com/food/@alwayssmile/elegant-noble-french-dessert-mont-blanc

https://hostthetoast.com/matcha-cookie-christmas-tree-stacks/

Enhancing Japanese Desserts: Matcha Powder with Three Classic Toppings

“โยคัง วาราบิโมจิ ดังโงะโมจิ” ขนมญี่ปุ่น 3 ชนิดนี้ เห็นได้ทั่วไปในร้านขนมญี่ปุ่น บางร้านก็เสิร์ฟแบบเดี่ยวๆ บางร้านก็เสิร์ฟคู่ชาเขียวร้อนๆ ตามร้านคาเฟ่ จะถูกนำมาเป็นท้อปปิ้งบนพาร์เฟต์ ไอศครีม หรือน้ำแข็งใส เพื่อให้ขนมจานนั้นได้กลิ่นอายและสัมผัสรสชาติความเป็นญี่ปุ่น

ในปัจจุบันได้มีการดัดแปลงปรับสูตรให้รสชาติของขนมทั้ง 3 ชนิดนี้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และมีวิธีจัดเสิร์ฟแบบทันสมัยแต่ได้กลิ่นอายความเป็นวากาชิ หรือขนมญี่ปุ่น หลากหลายไอเดียและวิธีทำขนมแบบง่ายๆให้คนรักมัทฉะเอาไปปรับสูตรทำเองที่ร้านได้

Matcha YokanMatcha Yokan

เริ่มจาก “โยคัง”(羊羹) โยคังเป็นวุ้นถั่วแดงกวน ปกติจะมีรูปทรงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีน้ำตาลแดงจากถั่วรสชาติหวานจัด ส่วนใหญ่จะทานคู่กับชาเขียวร้อนในพิธีชงชารสชาติจะตัดกัน เดิมทีมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นขนมที่ทำด้วยเจลาตินจากเนื้อแกะ ในยุคคามาคุระมีนักบวชศาสนาพุทธนิกายเซน เป็นผู้นำขนมโยคังเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น แต่เนื่องจากศาสนาพุทธห้ามการฆ่าสัตว์ จึงมีการเปลี่ยนจากเจลาตินจากสัตว์ มาเป็นแป้ง ถั่วแดง และวุ้น และมีการใช้วุ้นเข้ามาผสมในภายหลัง จนกลายมาเป็นโยคังในปัจจุบัน

โยคังเป็นวุ้นญี่ปุ่นซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน มีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลแดงโดยทำจากถั่วแดงกวน (Anko) ถ้าเป็นโยคังสีเขียวก็ทำจากชาเขียว ที่มีวิธีทำแสนง่าย

  1. นำถั่วแดงบดเนื้อเนียน 225 กรัมและน้ำตาลทรายขาว 70 กรัมผสมลงในหม้อ นำไปต้มด้วยไฟกลาง คอยคนตลอดด้วยไม้พายเพื่อไม่ให้ไหม้
  2. ต้มไปซักพัก แล้วลองลากไม้พายลงไปตรงกลางแล้วยังเหลือเป็นรอยลาก คือถั่วแดงไม่ไหลกลับมากลบรอยก็ถือว่าโอเค จากนั้นตักออกมาแผ่บนถาดเพื่อให้เย็นลง
  3. ในหม้อต้มอีกใบผสมน้ำ 180 มล. + ผงชาเขียว 5 กรัม กับผงวุ้นหรือผงคันเทน 2 กรัม  ต้มจนเดือดแล้วจึงลดเป็นไฟเบา ต้มต่ออีก 2 นาทีแล้วจึงปิดไฟ
  4. ผสมน้ำตาลทรายแดง  20 กรัม และ (2) ลงไปใน (3) ผสมจนเข้ากัน นำไปต้มจนเดือดแล้วจึงลดเป็นไฟเบา ต้มต่ออีก 2 นาที
  5. เทใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่เย็น 30 นาที เอาออกมาหั่นเสิร์ฟเป็นชิ้นๆ อาจเสิร์ฟคู่กับถั่วแดงเชื่อมด้านบน

คุณสมบัติอีกอย่างที่คาดไม่ถึงของขนมโยคัง คือ เก็บไว้ได้นาน อย่างเช่นมากถึง 5 ปี 6 เดือน เพื่อสามารถเก็บเป็นอาหารยามฉุกเฉินเวลามีเหตุภัยพิบัติธรรมชาติ นอกจากนี้ร่างกายยังดูดซึมสารอาหารได้ง่าย และเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติได้แม้ไม่ได้นำเข้าตู้เย็น

Warabi MochiWarabi Mochi

ส่วน” วาราบิโมจิชาเขียว “เป็นขนมญี่ปุ่นที่ทำด้วยแป้งจากต้นวาราบิ เนื้อแป้งหนึบ ๆ คล้ายกับแป้งโมจิ นิยมนำไปคลุกกับ คินาโกะ (Kinako) ซึ่งเป็นผงถั่วเหลืองได้กลิ่นหอม ๆ แบบถั่วคั่ว หรือทานคู่ซอสน้ำตาลทรายแดง เรียกว่า คุโรมิสึ (Kuromitsu) หรือโรยผงชาเขียว ก็เป็นขนมที่ได้รับความนิยมมากๆ ในช่วงหน้าร้อน ตามร้านคาเฟ่จะมีวาราบิโมจิเป็นท้อปปิ้งบนพาร์เฟต์ ไอศครีม วิธีทำก็ไม่ยาก เริ่มจาก

  1. ผสมแป้งวาราบิโมจิเขียว100 กรัม นํ้าตาล 50 กรัม ผงมัทฉะ  1 ช้อนชา นํ้าเปล่า 500 มล. ในอ่างผสม
  2. เอาหม้อใส่นํ้าต้มให้เดือด วางอ่างผสมลงไปด้านบน กวนไปเรื่อยๆ พอแป้งเริ่มสุก ก็ยกลงกวนต่อจนแป้งสุกและใสทั่ว เป็นเนื้อเดียวกัน โรยผงถั่วบนถาดหรือภาชนะที่จะใช้ใส่วาราบิโมจิ เสร็จแล้ววางในอ่างที่ใส่นํ้าแข็ง ทิ้งไว้ให้เย็นและเซ็ตตัว ประมาณ 20 นาที
  3. เทออกมาหั่น สังเกตจากแป้ง แป้งจะนุ่ม ใส และไม่คงรูป หั่นแล้วไม่เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเป็นเพราะแป้งนุ่มมากๆ ทำเสร็จแล้วรีบทานให้หมด
  4. หากใครอยากทานกับน้ำตาลคุโรมิทสึ ให้เอาน้ำตาลดำ หรือน้ำตาลทรายแดงบ้านเรา 50 กรัม ต้มละลายกับน้ำ 200 มล.  ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับความหวานที่ต้องการ เพียงเท่านี้ก็เหมือนได้ไปคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นเลย

Warabi Mochi

ขนมตัวสุดท้าย “ดังโงะโมจิชาเขียว” ขนมที่ทำจากแป้งโมจิ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ รสชาติเค็มๆ แต่ก็มีบางสูตรอาจเติมเนื้อเต้าหู้เข้าไปผสมด้วย แล้วนำไปนึ่ง หรือ ต้มในน้ำเดือดจนสุกก่อน ย่างบนเตาถ่าน ก่อนจะราดด้วยสารพัด หน้าต่างๆ เช่น โชยุ มิโสะ ถั่วแดงกวน มันเทศหวาน งาดำบด หรือ ซอสชาเขียว ด้วยรสสัมผัสนุ่ม หนุบหนับ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ แม้วิธีการเสิร์ฟจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ขนมดังโงะก็ยังถือได้ว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงขนบธรรมเนียมและประเพณีอันเก่าแก่ในอดีตของญี่ปุ่นมานับร้อยๆปี มาลงมือทำดังโงะตามสไตล์คนรักชาเขียวกันดีกว่า โดยสามารถผสมผงชาเขียวลงไปในแป้งเลยก้ได้เพื่อให้ได้แป้งสีเขียว หรือที่เห็นกันทั่วไปจะทำเป็นลูกสีขาวธรรมดา แต่ตกแต่งด้วยท้อปปิ้ง หรือซอสแบบต่างๆ

DangoDango

  1. เริ่มจากผสมแป้งข้าวเหนียว 100 g. แป้งข้าวจ้าว 100 g. และน้ำตาล 2 ช้อนชา เข้าด้วยกัน
  2. เติมน้ำ ⅔ ส่วน ในส่วนผสม ค่อยๆนวดจน เป็นเนื้อเนียน แล้วปั้นแป้งเป็นก้อนๆ เล็กใหญ่ตามต้องการ
  3. ค่อยๆย่อนลงต้มในน้ำเดือด ประมาณ 1 นาที หรือจนตัวดังโงะลอยขึ้น จากนั้นตักขึ้นแล้วนำมาน็อคด้วยน้ำเย็นจัด
  4. ปล่อยให้สะเด็ดน้ำแล้วนำมาเสียบไม้ แล้วนำไปย่าง ประมาณ 4 นาทีแล้วเอาขึ้น
  5. ส่วนน้ำซอสหรือท้อปปิ้งที่ใช้ราดดังโงะ สามารถดัดแปลงได้ตั้งแต่ใช้ถั่วขาวผสมผงชาเขียว หรือราดด้วยซอสมิทาราชิ ที่ทำจากน้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ + ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ + มิริน 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ + แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวจนเข้ากัน หรือจะทานคู่กับไอศรีมชาเขียวก็เป็นมื้ออร่อยของเด็กๆอย่างแน่นอน

Matcha DangoMatcha DangoMatcha Dango

ที่มา

teanobi.com

8days.sg

http://kyotofoodie.com/kyoto-cafe-jouvencelle-gion/

recetasgratis.net

https://www.flickr.com/photos/bananagranola/2529983071

บทความจากFuwafuwa

Convenient Matcha Snacks: Satisfying Bites for On-the-Go Energy

ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ หลายคนคงออกเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดกัน แต่เวลาเดินทางแต่ละที ต้องฝ่ารถติด คนเยอะ บางทีถึงร้านอาหารแล้วก็ยังทานไม่ได้เพราะคิวเต็มก็มี เพื่อให้ท้องไม่ว่าง แนะนำให้พก snack สั่งชิ้นสองชิ้นติดกระเป๋าไว้ หิวเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาทนได้เลย ไม่ต้องหัวเสียหิวจนพาลหงุดหงิด หรือรอนานจนทริปหมดสนุก มาดูไอเดียสำหรับ Easy snacks สไตล์คนรักชาเขียวกันว่ามีเมนูอะไรน่าสนใจบ้าง เป็นไอเดียให้ทั้งคนที่รักการเข้าครัวทำเอง และเป็นไอเดียให้ร้านชา ร้านคาเฟ่ที่เน้นขายเมนูชาเขียว เพื่อให้มีขนมแบบ Grab&Go หยิบแล้วจ่ายเงินได้เลยไม่ต้องรอนาน

Matcha Granola Bars

เมนูแรกMatcha Granola Bars ขนมที่ได้คุณค่าทางสารอาหารแบบเต็มๆ ทำไม่ยากเพียงแค่นำ ข้าวโอ้ต 250 g. + อัลมอนด์สับ 80 g. +  เมล็ดฟักทอง 40 g + โกจิเบอรี่ 50 g แผ่ลงบนถาดอบ อบ 170°C 10 นาที

หลังจากอุ่นเมเปิ้ลไซรัป 180 g กับเนยอัลมอนด์ 180 g ในอุณหภูมิต่ำละลายเข้ากันนำไปคลุกกับผงมัทฉะ 1 ช้อนโต๊ะ และส่วนผสมที่เข้าเตาอบเมื่อสักครู่แล้วนำมาแผ่บนถาดนำเข้าตู้เย็นเพื่อให้เซ็ตตัวประมาณ 10 นาที แล้วนำออกมาหั่นเป็นชิ้นๆตามขนาดที่ต้องการ

Cranberry Almond Matcha Macaroons

มาดูตัวที่สองที่น่าทานไม่แพ้กันCranberry Almond Matcha Macaroons ที่พลิกโฉมความคลาสสิกของมาการูนมะพร้าวแบบดั้งเดิม ด้วยการปรุงแต่งด้วยผงมัทฉะ แครนเบอร์รี่อบแห้งและอัลมอนด์ รสชาติเข้ากันได้ดี เริ่มจากใส่มะพร้าวขูด ประมาณ 2 ¼ ถ้วย น้ำตาลทราย ¼  ถ้วย ผงมัทฉะ 2 ช้อนชา

และเกลือป่น ⅛ ช้อนชา ลงในชามผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ไข่ขาวและกลิ่นอัลมอนด์ คนให้เข้ากันจนส่วนผสมเข้ากันดี เติมแครนเบอร์รี่อบแห้งสับ ½ ถ้วย และอัลมอนด์สับ ¼ ถ้วยลงไป แล้วใช้ที่ตักไอศครีมตักส่วนผสมออกมาเป็นสกู๊ป วางบนถาดอบ เว้นระยะระหว่างชิ้นเล็กน้อยเพื่อให้เวลาอบไม่ติดกัน นำเข้าอบ 160 องศา 24-30 นาที หรือจนขอบด้านล่างและด้านบนของมาการูนเป็นสีน้ำตาลทอง นำออกจากเตาอบและปล่อยให้เย็นบนแผ่นประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะย้ายไปที่ตะแกรงเพื่อให้เย็นสนิท เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

อีกเมนูแสนง่ายคือMatcha Energy Ball โดยใส่อัลมอนด์ 1 ถ้วย + อินทผาลัมสับ ½  ถ้วย + เมล็ดเจีย 2 ช้อนโต๊ะ + ผงมัทฉะ 1 ช้อนชา + กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา และเกลือหยิบมือ ลงในเครื่องปั่นความเร็วสูง ปั่นจนส่วนผสมจะเริ่มติดกัน ปั่นเป็นก้อนกลม ทิ้งไว้ในช่องแช่แข็งอย่างน้อย 30 นาที ก็จะได้เพลิดเพลินกับมัทฉะบอลได้ ซึ่งมัทฉะบอลนี้จะเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 1 สัปดาห์

Matcha Snack

อีกเมนูที่คนฝรั่งจะเรียกว่า Nougat ที่เกิดจากการนำ น้ำตาล  น้ำผึ้ง ถั่วต่างๆ และผลไม้แห้งหลากชนิดมาคั่วและกวนจนแห้ง เหนียวและแข็งคล้ายกับ “ตังเม” ในไทยนั้นเอง สามารถเติมผงมัทฉะลงไปเพื่อเพิ่มความขมตัดกับรสหวานและเพิ่มTexture ของการเคี้ยวด้วยงาดำ

Nougat Nougat

อีกเมนูที่เชื่อว่าหลายคนคิดไม่ถึงว่าป็อปคอร์นจะสามารถทำรสชาเขียวได้ อย่งป็อปคอร์นชาเขียวหรือเป็นพวกถั่วอัลมินด์ เม็ดมะม่วงหิมพาานต์คลุกกับผงมัทฉะ ที่ญี่ปุ่นก็เริ่มมีหลายร้นที่แพ็คถั่วรสชาติต่างๆขาย เป็นการต่อยอดเมนูเดิมๆให้ดูสร้างสรรค์ขึ้น แถมยังแบ่งบรรจุใส่แพ็คเล็กให้พกพาไปทานที่ไหนก็ได้

ที่มา

https://www.mysequinedlife.com/cranberry-almond-matcha-macaroons/

https://www.snixykitchen.com/matcha-black-sesame-nougat-chews/

https://foodaciously.com/recipe/matcha-granola-bars

บทความจาก : Fuwafuwa

Infuse Festive Cheer: Add a Splash of Color to Your Tea Menu This Christmas

ใกล้ช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลากหลายร้านเริ่มออกเมนูใหม่ต้อนรับเทศกาลความสุข ทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะสร้างสรรค์เมนูยังไง MATCHAZUKI ได้รวบรวมไอเดียและสูตรเครื่องดื่มและขนมชาเขียว ให้คอชาเขียวได้ลองปรับเปลี่ยนเมนูที่ร้านให้สนุกขึ้น

คริสมาสต์

เริ่มจาก มัทฉะลาเต้ร้อน เมนูแนะนำของหลายๆร้านที่เพิ่มสีสันรับเทศกาล คริสมาสต์ง่ายๆเพียงใส่มาชแมลโลว์ snowman น่ารักๆลงไปทานคู่กัน วิธีทำไม่ยากมากเพราะเริ่มจากทำมาร์ชแมลโลว์ทรงสี่เหลี่ยมตามสูตรมาชแมลโลว์ที่ร้านชื่นชอบ ให้มีขนาดใหญ่พอที่จะตัดเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมด้านใดด้านหนึ่งหักออกแล้วจุ่มไม้จิ้มฟันลงในไวท์ช็อคโกแลตสีส้มที่ละลายแล้วและวาดจมูกลงบนมาร์ชแมลโลว์ ส่วนตาใส่ดาร์กช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันมะพร้าว 1/4 ช้อนชาลงในจานเล็ก ๆ และไมโครเวฟทีละ 20 วินาทีกวนทีละน้อยจนดาร์กช็อกโกแลตละลายอย่างสมบูรณ์และเนียน ใช้ไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมจุ่มลงในดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายแล้วตบที่ตาและปากของ snowman แล้วปล่อยให้ช็อคโกแลตหน้ามนุษย์หิมะตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนเสิร์ฟคู่มัทฉะลาเต้ร้อนแก้วโปรด

Matcha Cookie Christmas Tree

ต่อด้วย Matcha Cookie Christmas Tree เริ่มจากตีเนยจืด 1 ถ้วย ผงมัทฉะ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาล  1 ½  ถ้วยจนฟู ใส่ไข่แดง 1 ฟอง และวานิลลา 1 ช้อนชาลงไปแล้วผสมจนเข้ากัน แล้วร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกันพักไว้อีกชาม ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในชามแล้วผสมให้เข้ากัน ปิดฝาแป้งและแช่เย็น 30 นาที เปิดเตาอบที่ 180 องศา วางกระดาษรองอบลงในถาดอบ

หั่นแป้งเป็นครึ่ง ๆ หรือสี่ส่วนแล้วรีดให้มีความหนาประมาณ 1/6 – 1/4 นิ้ว ใช้พิมพ์ต้นคริสมาสต์ตัดลงไปแล้ววางบนกระดาษรองอบที่เตรียมไว้ อบแต่ละชุดเป็นเวลา 7-9 นาที ตกแต่งลวดลายด้วยไวท์ช็อคโกแลตที่ละลายด้วยไมโครเวฟ 20 วินาที หรือผสมสีแดงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ลวดลายที่แตกต่างไป

ความเข้มอ่อนขอสีต้นคริสมาต์ขึ้นอยู่กับปริมาณผงมัทฉะที่ใส่ลงไป เพิ่มความน่ารักด้วยการผูกโบว์ หรือแพ็คใส่ถุงแก้วใสๆเพื่อโชว์ลวดลายคุ้กกี้ก็ได้

เทคนิคเพิ่มความน่ารักให้คุ้กก้คริสมาสต์คือ ตอนกดแป้งเป็นรูปต้นคริสต์มาสต์ สามารถกดเป็นรูปดาว หลายๆขนาดได้ เพื่อหลังจากอบเสร็จ มาวางเรียงสลับชั้นกัน โดยแต่ละชั้นเชื่อมด้วยไวท์ช็อคโกแลตเล็กน้อย ปักดาวด้านบนด้วยเมล็ดอัลมอนด์ แล้วโรยไอซิ่งเล็กน้อย ก็ได้เมนูคุ้กกี้ชาเขียวรับเทศกาลคริสมาต์นี้แล้ว

Matcha Mont Blanc

อีกเมนูที่แค่เห็นก็นึกถึงต้นคริสมาต์เลย คือ Matcha Mont Blanc สามารถใช้สูตรมองบลังค์ปกติที่ทำได้เลยเพียงแต่เปลี่ยนส่วนผสมครีมเกาลัดที่บีบด้านบนเป็นครีมชาเขียว แล้วประดับตกแต่งด้วยคุ้กกี้ไอซิ่งสีสันสดใส ก็กลายเป็นมองบลังค์ชาเขียวที่ใครได้ทานต้องประทับใจ

Matcha Mont Blanc

นอกจากเมนูชาด้านบนที่เป็นตัวอย่างให้ร้านชาของคุณได้เห็นไอเดียเบื้องต้นสำหรับดัดแปลงเมนูแล้ว ยังมีเมนูชาเขียวอีกหลายหลายเมนูที่สามารถทำขายช่วงคริสมาสต์ได้ เช่น Matcha Hot Chocolate หรือ Matcha Macaron หรือจะเป็น Matcha Cake ที่เน้นการเติมสีแดงด้วยสตรอเบอร์รี่

Matcha Macaron Matcha Macaron

แต่ถ้าใครไม่ถนัดทำขนมที่ต้องใช้เทคนิคเยอะๆ ลองเอาเมนูขนมชาเขียวแบบไม่อบ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/dpDS7 ) มาปรับให้เป็นสไตล์คริสมาต์ดูก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจ ยิ่งถ้ามีเมนูใหม่ๆออกมาพร้อมกับจัดแคมเปญส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นหรือกิจกรรมที่น่าสนใจ ยิ่งช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาที่ร้านได้มากขึ้น ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/ceqKP ) เพราะไม่จำเป็นว่าช่วงเทศกาลแบบนี้ทุกร้านจะต้องมีเมนูใหม่ๆออกมา มันอาจจะเป็นการยากไปสำหรับบางร้านที่ต้องคิดเมนูใหม่ๆตลอด เพราะตามควมเชื่อของคนญี่ปุ่นนั้น แค่ซื้อชาเขียวมอบให้กันในเทศกาลต่างๆก็ถือว่าเป็นการอวยพรให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ( ดูเพิ่มเติมได้ที่ shorturl.at/bcCHK )

ที่มา

https://encha.com/pages/matcha-recipes

https://www.stephaniesuen.com/2018/12/08/mini-matcha-christmas-tree-sugar-cookies/

https://steemit.com/food/@alwayssmile/elegant-noble-french-dessert-mont-blanc

https://hostthetoast.com/matcha-cookie-christmas-tree-stacks/

บทความจาก : Fuwafuwa

The Truth About Drinking Green Tea with Milk: Is It Harmful to Your Health?

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าประโยชน์สูงสุดของการดื่มชาเขียว คือ ต้องดื่มแบบเพียวๆ ไม่ใส่นม น้ำตาล แต่ก็ใช่ว่าการใส่นมลงไป จะทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหารของชาไปทั้งหมด เพราะนมก็มีหลายประเภท ทั้งนมสด นมผง นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ แต่ละชนิดก็ให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป หากคุณต้องการได้รับประโยชน์สูงสุด การดื่มชาเขียวใส่นม จะทำให้คุณประโยชน์ของชาลดลงเท่านั้น แต่จะไม่สามารถขจัดประโยชน์ทั้งหมดได้

ประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาเขียว คือ ประโยชน์จากคาเทชินซึ่งดีต่อหัวใจการไหลเวียนของเลือด คาเทชินเป็นอาวุธสำคัญของธรรมชาติที่เข้าไปทำหน้าที่ป้องกันการเกิดอนุมูล อิสระ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในร่างกาย ชะลอความเสื่อมของร่างกายและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย ซึ่งในนมจะมีโปรตีนที่พบ เรียกว่า เคซีน ตัวนี้จะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับคาเทชินและลดประโยชน์ต่อสุขภาพ เพียงแค่ลดประโยชน์ที่ดีลง แต่ไม่ได้ผลิตสารเคมีที่ไม่ดีต่อร่างกาย

Soy Milk Soy Milk

ดังนั้น หากจะช่วยเพิ่มประโยชน์ในการดื่มชาเขียวลาเต้แก้วโปรดของคุณ มีทางเลือกอีกมากมายในการใส่นมลงไป เช่น การเลือกนมถั่วเหลืองแทนนมวัว นมถั่วเหลืองมีเลซิตินซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลที่แตกต่างจากเคซีนดังนั้นคุณจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากคาเทชิน เพียงแค่รสชาติจะแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น และยังเป็นทางเลือกสำหรับคนที่แพ้นมวัวอีกด้วย แต่ถ้าาใครไม่ชอบนมถั่วเหลือง ก็ยังมีนมถั่วพิตาชิโอ้ และนมอัลมอนด์ ที่มีคุณค่าทางสารอาหารไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตามสามารถเพลิดเพลินกับการดื่มชาเขียวได้เหมือนเดิม แทนนิน กรดแกลลิก และคาเฟอีน คุณประโยชน์ในชายังคงทำหน้าที่ได้ดีตามปกติเมื่อคุณดื่มชาเขียวใส่นม

Milk

ข้อควรระวังสำหรับการดื่มชาเขียวใส่นมโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่ขายเครื่องดื่มชาเขียวในราคาถูกมากๆ อาจจะมีการใช้นมผง แทนนมสด จริงๆแล้วนมผง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ๆที่เก็บรักษาง่ายเพราะเป็นผงไม่ต้องแช่เย็น แต่บางร้านไม่ได้ใช้นมผงแท้ๆ ราคาจึงถูกกว่านมผงทั่วไปก็มีพบได้ในตลาดทุกวันนี้

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการร้านเครื่องดื่มชา กาแฟ นอกจากการเลือกผงมัทฉะที่เป็นองค์ประกอบหลักในการชงเครื่องดื่มแล้ว อย่าลืมที่จะทำความรู้จักกับนม ที่เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญด้วย

อย่างนมสดพาสเจอร์ไรซ์ นิยมบรรจุในขวดพาสติก แบบขุ่น กล่องกระดาษ หรือถุงพลาสติก โดยวางจำหน่ายในตู้เย็น หรือ ตู้แช่ ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้นมเสีย เป็นนมที่มีคุณค่า ทางอาหารใกล้เคียงกับนมโคสดมากที่สุด นมประเภทนี้จึงเหมาะกับร้านขายเครื่องดื่มอย่างน้ำชา กาแฟมากที่สุด เพราะหาซื้อง่าย และสะดวก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีความหอม อร่อยที่ต่างกันออกไป และเป็นนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ข้อจำกัดของนมชนิดนี้คือ ต้องเก็บเเช่เย็นไว้ตลอดเวลา เมื่อเปิดแล้วต้องใช้ให้ หมดภายใน 2 วัน มิฉะนั้น นมอาจเสียได้

ดังนั้นบางร้านที่ไม่สะดวกใช้นมสด ก็อาจจะใช้นม UHT น้ำนมสดที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อนที่สูงมากแต่ใช้เวลาสั้นมากจึงทำให้น้ำนมยังมีกลิ่นและรสที่ดี ไม่มีกลิ่นเป็นนมต้ม (ไหม้) เหมือนนมสดสเตอร์ไรซ์ รสชาติ ความสด อร่อยน้อยกว่า เมื่อเทียบกับนมพาสเจอร์ไรซ์ แต่ก็ยังได้รสชาติที่ดีกว่านมผงนั่นเอง เพราาะนมผง เป็นกระบวนการถนอมรักษานมสด โดยการทำให้เป็นผงแห้ง การแปรรูปเป็นผงโดยการระเหยน้ำส่วนใหญ่ออกจากน้ำนมสด ทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งเป็นผง มีน้ำหนักเบา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและเก็บได้นาน

Milk

หากใครที่ไม่รู้จะเลือกใช้นมแบบไหนดี แนะนำให้คำนึงถึงก่อนว่า นมประเภทที่จะใช้ หาซื้อได้ง่ายไหม / สูตรการชงของร้านเป็นอย่างไร และราคา ต้นทุน เมื่อรวมกันแล้วได้กำไรต่อแก้วละเท่าไหร่

ไม่จำเป็นจะต้องสต็อกนมไว้มาก เพราะต้นทุนไม่สูง นอกจากนมที่ไว้ใส่ในชาแล้ว อย่าลืมคิดต้นทุนนมเผื่อนมที่ไว้ตีฟองนมทำเป็นท็อปปิ้งด้วย หากใช้นมประเภทเดียวกันได้ ก็ถือเป็นการประหยัดต้นทุนได้อีกทาง

ที่มา

https://www.japanesegreenteain.com

https://500px.com/photo/270154585/Iced-matcha-latte-with-milk-pouring-fron-pitcher-in-glass-by-Anna-Ivanova/

https://zibafoods.com/cold-pistachio-milk-with-cardamom-and-rosewater/

http://www.maki.vn/organic-vegan-milk

https://www.alphafoodie.com/simple-homemade-soy-milk-recipe/

บทความจาก : Fuwafuwa

ไขข้อสงสัย ทำไมชาไทย จึงต่างจาก ชาญี่ปุ่น

ดูเผินๆอาจจะไม่รู้ว่า เครื่องดื่มชาเขียวที่เราทานอยู่นั้น มาจากญี่ปุ่นแท้ๆ หรือผลิตจากในไทยกันแน่หากไม่ได้มีการระบุไว้ที่ชัดเจน ก็แยกยากอยู่เช่นกัน เพียงแต่จะสังเกตได้จากลักษณะของการบริโภค กล่าวคือ

1. คนญี่ปุ่นหลายคนยังคงมีความคิดว่า ชาเขียวกับน้ำตาล เป็นสิ่งที่ไม่เข้ากัน และยังนิยมบริโภคชาเขียวรสจืด ซึ่งเป็นรสดั้งเดิมเหมือนเมื่อสมัยโบราณ เป็นชาเขียวเพียวๆที่ดีต่อสุขภาพมากๆ แต่คนไทยจะบริโภคแบบนี้ไม่ค่อยได้กัน ชาเขียวไทย จึงได้มีการใส่น้ำตาลลงไปเพื่อปรับให้เข้ากับความชอบของคนไทย

Matcha Matcha

2. คนญี่ปุ่นมีวิธีชงชาที่พิถีพิถัน จนเกิดเป็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ วิธีการดื่มชาของญี่ปุ่นส่วนมากจะดื่มแบบร้อนเท่านั้น แต่ที่ไทย ด้วยความที่อากาศร้อน คนจึงนิยมบริโภคแบบเย็นมากกว่า

Matcha Matcha

3. ในส่วนของกรรมวิธีการปลูกชาเขียวทางภาคเหนือของไทย กับของญี่ปุ่น ด้วยสภาพอากาศ และอุณหภูมิ ความชื้น ความสูงจากระดับน้ำทะเลต่างกัน ย่อมส่งผลให้คุณลักษณะของชา สี กลิ่น รส แตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละที่ การปลูกที่ไทย ส่วนมากจะปลูกช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดินมีความชุ่มชื้นเพียงพอ แต่ชาเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง และสม่ำเสมอตลอดทั้งปีเพื่อให้มีการแตกยอด ที่ญี่ปุ่นชาจึงแตกยอดได้ดีกว่าด้วยสภาพภูมิอากาศของประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกียวโต เมืองที่รยล้อมด้วยภูเขา จึงทำให้ไม่ร้อนมากและมีความชื้นอยู่ในปริมาณที่เหมาะ อย่างไรก็ตามสวนชาของไทยส่วนใหญ่ยังอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติเป็นแหล่งสำคัญ ทำให้สวนชามีผลผลิตมากน้อยแตกต่างกันไปตามปริมาณน้ำฝนในแต่ละปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและปริมาณน้ำฝนนั่นเอง

4. ชาเขียวญี่ปุ่นไม่ได้ถูกนำไปคั่วบนกระทะเหมือนของไทย แต่กลับถูกนำไปผ่านความร้อนโดยการนึ่ง และอบแห้ง ใบชาเขียวญี่ปุ่นจึงมีสีเขียวที่สด และน้ำชาก็มีสีเขียวอ่อนๆตามธรรมชาติ

Matcha

5. ชาเขียวไทยหลายเจ้ามีการผสมแป้ง ลงไปในผงชาด้วย เพื่อให้ได้ปริมาณผงชาที่เยอะขึ้น แต่รสชาติ สี ก็จะเจือจางลงตามเช่นกัน จึงไม่ต้องแปลกใจหากเจอผงชาเขียวที่ผลิตจากญี่ปุ่นแล้วราคสูงกว่าที่ไทยมาก เห็นได้ชัดจากร้านชา เครื่องดื่มตามท้องตลาด หากสั่งที่เป็นเครื่องดื่มชาเยียว จะได้เห็นได้ชัดจากสีที่ของไทยจะอ่อนจนคล้ายสีเขียวมิ้นต์

Matcha Matcha

อย่างไรก็ตาม แม้ชาที่ผลิตในไทยคุณภาพอาจจะไม่ได้เทียบเท่ากับที่ญี่ปุ่น แต่หากมาชงเครื่องดื่มตามสูตรแบบฉบับที่ร้านได้ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ร้านไหนที่อยากให้ลูกค้าได้ดื่มชาเขียวเข้มข้น กรเลือกใช้ผงชาเขียว วัตถุดิบคุณภาพดีจากต้นกำเนิด ก็จะยิ่งทำให้เมนูที่ร้านน่าทานมากยิ่งขึ้น

ที่มา

https://saihojimatcha.com/pages/saihoji-faqs

https://www.instagram.com/p/BgYv1pfHjgF/

https://nourishedkitchen.com/matcha-tea-latte

บทความจาก : Fuwafuwa